เด่นโซเชียล

"แก้วสรร" ขู่ฟ้อง พม. - ตำรวจ ทำ มูลนิธิคุ้มครองเด็ก "ครูยุ่น" เสียหาย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"แก้วสรร" ประธานมูลนิธิ เตือนอย่าฟังความข้างเดียว ขู่ฟ้องทำมูลนิธิเสียหาย หลังปลัด พม.ลงพื้นที่ตรวจสอบเด็กถูกทำร้ายในมูลนิธิ ครูยุ่น สั่งนำเด็ก 55 รายออกจากมูลนิธิไปดูแล

จากกรณีที่มูลนิธิเส้นด้าย มาแจ้งความที่ สภ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 ต.ค.65 ว่ามีการทำร้าย "เด็ก" ที่มูลนิธิคุ้มครองเด็ก ต.สวนหลวง อ.อัมพวา ซึ่งอยู่ในความดูแลของ ครูยุ่น นั้น

 

ล่าสุดเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม. สั่งการให้ นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม โดยจัดแถลงความคืบหน้าที่ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม โดยมี นายศิริศักดิ์ ศิริมังคลา รักษาการผู้ว่าฯสมุทรสงคราม พ.อ.กุญช์ภัสร์ หาญสมบูรณ์ รอง ผอ.กอ.รมน. ผู้แทนมูลนิธิเส้นด้าย และ "แก้วสรร" ผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมรับฟัง 

นายอนุกูลกล่าวว่า กรณีนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ "เด็ก" จึงเป็นเรื่องการละเอียดอ่อนที่ต้องค่อยๆสืบเสาะข้อมูล แต่ก็ต้องการให้ไม่เป็นที่คาใจของสังคม นอกจากนี้ยังต้องการชี้ให้เห็นว่าการคุ้มครองเด็กของ กระทรวง พม. และจังหวัดสมุทรสงคราม ได้ดำเนินการตั้งแต่ต้น

 

โดยทางกระทรวงฯ ทราบข้อมูลตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม ได้สั่งการ พมจ.สมุทรสงคราม หาข้อมูล เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ได้พูดคุยวางแผนในกระทรวง พม.,วันที่ 29 ตุลาคม ลงพื้นที่หาข้อเท็จจริง, วันที่ 30 แยก "เด็ก" ออกจากมูลนิธิ และวันที่ 31 ตุลาคม เข้าสู่กระบวนการของตำรวจ ซึ่งใช้เวลาเกือบ 2 วัน เพื่อให้เด็กไม่เครียด พนักงานสอบสวนค่อยเป็นค่อยไป วันนี้ได้ข้อมูลเพียงพอจึงมาแถลงข่าวในวันนี้ พร้อมนาย "แก้วสรร"

 

อย่างไรก็ตามจากการพูดคุยกับเด็ก เป็นการใช้งานเด็กแต่เด็กไม่ได้ดังใจครูยุ่น (นายมนตรี สินทวิชัย ผู้ขอใบอนุญาตจัดตั้งสถานสงเคราะห์เด็กเอกชน,บ้านคุ้มครองเด็ก 3 (บ้านริมน้ำ) จึงทำโทษ แต่ไม่มีบาดแผลทำร้ายที่ชัดเจน

 

อย่างไรก็ตามการตีเด็กเป็นการกระทำกับเด็กชัดเจน ส่วนการใช้แรงงานเด็กในรีสอร์ทส่วนตัว ความผิดเกี่ยวกับการใช้แรงงานเด็กต้องสอบสวนอีกครั้ง ส่วนการตรวจสอบมูลนิธิ เป็นรอบปี แต่มีการตรวจติดตามทุกเดือน เนื่องจากประวัติการทำงานค่อนข้างดี จึงค่อนข้างมั่นใจ ทำให้เป็นจุดอ่อนที่จะต้องเข้าไปเร่งดำเนินการ จากนี้ไปจึงได้สั่งให้ พมจ.ทั่วประเทศตรวจสอบต่อไป

 

ทั้งนี้จากข้อมูลจากการสอบสวนแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1. นำเด็กออกจากสถานสงเคราะห์ทั้งหมด 55 ราย ออกทั้งหมด จึงดำเนินการให้เร็วที่สุด 2. ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งจะปิดหรือไม่ คณะทำงานระดับจังหวัดจะเป็นผู้พิจารณาต่อไป

นายศิริศักดิ์ ศิริมังคลา รักษาการผู้ว่าฯสมุทรสงคราม กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการตรวจสอบอยู่เสมอ ล่าสุดใบอนุญาติที่ออกให้ในปี 2565 จะหมดอายุในเดือนมกราคม 2566 ส่วนการดำเนินงานที่ได้รับเงินจากมูลนิธิคุ้มครอง "เด็ก" ที่ลงทะเบียนไว้ที่กรมการปกครอง ที่ผ่านมาจะมีการรับบริจาคจากหน่วยงานต่างๆ ซึ่งจะหมดในปีต่อปี จังหวัดได้ประสานข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทยมาตรวจสอบ

 

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ก่อนออกใบอนุญาตเป็นการสุ่มตรวจไม่ได้บอกก่อนล่วงหน้า ไม่พบการร้องเรียนใดๆ จากเด็กๆ แต่เมื่อทราบข่าวครั้งนี้เจ้าหน้าที่ก็เร่งรัดในการดำเนินงานอย่างละเอียดรอบคอบต่อไป

 

จากนั้นเวลา 15.00 น. นางลักษณา อิศรางกูร ณ อยุธยา พม.จ.สมุทรสงคราม ได้นำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนำเอกสารมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ดำเนินการรับเด็กของสถานสงเคราะห์เด็กเอกชน “บ้านคุ้มครองเด็ก3” ทั้งหมดไปยังสถานแรกรับของทางราชการ

 

โดยเมื่อเดินทางไปถึงเจ้าหน้าที่มูลนิธิคุ้มครองเด็กได้ต่อโทรศัพท์ขออนุญาตไปยังนายแก้วสรร อติโพธิ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่าเป็นประธานมูลนิธิคุ้มครองเด็ก ได้พูดคุยกับพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยเปิดลำโพงให้ผู้สื่อข่าวร่วมฟังด้วย

 

นาย "แก้วสรร" กล่าวว่า เด็กพวกนี้ไม่มีบ้านถูกรังแก ถูกทำร้าย มูลนิธิแห่งนี้จึงรับมาดูแล มูลนิธิมีอำนาจการปกครองถูกต้อง สามารถทำโทษเด็กเหมือนพ่อทำโทษลูก ไม่ได้ทำรุนแรงเกินเหตุ การที่มีเด็กร้องเรียนไม่กี่คน ซึ่งกลุ่มนี้บางคนอายุ 17 ปี ติดยาเสพติด นำยาให้น้องๆในมูลนิธิเสพ ถ้าเป็นที่อื่นก็จับส่งตำรวจหมดอนาคตไปแล้ว แต่ที่สถานที่แห่งนี้พยายามอบรมสั่งสอนเพื่อให้เด็กเหล่านั้นกลับตัวเป็นคนดี จะมาหาว่าทำรุนแรงเกินไปได้อย่างไร เด็กทั้งหมดดูแลอย่างดี การที่ พม.จะมารับเด็กทั้ง 55 คนไป อาศัยอำนาจอะไร ถามเด็กทั้งหมด 55 หรือยัง สิ่งที่ถูกต้องควรฟังหูไว้หู ควรมาตรวจสอบแบบเงียบๆ เพื่อคุ้มครองเด็กๆ ไม่ใช่นำสื่อแห่กันมาแบบนี้ ดังนั้นหากเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุตนก็ไม่ยอมเหมือนกัน

 

นายแก้วสรร กล่าวว่า กว่าครูยุ่นจะสร้างมูลนิธิมาได้ มีเงินบริจาค 4-5 ล้านบาท มีคนเชื่อถือ พวกคุณออกข่าวไปทั่ว ถ้าจะดำเนินคดีก็ทำได้ อยากให้เช็คดูให้ดีก่อน ไปสอบถามปลัด พม.ให้ดี ใช้อำนาจอะไร เช็คข้อมูลฟังความข้างเดียว แค่เด็ก 1-2 คน แล้วอ้างเด็ก 40 คนกำลังอยู่ในอันตราย ไปดูให้เห็นกับตาอันตรายที่ไหน อุตส่านำเด็กมาเลี้ยงดู เรื่องใช้แรงงาน เพราะเด็กตามไปเอง เด็กไปเก็บใบไม้ ได้ทริปจากแขกทำงาน 2 ชั่วโมงดีกว่าอยู่กับบ้าน เด็กทำงานหลายชั่วโมงเป็นเด็กฝึกงานจากโรงเรียนเทคนิค

 

นายแก้วสรร กล่าวว่า ให้เขาเข้ามาดูที่มูลนิธิ ครูยุ่นไม่ได้เดือดร้อนอะไร มาบอกว่าเขาค้ามนุษย์ ขอให้ใจเย็นเวลาจะทำอะไร ทั้งตำรวจ และ พม. เวลาทำอะไรควรยึดถือกฎหมายกรรมการมูลนิธิทุกคนคุยกันแล้วไม่ยอมถือว่าทำลายกิจการของเขาด้วยการออกข่าวลักษณะนี้ทำให้กิจการได้รับความเสียหายไปด้วยอยากให้สอบถามข้อเท็จจริงจากเด็กว่าอยู่ในมูลนิธิมีความเป็นอยู่อย่างไรโดยไม่ต้องนำสื่อมวลชนเข้าไปด้วยให้เจ้าหน้าที่ 2-3 คน คุยกับเด็กเท่าน้้น

 

จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเข้าไปสอบเด็กๆจำนวนหนึ่งที่อยู่ในบ้านพักโดยไม่ให้สื่อเข้าไปบริเวณด้านในขณะที่เด็กๆส่วนใหญ่ไปโรงเรียนยังไม่กลับมาซึ่งเจ้าหน้าที่จะทะยอยเรียกมาสอบถามข้อมูลที่แท้จริงกับเด็กๆต่อไปโดยยังไม่ได้นำตัวเด็กออกจากมูลนิธิ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ