ตะลึง หมอแชร์เคส 'สาวท้อง' 8 เดือน อาเจียนออกมาเป็นสิ่งนี้ คาดมาจากผักสด

เป็นประเด็นที่สร้างอุทาหรณ์ให้กับใครหลายคน เมื่อทางเพจ โรงพยาบาลดอนสัก DonSak Hospital ได้โพสต์เคส 'สาวท้อง' รายหนึ่ง ที่เกิดอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน จนต้องมานอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล

 

 

ภายหลังจากนอนรักษาตัวก็เกิดอาการอาเจียนอีก และพบว่ามีสิ่งแปลกปลอมที่คล้ายไส้เดือนออกมาด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็น 'พยาธิไส้เดือน' ซึ่งมีความยาว ประมาณ 10 เซนติเมตร และ 15 เซนติเมตร

 

โดยทางเพจได้โพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับเคสนี้ว่า

 

"ผู้ป่วย หญิงตั้งครรภ์ อายุ 27 ปี อายุครรภ์ 32 สัปดาห์ อาการสำคัญ 1 วัน ก่อนมาโรงพยาบาลดอนสัก มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียนเป็นเศษอาหาร 5 ครั้ง มีอาการปวดท้องเป็นช่วงๆ ไม่มีถ่ายเหลว มารักษาที่โรงพยาบาลดอนสัก แพทย์ให้นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล  

 

ขณะนอนพักรักษาตัวมีอาเจียน 2 ครั้ง มีสิ่งแปลกปลอมลักษณะคล้ายไส้เดือน ความยาวประมาณ 10 และ 15 เซนติเมตร ออกมา 2 ตัว ส่งตรวจ ทางห้องปฎิบัติการ พบว่าเป็น Ascaris lumbricoides ระยะ Adults 'พยาธิไส้เดือน'

 

 

จากการสอบถามประวัติพบว่าผู้ป่วยทานอาหารที่ปรุงสุก และทาน ผักสด ที่ไม่ได้ปรุงสุกร่วมด้วย โดย สันนิษฐานว่า ผู้ป่วยได้รับพยาธิไส้เตือนเข้าสู่ร่างกายโดยทานอาหารพวก ผักและผลไม้ ที่ปนเปื้อนไข่พยาธิไส้เตือน ซึ่งทำให้เป็นพยาธิไส้เดือนภายในร่างกาย

 

ซึ่งปกติไข่พยาธิพบอยู่ตามดิน ที่ชื้นแฉะ หรือในน้ำ ไข่จะฟัก เป็นตัวอ่อน เมื่อทานอาหารผ่านมาถึง ลำไส้เล็ก อ่อนเหล่านี้ จะเข้าไปอยู่ในร่างกายได้

 

โดยทีมแพทย์และพยาบาล ได้รักษา เป็นยาถ่ายพยาธิ หลังจากนั้น ผู้ป่วยอาการดีขึ้นและ ยังรับไว้ดูแลรักษาแบบผู้ป่วยใน ที่โรงพยาบาลดอนสัก

 

 

ขอขอบคุณผู้ป่วยที่อนุญาตให้แชร์เรื่องราวเป็นวิทยาทาน ขอให้พี่น้องประชาชนทุกท่าน ปรุงอาหาร ให้สุกทุกชนิดไม่ว่าจะเป็น เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว และหลีกเลี่ยงการทานอาหารที่ไม่ปรุงสุด เช่น ปูดอง ปูดิบ กุ้งดิบ หรืออาหารจำพวก ผักสด ผลไม้ ให้ล้างให้สะอาดและ ล้างหลายๆ รอบทุกครั้ง

 

 

ผักเป็น อาหารที่มีกากใย และมีสารอาหารและไฟเบอร์ที่มีประโยชน์ สามารถทานผักสด ผักสลัดได้ เพียงแต่ล้างให้สะอาด ไม่ต้องกังวลจนเกินไปครับ"

 

เรียบเรียงข้อความโดย 

 

นพ.พิรกิจ วงศ์วิชิต
ผอ.รพ.ดอนสัก

 

 

 

 

หลายคนอาจชื่นชอบการรับประทาน ผักดิบ หรือ ผักสด ที่ไม่ผ่านการปรุงสุก เพราะให้ความรู้สึกสดใหม่ มีสัมผัสที่แตกต่างจากผักสุก และยังอาจมีสารอาหารบางอย่างสูงกว่าผักที่ปรุงสุกแล้ว โดยเฉพาะวิตามินที่ละลายน้ำ แต่การบริโภคผักสดมีความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อภายในระบบทางเดินอาหารได้สูงกว่าผักที่ปรุงสุกแล้ว โดยอาจมาจากเชื้อโรคตามธรรมชาติ จากปุ๋ยมูลสัตว์ หรือจากการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม

 

 

อีกทั้ง ผักสด ยังมีความเสี่ยงที่จะปนเปื้อนยาฆ่าแมลงได้ ซึ่งการสัมผัสกับเชื้อและสารเคมีอาจส่งผลให้ท้องเสีย ปวดท้อง เกิดอาการอาหารเป็นพิษ หรือเกิดพยาธิในลำไส้ได้ รวมทั้งลักษณะตามธรรมชาติของผักบางชนิดอาจแข็งและเคี้ยวยาก หากบริโภคผักที่มีลักษณะดังกล่าวมากไปอาจส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักขึ้นจนเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรืออาหารไม่ย่อยได้

 

 

นอกจากนี้ ผัก บางชนิดมีสารต้านโภชนาการ (Anti-Nutrients) ตามธรรมชาติ สารชนิดนี้จะต้านการดูดซึมของสารอาหารบางประเภท อย่างกรดไฟติก (Phytic Acid) ในพืชตระกูลถั่ว ถั่วเปลือกแข็ง และธัญพืชขัดสีน้อยที่เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะลดการดูดซึมของแร่ธาตุบางชนิด เช่น ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม สังกะสี และแคลเซียม ทำให้เกิดร่างกายได้รับสารอาหารไม่เต็มที่ ซึ่งความร้อนจากการปรุงสุกอาจช่วยลดระดับของสารต้านโภชนาการและช่วยให้ร่างกายรับสารอาหารอื่นๆ ได้มากขึ้น

 

 

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าผักบางชนิดหากรับประทานสดอาจให้ประโยชน์มากกว่า เช่น บร็อคโคลี กะหล่ำปลี หัวหอม กระเทียม พริก และหัวบีท เป็นต้น แต่ก็ควรล้างผักเหล่านี้อย่างถูกวิธีเพื่อลดความเสี่ยงจากการได้รับเชื้อโรคและสารเคมีอีก

 

 

ข้อมูล : โรงพยาบาลดอนสัก / Pobpad