เด่นโซเชียล

เช็คสิทธิ์ "ลดค่าน้ำค่าไฟ" 1 ปีเต็ม ใครทำได้บ้าง เช็คเลย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โซเชียลสงสัย ข้อมูลระเด็นเรื่องลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ "ลดค่าน้ำค่าไฟ" ตลอด 1 ปีเต็ม ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ กระทรวงการคลัง พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับประเด็นเรื่องลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ "ลดค่าน้ำค่าไฟ" ตลอด 1 ปีเต็ม ทางศูนย์ต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

 

ผู้อํานวยการสํานักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2564 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระ ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

มาตรการบรรเทาภาระ "ลดค่าน้ำค่าไฟ" มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย ด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ได้แก่ ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรฯ) อย่างต่อเนื่อง และครอบคลุมผู้มีบัตรฯ ให้สามารถได้รับประโยชน์จากมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา (มาตรการฯ) ดังกล่าวให้มากขึ้น ระยะเวลาดำเนินมาตรการ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 ถึงเดือนกันยายน 2565 (ระยะเวลา 12 เดือน) โดยมีการปรับเปลี่ยนหลักการของมาตรการฯ ดังนี้

 

1) ค่าไฟฟ้า ปัจจุบันประชาชนทั่วไปจะได้รับการสนับสนุนค่าไฟฟ้าจากมาตรการของรัฐบาล โดยการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งมีเงื่อนไขว่า หากประชาชนใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือนติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน จะได้รับสิทธิใช้ไฟฟ้าฟรี

 

ดังนั้น ภายใต้มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ มีบัตรฯ จะเป็นกรณีที่ผู้มีบัตรฯ ใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วยต่อเดือน โดยจะได้รับสนับสนุนค่าไฟฟ้าวงเงิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีที่ใช้เกินวงเงินที่กําหนด ผู้มีบัตรฯ เป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้าทั้งหมด (จากเดิมสนับสนุนวงเงิน 230 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน)

 

 

สําหรับผู้มีบัตรฯ ที่ไม่เคยใช้สิทธิค่าไฟฟ้ามาก่อน และประสงค์จะขอรับสิทธิ สามารถไปลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิได้ที่สํานักงานการไฟฟ้านครหลวง สํานักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กิจการ ไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ พร้อมทั้งแสดงบัตรฯ

2) ค่าน้ำประปา สนับสนุนค่าน้ำประปาวงเงิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีที่ใช้น้ำประปาเกิน 100 บาท แต่ไม่เกิน 315 บาท ผู้มีบัตรฯ ยังคงได้รับการสนับสนุนในวงเงิน 100 บาท และจะต้องชําระส่วนที่เกิน 100 บาท ด้วยตนเอง แต่หากมีการใช้น้ำประปาเกิน 315 บาท จะไม่ได้รับการสนับสนุนวงเงินค่าน้ำประปาจํานวน 100 บาท

 

 

โดยผู้มีบัตรฯ จะเป็นผู้รับภาระในการชําระค่าน้ำประปาทั้งหมด (จากเดิมสนับสนุนวงเงิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน หากมีการใช้น้ำประปาเกิน 100 บาท ผู้มีบัตรฯ จะเป็นผู้รับภาระในการชําระค่าน้ำประปาทั้งหมด) สําหรับผู้มีบัตรฯ ที่ไม่เคยใช้สิทธิค่าน้ำประปามาก่อน และประสงค์จะขอรับสิทธิได้ที่สํานักงานการประปานครหลวง และสํานักงานการประปาส่วนภูมิภาค พร้อมทั้งแสดงบัตรฯ

 

อย่างไรก็ตาม ผู้มีบัตรฯ ต้องนําใบแจ้งหนี้ค่าไฟฟ้าและใบแจ้งหนี้ค่าน้ำประปาไปชําระเงินที่สํานักงานการไฟฟ้านครหลวง สํานักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ สํานักงานการประปานครหลวง และสํานักงานการประปาส่วนภูมิภาค

 

 

โดยทุกสิ้นเดือนการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค จะส่งบันทึกรายชื่อผู้มีบัตรฯ ที่ใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาภายใต้วงเงินที่กําหนดให้กรมบัญชีกลางเพื่อ  "ลดค่าน้ำค่าไฟ"

 

 

เพื่อที่กรมบัญชีกลางจะนําเงินจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมมาจ่ายคืนผ่านบัตรฯ ในช่อง e-Money ของเดือนถัดไป ซึ่งผู้มีบัตรฯ สามารถใช้ซื้อสินค้าและบริการผ่านเครื่อง EDC แอปพลิเคชันถุงเงินประชารัฐ และถอนเงินสดจาก เครื่องถอนเงินอัตโนมัติได้

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ