เด่นโซเชียล

เส้นทางชีวิต "หมอทวีศิลป์" กับ 10 ข้อ ที่คนไม่เคยรู้ ก่อน ปิดฉาก ศบค.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิด เส้นทางชีวิต "หมอทวีศิลป์" นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน กับ 10 ข้อ ที่คนไม่เคยรู้ เคยถูกขู่ฆ่า ก่อน ปิดฉาก ศบค.

หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบ แต่งตั้งข้าราชการระดับสูง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอจำนวน 7 ตำแหน่ง โดย 1 ในนั้น มีชื่อของ "หมอทวีศิลป์" หรือ นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้ตรวจราชการกระทรวงสำนักงานปลัดกระทรวง อดีตโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ผงาดขึ้นดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (รองปลัด สธ.) และล่าสุด การปิดฉาก ศบค. อย่างเป็นทางการ ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2565 เป็นต้นไป เราจะไม่ได้เห็นภาพของหมอทวีศิลป์ ยืนแถลงรายงานตัวเลขโควิดอีกต่อไป หลายคนคงอยากรู้ว่า ชื่อของ "หมอทวีศิลป์" คนนี้ มีเส้นทางชีวิตอย่างไร ต้องเจอกับอุปสรรค ขวากหนาม มาขนาดไหนกว่าจะมายืนอยู่บนจุดนี้ได้ 

"หมอทวีศิลป์" หรือ ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน มีชื่อเล่นว่า "ศิลป์" เกิดเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2508 ปัจจุบันอายุ 57 ปี เป็นชาวจังหวัดนครราชสีมา บิดาชื่อ เว้งกวง แซ่โต๋ว มารดาชื่อ เพ็ญนภา มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน โดยเค้าเป็นลูกคนที่ 2 ครอบครัวมีอาชีพค้าขาย เปิดร้านโชห่วยอยู่หน้าตลาดเทศบาล 2 จังหวัดนครราชสีมา แต่วันหนึ่งชีวิตเกิดหักเห เมื่อคุณพ่อประสบอุบัติเหตุ ขาพิการ ครอบครัวต้องพลิกชีวิตแบบหน้ามือเป็นหลังมือ จากที่เคยอยู่ที่ตลาด ก็ต้องย้ายออกมาอยู่นอกเมือง บนที่ดินที่พ่อสะสมเงินซื้อไว้แถวชานเมืองโคราช เนื้อที่ประมาณ 100 ตารางวา ริมทางรถไฟถนนมิตรภาพ เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ 

 

 

ณ ตอนนั้น ด.ช.ศิลป์ ต้องเป็นคนเลี้ยงหมูขาย วิดบ่อหาปลาแถวนั้น เพื่อนำไปขาย ขายก๋วยเตี๋ยว ขายของทุกอย่าง ที่ขายได้ ทำขนมผิง พับถุง เพื่อประคองครอบครัว บางวันลำบากถึงขนาดไม่มีข้าวจะกรอกหม้อ ไม่มีอะไรให้หมูกิน ด.ช.ทวีศิลป์ ต้องเดินไปขอ “น้ำข้าว” ตามบ้านมาเลี้ยงหมูจากบ้านไปโรงเรียนอนุบาลนครราชสีมา ต้องนั่งสามล้อไปกลับ เก็บผักตบชวามาซอยผสมรำข้าวกับน้ำข้าว โดยมีพ่อช่วยหาฟืนจากญาติที่ทำเฟอร์นิเจอร์ นำขี้เลื่อยจากเศษไม้เป็นฟืนต้มข้าวหมู 

หมอทวีศิลป์ วัยเด็ก

"หมอทวีศิลป์" จบการศึกษาระดับประถมศึกษา ที่โรงเรียนอนุบาลนครราชสีมา ระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนบุญวัฒนา และจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยเป็นการสอบโควตา หลังจากเรียนจบแพทยศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อปี 2532 เริ่มทำงานที่โรงพยาบาลจิตเวช นครราชสีมา เป็นเวลา 2 ปี หลังจากนั้น ก็ได้เข้าเรียนที่สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา และได้เข้าทำงาน ณ ที่ดังกล่าว โดยทำหน้าที่สอนนักศึกษาแพทย์ไปด้วย

 

 

จนปี 2537 ก็ตัดสินใจไปเรียนต่อเพิ่มเติมที่ มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์แอทชิคาโก ชิคาโก สหรัฐอเมริกา ทางด้านประสาทจิตเวชศาสตร์ ซึ่งช่วงที่อยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา เริ่มทำหน้าที่ตอบคำถามเรื่องจิตเวชผ่านสื่อต่าง ๆ เช่น รายการล้อมรั้วด้วยรักทางวิทยุ INN รายการโทรทัศน์หลายรายการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้เขาเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน

จนราวปี พ.ศ. 2546 - 2547 มีข้าราชการอาวุโส สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ย้ายมาอยู่กับทางกระทรวงสาธารณสุข เริ่มจากการเป็นโฆษกกรมสุขภาพจิต แล้วขึ้นเป็นผู้อำนวยการสำนักสุขภาพจิตและสังคม พร้อมดำรงตำแหน่งโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ (2552-2556) และผู้อำนวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ (2556-2560)

 

  • วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2560 ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา
  • วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2561 ดำรงตำแหน่ง สาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข 
  • วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 ได้ก้าวขึ้นมาเป็นที่รู้จัก ในนาม โฆษก ศบค. และผู้ที่หยิบชื่อของ หมอทวีศิลป์ ขึ้นมาเป็นโฆษก ศบค. คือ บิ๊กตู่ - พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มองเห็นความสามารถ ศักยภาพ เมื่อเทียบกับหลายชื่อที่ถูกเสนอชื่อเข้ามา 
  • วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2563 ได้รับการโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจราชการ กระทรวงสาธารณสุข และเป็นแพทย์ที่ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน

และล่าสุด 30 ส.ค.2565 เมื่อที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบ แต่งตั้ง "หมอทวีศิลป์" นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็น รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ( รองปลัด สธ.) แทนตำแหน่งที่ว่างลงในปัจจุบัน

 

 

ขณะที่ เฟซบุ๊ก Warat Karuchit ของ ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนาคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสารของ ศบค. โพสต์ข้อความถึงการทำหน้าที่ของ หมอทวีศิลป์ ในฐานะโฆษก ศบค.ในช่วงที่ผ่านมา ว่า 

 

บางคนอาจจะคิดว่า พี่หมอทวีศิลป์ ได้เป็นโฆษก ศบค. แล้วโด่งดัง มีชื่อเสียง มีคนชื่นชอบ ชีวิตน่าอิจฉา แต่เบื้องหลังแล้ว มีหลายอย่างที่คนทั่วไปไม่รู้ เพราะพี่หมอไม่เคยออกมาโพสต์ หรือให้สัมภาษณ์ในเรื่องเหล่านี้เลย เช่น

 

1. พี่หมอทำงาน 7 วันไม่เคยหยุดตลอดช่วงโควิด โดยปีสองปีแรก ที่มีแถลงทุกวัน ก็ต้องประชุมทุกวัน วันละอย่างน้อย 4-5 รอบ เช้าตรู่ที่ สธ. แล้วมาต่อที่ ศบค. ชุดเล็กที่ทำเนียบ แล้วต่อด้วยทีม strategic communication แล้วก็เตรียมกับทีมโฆษก เลือกประเด็น แล้วก็แถลงข่าว และส่วนใหญ่ช่วงบ่ายหลังแถลง ก็ต้องกลับไปประชุมต่อที่ สธ. ช่วงหลังพี่หมอต้องไปตรวจราชการที่อีสาน ก็ต้องบินไปบินมาตลอด

 

2. การทำงานโควิด 7 วันของพี่หมอ ทำให้ไม่ได้ไปออกตรวจที่รพ.เอกชน สูญเสียรายได้ไปพอสมควร

 

3. พี่หมอไม่รับงานสัมภาษณ์ งานโฆษณาใด ๆ ทั้งสิ้น ที่มีคนติดต่อมาจำนวนมาก ทิ้งรายได้ไปไม่น้อย เพราะพี่หมอบอกว่า "ถ้ารับหนึ่งที่ ก็ต้องรับทั้งหมด" ซึ่งเป็นไปไม่ได้)

 

4. ช่วงที่สถานการณ์ดี ก็มีคนชื่นชม แต่ช่วงที่สถานการณ์ไม่ดี พี่หมอกลายเป็นเป้าในการบูลลี่ ด้อยค่า ด่าหยาบคายต่าง ๆ นา ๆ รวมไปถึงครอบครัวที่ได้รับผลกระทบด้วย จนบางคืนก็นอนไม่หลับ และเคยคิดว่าจะขอลาออกจากการทำหน้าที่

 

5. บางครั้งมีการบูลลี่หนักถึงขนาดขู่ฆ่า ขู่อาฆาต ซึ่งเป็นสิ่งที่ใครโดนก็ต้องรู้สึกแย่ทั้งนั้น

 

6. แต่ไม่ว่าสถานการณ์จะเครียดหรือเร่งด่วนแค่ไหน เช่น ข้อมูลมาก่อนแถลงไม่กี่นาที หรือประชุม ศบค. ใหญ่จบก่อนกำหนดแถลงแค่ไม่กี่นาที พี่หมอก็ไม่เคย "สติแตก" หรือเสียอาการให้เราเห็นเลย และพี่หมอจะเป็นคนตัดสินใจเองคนสุดท้ายทุกครั้ง ว่าจะพูดเรื่องอะไร ไม่พูดเรื่องอะไร ถามว่าเคยมีพูดผิดไหม ตอบได้เลยว่ามี 555 แต่ด้วยความนิ่ง และออร่าของความมั่นใจของพี่หมอ ทำให้พวกเราก็ไม่สติแตกหรือกังวลไปด้วย และทำให้การแถลงจบลงด้วยดีทุกครั้ง (ผิดก็ค่อยมาพูดชี้แจงในครั้งต่อไปเท่านั้นเอง)

 

7. เอาจริงๆหน้าที่ผมคือผู้ช่วยโฆษก ศบค. ในฐานะนักวิชาการด้านการสื่อสาร แต่ว่าตั้งแต่เริ่ม พี่หมอก็ไม่ต้องการคำแนะนำในการสื่อสารอะไรเลย ทำได้อย่างดีเยี่ยมและเป็นธรรมชาติแบบไม่ต้องซ้อม ไม่ต้องแนะนำเลย ผมก็เลยช่วยเรื่องหาข้อมูลและประเด็นเสริม และช่วยสื่อสารนอกรอบมากกว่า

 

8. เวลามีคนแซวเรื่องความดัง พี่หมอก็พูดอยู่เสมอๆว่า "อย่าไปยึดติด ของแบบนี้มันมาแล้วก็ไป เดี๋ยวคนก็ลืม"

 

9. พี่หมอเป็นคนถ่อมตัวและสุภาพอย่างมาก และติดดิน กินข้าวกล่องกับพวกเราตลอดไม่เคยบ่น และอารมณ์ดี มีอารมณ์ขัน ชอบแซวทีมงาน และคิดถึงความรู้สึกคนอื่นและหาทางช่วยผู้อื่นเสมอ (รวมทั้งผมด้วย) สมกับที่เป็นจิตแพทย์

 

10. นอกจากนั้น อีกสิ่งที่หลาย ๆ คนอาจจะไม่รู้ก็คือ เบื้องหลังข้อมูลที่พี่หมอแถลงนั้น ผู้ที่เป็นแบ็คอัพสำคัญอย่างยิ่งมาตลอดตั้งแต่ต้นจนวันสุดท้าย คือหมอติ๋ง (พญ.สุมนี ที่มีบางครั้งช่วงหลังก็ออกมาแถลงเอง) ผอ.สำนักสื่อสารความเสี่ยง กรมควบคุมโรค ที่เป็นคนเก่งมาก ๆ แม่นข้อมูลทุกอย่าง หาข้อมูลได้ทุกเรื่อง ประสานงานได้ 360 องศา และลุยงานหนักตลอดทั้งช่วงโควิดไม่แพ้พี่หมอเลย และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของการสื่อสารออนไลน์ของกรมควบคุมโรค ที่เพิ่งได้รับรางวัลโซเชียลอวอร์ดไปด้วย

 

 

สิ่งเหล่านี้คือส่วนเล็ก ๆ ที่ผมเคยได้ร่วมงานกับพี่หมอทวีศิลป์ และผมเชื่อว่าเราโชคดี ที่มีพี่หมอทวีศิลป์ มาเป็นโฆษก ศบค. และได้หมอติ๋งมาเป็นทีมซัพพอร์ต ในช่วงเวลาที่วิกฤตที่สุดช่วงหนึ่งของประเทศ ที่ช่วยให้คนทั้งประเทศผ่อนคลายความกังวล และร่วมกันสู้กับวิกฤตไปด้วยกันจนเราผ่านวิกฤตมาได้ ซึ่งพี่หมอเองก็ต้องเสียสละอะไรหลายๆอย่างเพื่อการทำหน้าที่โดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน ถือเป็นฮีโร่อีกคนหนึ่ง ร่วมกับบุคลากรการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ด่านหน้าทุกคน ในสงครามโควิดครั้งนี้ครับ

 

หมอทวีศิลป์ และครอบครัว

ด้านชีวิตส่วนตัว หมอทวีศิลป์ แต่งงานกับ พญ.วิไลรัตน์ วิษณุโยธิน ซึ่งพบรักจากการที่ หมอทวีศิลป์ เดินทางไปเรียนจิตแพทย์ที่ จ.นครราชสีมา ทั้งนี้ พญ.วิไลรัตน์ ปัจจุบันเป็นกุมารแพทย์ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ  โดยมีบุตรด้วยกัน 2 คน ชื่อ ธรรศและธนวินท์ เรียกได้ว่า พญ.วิไลรัตน์ ดีกรีไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง กุมารแพทย์ จบจาก แพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

 

 

 

 

 

เพื่อไม่พลาด ข่าวสารต่างๆ คมชัดลึก ไปที่
Youtube - https://www.youtube.com/channel/UCnniqWGq9lOqYd5sGWxVi7w
LineToday - https://today.line.me/th/v2/publisher/100057

เช็กรายชื่อศิลปินเข้าชิง "คมชัดลึก ลูกทุ่ง Awards 2565" ใครคือ 6 Candidate กับ 8  สาขา Popular Vote 

https://www.komchadluek.net/entertainment/524524

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ