เเรงบันดาลใจที่กระเพื่อมถึงกัน สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย โพสต์ คนไข้ "โรคซึมเศร้า" ได้กำลังใจจาก "ชัชชาติ" จิตแพทย์ ก็มีกำลังใจ เมื่อเห็นความหวังในดวงตาของคนไข้ พร้อมสรุปความรู้สึกที่พบได้บ่อยใน "โรคซึมเศร้า"
จากกรณีที่ นาย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ออกมาระบุว่า หากการไลฟ์ระหว่างลงพื้นที่ทำงานของตนเองช่วยสร้าง "กำลังใจ" ให้ใครได้ เเม้เพียงคนเดียวเป็นเหตุผลเพียงพอแล้ว พร้อมเล่าประสบการณ์การได้รับกำลังใจจากผู้ป่วย "โรคซึมเศร้า" ที่รู้สึกมีพลังขึ้นจากการดูไลฟ์สดของตนเอง
ล่าสุด สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ได้โพสต์เรื่องราว #แรงบันดาลใจที่กระเพื่อมถึงกัน
โดยระบุว่า คนไข้ "โรคซึมเศร้า" ได้กำลังใจจากการทำงานของ อ.ชัชชาติ อาจารย์ก็ได้กำลังใจในการทำงานเช่นกัน จิตแพทย์ เองก็รู้สึกมีกำลังใจ เวลาเห็น แววของความหวัง ในดวงตาของคนไข้ค่ะ
โพสต์ดังกล่าวมีข้อความว่า ชื่อโรค "ซึมเศร้า" ชวนให้หลายคนเข้าใจผิดว่ามันคือโรคที่ทำให้เศร้ามาก ร้องไห้บ่อยผิดปกติ ... ซึ่งเป็นความจริง แต่ #เพียงส่วนหนึ่ง มากไปกว่านั้น มันทำให้บุคคล
#สูญเสียความสามารถในการมีความสุข
นอกจากทุกข์ถี่ทุกข์นานเกินเหตุแล้ว ยังเบื่อหน่ายแม้กระทั่งสิ่งที่เคยชอบ งานอดิเรกที่เคยเพลิดเพลิน (anhedonia)ไม่รู้สึกรู้สาอะไร ไม่ยินดียินร้าย เหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย (emotional numbness)
#สูญเสียความสามารถในการคิด
ไม่ว่าจะเป็นสมาธิ ความจำใช้งาน ความจำระยะสั้น การตัดสินใจ ความเข้าใจ การใช้ภาษา
#สูญเสียแรงกาย พลังใจ
หลายคนนอนเกือบทั้งวันในวันหยุด อาจจะหลับบ้างไม่หลับบ้าง บางคนหลับกลางคืนแล้วก็หลับกลางวันได้อีก บางราย work from home ในท่านอน(ประชุม)เกือบทั้งวัน
#สูญเสียความหวัง
ไม่ว่าจะเป็นความหวังที่จะหลุดพ้นจากความเจ็บปวดทางใจ มองไปไม่เห็นอนาคต (hopeless) หรือความเชื่อว่าตนเองสามารถที่จะจัดการสถานการณ์ปัจจุบันที่รู้สึกว่าเป็นปัญหาได้ (helpless)
วันก่อน อ. ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้เล่าว่า
... ไปเจอน้องคนหนึ่ง มาถ่ายรูปด้วยกัน บอกเป็นกำลังใจให้ผมนะ น้องผู้หญิงเขาบอกว่าเป็น "โรคซึมเศร้า" แต่พอเขาดูไลฟ์เรา เขาก็มีกำลังใจลุกขึ้นมาทำงาน มาทำอะไรต่อ ทำให้ชีวิตเขาขับเคลื่อนไปได้ ผมฟังแล้วผมก็เลยปลื้มใจนะ จริง ๆ แค่น้องคนนี้คนเดียวก็เป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วที่เราจะลุกขึ้นมาไลฟ์ให้คนดูแล้ว ถึงแม้มันไม่ใช่เรื่องงานนะ แต่อย่างน้อยถ้ามันสร้างกำลังใจให้คนบางคนได้ ให้ออกไปทำงาน ให้ออกไปสู้ชีวิตได้ ผมว่าแม้กระทั่งคนเดียวก็มีค่าควรแก่การไลฟ์แล้ว ...
งานสุจริตใดใด ไม่ว่าจะมีคนมองเห็นมากหรือน้อยแค่ไหน มีประโยชน์ต่อใครบางคนเสมอ ความทุ่มเทและตั้งใจในการทำงาน นอกจากเป็นการให้เกียรติตนเองแล้ว ยังสร้างแรงบันดาลใจกระเพื่อมถึงผู้อื่นด้วย
คนไข้ "โรคซึมเศร้า" ได้กำลังใจจากการทำงานของ อ. ชัชชาติ อาจารย์ก็ได้กำลังใจในการทำงานเช่นกัน จิตแพทย์เองก็รู้สึกมีกำลังใจ เวลาเห็น แววของความหวัง ในดวงตาของคนไข้ค่ะ
สรุป ความรู้สึกที่พบได้บ่อย ๆ ใน "โรคซึมเศร้า" ได้แก่
ความหงุดหงิด : หงุดหงิดโมโหง่าย เหมือน "จุดเดือดต่ำลง" เจ้าตัวก็รู้แต่คุมไม่ได้ เป็นอารมณ์ชั้นตื้นที่สังเกตเห็นได้ง่าย
ความเบื่อหน่าย : เบื่อไปแทบทุกอย่าง ... ไม่อยากพูดอะไร (เพราะฉะนั้นถ้าต้องพูดก็ต้องฝืน ก็จะเหนื่อย) ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากไปไหน ... เบื่อแม้กระทั่งกิจกรรมที่เคยชอบทำ ... บางคนก็เบื่ออาหารด้วย (จากประสบการณ์การตรวจคนไข้ ถ้าถึงขั้นเบื่อสัตว์เลี้ยง คือ อาการชัดมากแล้ว)
"สุขไม่สุด" คำนี้ก็ได้ยินจากปากคนไข้บ่อย ... ไปเที่ยวก็รู้สึกงั้น ๆ ไม่ว่าสถานที่จะสวยงามแค่ไหน , คิดได้ด้วยหัว ว่าไปงานรับปริญญาก็ต้องดีใจกับเค้านะ ก็พูดแสดงความยินดีและยิ้มตามมารยาทสังคม แต่เจ้ารู้ว่ามันไม่ได้ออกมาจากใจ บางคนลืมไปว่าไม่ได้หัวเราะมานานแล้วจนกระทั่งมาหาหมอแล้วได้ทบทวนตัวเองตอนหมอซักประวัติ
ว่างเปล่า ... อยู่ไปวัน ๆ อยู่เพราะยังไม่ตาย
ไม่ยินดียินร้าย ... ไม่รู้สึกอะไรเลย เฉย ๆ กับทุกอย่าง จนบางที พอเริ่มจะหงุดหงิดได้ คนไข้ก็เริ่มรู้สึกถึง 'ความมีชีวิต' ขึ้นมา
โดดเดี่ยว ... ไม่สามารถเชื่อมโยงกับใครได้ เหมือนไม่มีใครเลยสักคนที่เข้าใจ
ท้อหรือสิ้นหวัง ... มองไม่เห็นว่าตัวเองหรือสถานการณ์ที่เผชิญอยู่จะดีไปกว่านี้ได้ยังไง
รู้สึกว่าตัวเองใช้ไม่ได้ ล้มเหลว ซึ่งนำไปสู่ความรู้สึกเกลียดตัวเอง
รู้สึกไร้ค่า ... ถ้าตายไปก็ไม่มีผลกับใคร ไม่มีใครเสียใจ อาจจะดีกว่าเพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระของคนอื่น
เหนื่อย ... คนที่มีความคิดว่า อยากตายหรืออยากหายไป หลาย ๆ คนบอกตรงกันว่า ความรู้สึกที่ท่วมท้นที่สุด ไม่ใช่ความเจ็บปวดหรือเศร้าเสียใจ แต่เป็นความรู้สึก "เหนื่อย" นี่แหละค่ะ ... เหนื่อยกับการแสดงว่าไม่เป็นอะไร เหนื่อยกับชีวิต กับทุกอย่าง ...จนไม่อยากจะรู้สึกอะไรแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง