เด่นโซเชียล

เลือก งาน ไหนดี เป็น "พนักงานเอกชน" เงินเดือนเยอะ หรือ "ข้าราชการ" สบายยามแก่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

จบใหม่ หางาน ต้องอ่าน งาน ไหนดีกว่ากัน ระหว่าง "พนักงานเอกชน" เงินเดือน เยอะ กับ "ข้าราชการ" มีสวัสดิการดูเเลตอนแก่

ไม่ว่าจะเพิ่ง เรียนจบ หรือกำลัง หางาน ต้องอ่านไว้ประกอบเป็นข้อมูล เมื่อต้องเลือกระหว่าง "พนักงานเอกชน" กับ "ข้าราชการ" จากกรณีมีการตั้งกระทู้ว่า ทำงาน เอกชน เงินเดือน เยอะ แต่มีอายุงาน......กับงาน รับราชการ เงินเดือนกลางๆ แต่สบายตอนแก่.....เลือกอันไหนดีกว่ากัน ?  เนื่องจากหลายคนตกงานเยอะมาก ปลดพนักงานฟ้าผ่า ออกมาข้าขายก็ยากตอนนี้ เงินเดือนเยอะ 5 หมื่นถึงเกือบแสน (เอกชน) แต่พอย่างเข้า 50 กว่า จะ 60 โดนบีบสารพัด ถ้าไม่มีเงินเก็บ ที่ลำบากเลยตอนแก่ 60 70 80 ถ้าลูกไม่เลี้ยง จะทำไงต่อล่ะ

 

เงินเดือนไม่มาก 2 ถึง 3 หมื่น (ข้าราชการ) กินพอถูไถไป แต่เบิกได้ตลอด ค่านั้นนี่ ตอนแก่ รับเงินเดือนสบาย ๆ ตอนแก่ ไม่ต้องทำงาน นอนรับเงินเข้าทุกเดือน คุณเลือกทำงานอะไร คิดว่า ดีกว่ากันนะ

ความคิดเห็น คอมเมนต์เเนะนำ มีทั้ง สนับสนันการเป็น "ข้าราชการ" และ เชียร์ให้เป็น "พนักงานเอกชน" เเต่ยังมีปัจจัยอื่นที่ต้องนำมาพิจารณาด้วย เช่น ไลฟ์สไตล์ ความเป็นอยู่ หรือ สิ่งที่ต้องการอื่น ๆ ในชีวิต  


- ถ้าห้าสิบกว่า ทำงานเอกชน ได้ 5 หมื่นถึงแสน คงจบ ป.ตรี อย่างน้อย ต้องเทียบกับข้าราชการ 50 กว่า จบ ป.ตรี เช่นกัน ทำไมถึงคิดว่า ได้แค่ 2-3 หมื่นล่ะคะ  เราเองรับเริ่มรับราชการ 23 ตอนเออร์ลี่อายุ 55 ยังได้ร่วม 7 หมื่น  ไม่เยอะเท่าเพื่อนเอกชนแต่ก็ไม่น้อย กับเพื่อนสนิทที่จบตรีมาด้วยกัน ตอนนี้ เพื่อนยังบอก "ฉันได้ประกันสังคมสี่พันห้า แต่แกได้บำนาญสี่หมื่นห้า!!!!"


- คุณอาจยังไม่มีข้อมูลปัจจุบัน ชำนาญการพิเศษ เคยตันที่ 59,000 แต่ปัจจุบัน ขยายหรือไหลไปที่เชี่ยวชาญ ตันที่ 69,000 ค่ะ ยังไม่รวมเงินประจำตำแหน่ง

ไม่ต้องถึงระดับอธิบดีหรอกค่ะ แค่ข้าราชการระดับกลาง ๆ ที่เขียนมาเพื่ออยากให้เข้าใจเกี่ยวกับข้าราชการมากขึ้น เราเองตอนเข้าราชการ ในยุคที่ไม่มีใครอยากรับราชการ ยังถูกเพื่อนเยาะ ว่า พอกินเหรอ


- ยุคสมัยเปลี่ยนไป แต่ราชการมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงแถมเงินเดือนก็เพิ่มขึ้นไล่บี้เอกชนโดยเฉพาะเริ่มงาน 
สิริรวมแล้วผมในฐานที่ทำเอกชนมา ก็ยังเลือกราชการไม่ต้องสงสัยครับ ยกเว้นว่าคุณจะเป็นหมอ วิศวะ Audit การตลาดดิจิทัล ครีเอทีฟ งานพวกนี้ไปเอกชนดีกว่า ยิ่งโควิดมายิ่งเห็นความไม่มั่งคงของเอกขนได้ชัดเจนมากขึ้น ๆ


- พี่เขยผม ตอนเริ่มงานเอกชนฝรั่งอายุ 25 สองหมื่น ทำจนถึง 42 ได้เงินเดือนแสนกว่า ๆ  แต่บริษัทปิดถูกเลิกจ้างไปที่ไหนก็ไม่มีใครรับเพราะแก่แล้ว ทุกวันนี้อายุ 57 ชีวิตมุ่งนิพพานมาตั้งแต่ 42 กินเงินเก่าเงินเก็บมาไปวัน ๆ ไร้ทิศทางชีวิต

- ในยุคที่บริษัทเอกชนปิดตัว "พนักงานเอกชน" ตกงานแบบไม่ทันรู้ตัว มีข่าวออกบ่อยในช่วงโควิด "ข้าราชการ" ลอยตัว ไม่ต้องหวาดหวั่นว่าจะตกงาน นึกถึงสมัยก่อนฟองสบู่แตก คนทำงานธนาคาร ทำงานทรัสต์ รายได้อู้ฟู่มาก ไปเที่ยวต่างประเทศ ช้อปแบรนด์เนมจนเราที่เป็นข้าราชการอิจฉามาก แต่..หลังฟองสบู่แตกปี2540 แบงค์ ทรัสต์เจ๊ง พนง.โดนออกจากงาน ธุรกิจหลายอย่างล่มสลาย แต่ข้าราชการยังปกติ เงินเดือนขึ้นไปตามขั้น เจ็บป่วยเบิกค่ารักษาได้ทั้งครอบครัว เรียกว่ารักษาจนวันตาย


- ผมทำงานเอกชนรายได้เดือนแสนกว่า บอกตรง ๆ เลยว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไปรับราชการ
อยู่เอกชน รายได้ยิ่งสูง บริษัทยิ่งคาดหวังกับเราเยอะ เมื่อไหร่ที่ทำงานไม่คุ้มเงินเดือน คงนึกออกนะว่าบริษัทจะทำยังไง ยุคปัจจุบัน ถ้าไม่เก่งจริงอย่าได้หวังว่าจะอยู่ทำงานบริษัทเอกชนได้จนเกษียณ


- เรารับราชการ พ่อแม่รวย ตอนเริ่มต้นแม่ให้เงินเดือน ช่วยดาวน์บ้าน ซื้อรถให้ค่ะ แก่แล้วมีบำนาญ บำนาญขึ้นตามเศรษฐกิจด้วยนะ แม่เป็นครู แม่ออกมา บำนาญ 4,000 ตอนนี้ 10,000 แล้ว


- ราชการไม่ได้ start ที่ 15,000 ทุกหน่วยงาน (เพราะบางหน่วยงาน เงินเดือน+ค่าตอบแทนพิเศษ ให้ทุกเดือนและปรับขึ้นตามอายุราชการ ตำแหน่งจนวันเกษียณ 4,000-20,000 บาทค่ะ ) ฉะนั้น เลือกสอบและบรรจุราชการที่มีค่าตอบแทนพิเศษค่ะ เช่น สตง ปปช กฤษฎีกา รัฐสภา ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง สำนักงานอัยการ DSI ปปง เป็นต้นค่ะ 

จะยกตัวอย่างเช่นพนักงานคดีปกครองปฏิบัติการ ของสำนักงานศาลปกครองนะคะ (ใช้วุฒินิติศาสตร์บัณฑิตหรือรัฐศาสตรบัณฑิต+ภาค ก ของ กพ) สมมุติสอบได้ตอนอายุ 24 เงินเดือน (15,000) +ค่าตอบแทนพิเศษ (8,000) +เงินส่งเสริมประสิทธิภาพ (6,000) ทำงานครบ 1 ปี (อายุ 25 ปี) รวมได้ 29,000 บาท ทำงานครบ 3 ปี ค่าตอบแทนพิเศษเพิ่มเป็น 10,000 บาท เงินส่งเสริมประสิทธิภาพเพิ่มเป็น 8,000 บาท เงินเดือน 3 ปี ตีว่าได้เพิ่มปีละ 1,000 บาท เท่ากับ 3,000 บาท)  เบ็ดเสร็จอายุ 27 ปี ได้เงินรวมใน 1 เดือน ประมาณ 36,000 บาท ยิ่งอายุราชการเยอะขึ้นไปอีกสัก + ตำแหน่งสูงขึ้น รายได้จนถึงตำแหน่งสุดท้ายวันเกษียณ 70,000-110,000 บาท เลยค่ะ รายได้ไม่ได้ขี้เหล่ หรืออดอยากมากไป พออยู่ได้ในยุคนี้ อีกทั้งพนักงานคดีปกครองที่ทำงานไปได้สักระยะนึงและตำแหน่งคุณสมบัติถึง มีสิทธิสอบตุลาการศาลปกครองชั้นต้นด้วยค่ะ หากสอบติดเงินเดือนจะ start แสนต้น ๆ ค่ะ และตันประมาณแสนกลาง ๆ

ท้ายที่สุด ขอให้เลือกงานที่เหมาะกับตัวและเราสามารถอยู่กับมันอย่างมีความสุขทุกวันที่ไปทำงาน จนถึงวันที่เกษียณอายุการทำงานค่ะ

 

- ถ้ามองแต่คำว่ารายได้ตัวเงินอย่างเดียว มันก็คงเอกชนอย่างคุณว่าหละมั้ง.....แต่ปัจจัยให้ผมเลือกงานมันมีเยอะกว่าคำว่า รายได้

ผมเริ่มรับราชการช้ามากตอนอายุ 35  จนถึงตอนนี้ 45 ก็เงินเดือนสามหมื่นกว่า จากเริ่มต้นหมื่นห้า + ค่าประจำตำแหน่ง + ค่าเบี้ยพื้นที่เฉพาะ ก็ปาไปสี่หมื่นกว่า เงินเดือนมันก็ขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงเพดานที่กำหนดซึ่ง ณ เวลานี้ตันที่ 5.8หมื่นกว่า ผมจะไปตันตอนอายุห้าสิบกว่า ๆ รวมเบี้ยโน่นนั่นก็เกือบ 7 หมื่นไปแล้ว แถมได้ทำงานอยู่บ้านเกิดซึ่งเป็นสงคมชนบท ใช้ชีวิตสบาย ๆ ค่าครองชีพถูก ได้ดูแลพ่อแม่ ไม่รู้จักคำว่ารถติด แต่ความเจริญพร้อม ไปกลับที่ทำงานรวมวันละสิบกว่าโลนิด ๆ ออกเดินทางตอนเจ็ดโมงครึ่ง สิบนาทีถึงที่ทำงานได้กินกาแฟกินอะไรชิล ๆ...... สำหรับผมไม่ได้แย่เลย น่าพอใจด้วยซ้ำ

แต่เห็นคนในพันทิปเงินเดือนสูง ๆ หลักแสนกันซะเยอะ ก็เลยไม่ค่อยอินกับงานราชการเงินเดือนไม่กี่หมื่นอะนะ


- เราเคยทำเอกชนระยะสั้น ๆ เงินดีมาก แต่เลือกมารับราชการใกล้บ้าน แม่ป่วย ได้อยู่ดูแลกัน แม่เห็นลูกอยู่ใกล้ก็มีกำลังใจ บั้นปลายชีวิตแม่ป่วยติดเตียงก็ได้ดูแล ค่ารักษาหนักมาก ทางราชการช่วยค่ารักษา ตอนนี้แม่ไปสวรรค์แล้ว เราก็อยู่เป็นที่ปรึกษาหลานต่อไป ราชการก็เงินพอใช้นะ ถ้ารู้ประมาณตน ถ้าอยู่บ้านก็ขยันถากถาง ปลูกผัก ทำสวน มีกินมีใช้ อย่าโอ้อวดด้วยการกู้มาอวด ทรัพย์สินเดิมพ่อแม่มีให้ก็รักษา เก็บเพิ่มบ้าง ก็ดี


ส่วนคนที่สนับสนุนการเป็น "พนักงานเอกชน" คือ เหมาะกับคนที่รีบหาเงิน เพื่อไปต่อยอด
 
- ถ้ารู้จักเก็บ ทำเอกชนดีกว่าครับ


- นานแล้ว รับราชการ อยู่ 7 ปี เห็นระบบ คนที่ทำงานแล้วเบื่อ เลยอยากไปทำงานเอกชน วางแผนไปเรียนพูดภาษาอังกฤษ จนใช้งานได้ ลาออกไปทำงานเอกชน จนเกษียณ ตอนออก เงินกองทุนบวกเงินเก็บ เกือบ 20 ล้าน ไม่มีหนี้ มีบ่นและที่ดิน ทั้งใน กทม และ ตจว สุดท้ายตัดสินใจไม่ผิด ทุกวันนี้ ชีวิตสบาย ถึงไม่รวยมาก แต่ก้อใช้ชีวิต สบาย สมัยก่อนครเราอยากรับราชการ เพราะสวัสดิการ โดยเฉพาะด้านรักษาพยาบาล แต่เดี๋ยวนี้ รักษาฟรี เกือบทุกอย่างแล้ว คนเรา ไม่ใช่อยู่ที่ว่ามีรายได้เท่าไหร่ แต่อยู่ที่เราใข้เงินอย่างไร วินัยทางการเงินสำคัญมาก


- ทำเอกชน เก็บเงินเยอะ ๆ ซื้อทรัพย์สินเก็บไว้ ที่ดิน ทอง ถ้าวางแผนชีวิตดี ๆ ไม่มีความจำเป็นต้องให้ลูกเลี้ยงเลยค่ะ แต่ถ้าเก็บเงินไม่เก่ง มีแล้วใช้หมด รับราชการก็เป็นทางออกที่ดี แต่ระวังเรื่องหนี้สิน เพราะกู้กันง่ายเกินไป


- ผมว่า อยู่ที่ตัวเรานั่นแหละผมอายุ 42 ปี จบ ป.ตรี ทำงานเอกชนตั้งแต่เรียนจบ เงินเดือนแสนกว่า ก็พอใจในคุณภาพชีวิตตัวเองนะ อนาคตหลังเกษียณก็วางแผนไว้แล้ว มันก็ไม่ได้ยากอะไรครับ แต่ทั้งนี้ จะราชการ หรือ เอกชน ก็อยู่ที่ตัวเรานี่แหละ เพื่อนรุ่นเดียวกัน จบ ป.ตรีสาขาเดียวกัน ก็มีทั้งเจ้าของกิจการ ทั้งพวกเงินเดือนแสนกว่า ไล่ไปยันเงินเดือนไม่ข้าม 3 หมื่นบาทครับ ทั้งที่เรียนมา จบมาพร้อมกัน ทำเอกชนด้วย


เเต่ ไม่ว่าจะเลือกทำงาน เป็น "ข้าราชการ" หรือเป็น "พนักงานเอกชน" ถ้ามองเรื่องรายได้เป็นหลัก ไม่ว่าจะเงินเดือนเท่าไร ใครเงินเดือนเหลือเยอะ คนนั้นชนะ 

คลิกอ่านกระทู้ 

เพื่อไม่พลาด ข่าวสารต่างๆ คมชัดลึก ไปที่
Website -  www.komchadluek.net
Facebook - https://www.facebook.com/komchadluek
LineToday - https://today.line.me/th/v2/publisher/100057

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ