โซเชียลดราม่า "พระนอนเมืองเสมา" สามพันปี จริง ๆ อายุเท่าไหร่ งานนี้มีคำตอบ
โซเชียลแห่ดราม่า “พระนอนเมืองเสมา” จังหวัดนครราชสีมา อ้างอายุ 3,000 ปี กรมศิลป์ ออกมาสยบดราม่า โดยข้อมูลอายุที่ถูกต้องของพระนอนองค์นี้คือประมาณ 1,300 ปี
หลังจากโลกโซเชียลแห่ดราม่าปม “พระนอนเมืองเสมา” จังหวัดโคราช หรือ “พระนอนหินทราย นครราชสีมา” ซึ่งเป็นพระนอนหินทรายใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในเมืองไทย ระบุว่ามีอายุมากถึง 3,000 ปี จนทำให้หลายคนออกมาแย้งว่า เป็นไปไม่ได้เพราะมีอายุเก่าแก่กว่าศาสนาพุทธเสียอีก
โดยล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา กรมศิลปากร ออกมาให้ข้อเท็จจริงเกี่บวกับอายุของ “พระนอนเมืองเสมา” หรือ “พระนอนหินทราย นครราชสีมา” โดยเนื้อความทั้งหมดมีดังนี้
“พระนอนเมืองเสมา” อายุเท่าไหร่ ?
กำลังเป็นกระแสในสื่อสังคมออนไลน์ ทั้ง Facebook เเละ Twitter หลังจากที่มี Facebook fanpage หนึ่ง นำเสนอว่า พระนอนเมืองเสมา มีอายุถึง 3,000 ปี ซึ่งในเวลาต่อมา Facebook fanpage ดังกล่าว ได้ดำเนินการแก้ไขแล้ว เเต่หลายวันมานี้ พระนอนเมืองเสมา ยังคงเป็นกระเเสและถูกพูดถึงอยู่เรื่อย ๆ จึงเป็นโอกาสดีที่จะพาทุกท่านไปรู้จัก พระนอนเมืองเสมา ว่าแท้จริงแล้ว อายุ 3,000 ปี หรือ 1,300 ปี กันเเน่ค่ะ
.
สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ขอเรียนให้ทุกท่านทราบว่า พระนอนเมืองเสมา ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ นอกเมืองโบราณเสมา สร้างขึ้นในวัฒนธรรมทวารวดี ซึ่งมีอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12-16 และจากการศึกษาเปรียบเทียบรูปแบบศิลปกรรม เเละวิเคราะห์หลักฐานทางโบราณคดีที่พบจากการขุดค้น จึงสันนิษฐานว่า พระนอนองค์นี้ ถูกสร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13 หรือประมาณ 1,300 ปีมาเเล้ว จึงนับได้ว่า พระนอน หรือพระพุทธรูปปางไสยาสน์ เมืองเสมา เป็นพระนอนที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย นั้นเองค่ะ
จากการดำเนินงานโบราณคดีใน ปี พ.ศ.2533-2534 โดยหน่วยศิลปากรที่ 6 นครราชสีมา (ขณะนั้น) ทำให้ได้หลักฐานสำคัญหลายประการเกี่ยวกับองค์พระนอน ดังนี้
1.พบหลักฐานส่วนอาคารที่เป็นโครงสร้างรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าก่อด้วยอิฐ ขนาดกว้าง 6.50 เมตร ยาว 26 เมตร เพื่อประดิษฐานพระนอน ได้พบหลักฐานโบราณวัตถุประเภทต่าง ๆ ประกอบไปด้วย เศษภาชนะดินเผาแบบทวารวดี เศษภาชนะดินเผาแบบเขมร พระพุทธรูปสำริด ประติมากรรมสำริดรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร โบราณวัตถุประเภทหิน ได้แก่ ธรรมจักรและกวางหมอบ
2.บริเวณองค์ “พระนอนเมืองเสมา” พบหลักฐานว่า องค์พระนอน (พระพุทธรูปไสยาสน์) ประกอบด้วยหินทรายสีแดงอยู่ในลักษณะเดิมเกือบทุกส่วน ยกเว้นส่วนพระเศียรและส่วนพระบาท ซึ่งถูกขุดหาโบราณวัตถุกันมาก ทำให้ชั้นดินบริเวณดังกล่าวสับสนและมีเศษอิฐปนอยู่ในชั้นดินมาก รวมทั้งมีหินทรายที่แตกออกมาจากชิ้นส่วนขนาดใหญ่ เป็นต้นว่า
ส่วนพระศอ ส่วนพระพาหาและส่วนของพระกรที่รองรับพระเศียรมากองอยู่ด้านหน้าพระพักตร์และมีชิ้นส่วนของพระเศียรอีกหลายชิ้นปนอยู่ในชั้นดินด้วย นอกจากนี้ได้พบส่วนพระบาทอีกชิ้นหนึ่งในชั้นดิน วางนอนต่อกับส่วนชายจีวร ซึ่งสลักด้วยหินทรายเป็นแผ่นตั้งขึ้นด้านหน้าสลักตามรูปแบบการครองผ้า ส่วนด้านในสลักเป็นร่องสองร่อง เป็นเดือยสำหรับสวมพระบาทเข้าไป
ส่วนด้านหลังขององค์พระนอนนั้นบางช่วงได้ก่อสร้างง่าย ๆ โดยใช้หินเป็นแกนแล้วก่ออิฐปิดเป็นแผ่นหลัง ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนตรงส่วนพระอังศาล่าง ยังคงมีแนวอิฐก่อโค้งรับกับพระศออยู่ พร้อมกับใช้ปูนขาวฉาบผิวอีกชั้นหนึ่ง นอกจากนี้ยังพบที่ส่วนพระโสนีอีกด้วย รูปแบบของพระนอนหรือพระพุทะไสยาสน์นี้ ได้รับอิทธิพลของศิลปแบบทวารวดี ที่มีอิทธิพลของศิลปะแบบพื้นเมือง คงสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 13 เป็นต้นมา ใกล้เคียงกับชุมชนสมัยทวารวดีภายในเมืองโบราณเสมานั้นเอง
เมื่อทุกท่านชมพระนอนเมืองเสมา ซึ่งตั้งอยู่ภายในวัดธรรมจักรเสมาราม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ซึ่งเกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างกรมศิลปากร และวัดธรรมจักรเสมาราม โดยจัดเเสดงโบราณวัตถุ ตลอดจนบอกเล่าพัฒนาการทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์เมืองโบราณเสมา ให้ทุกท่านได้ชมพร้อมกับการเรียนรู้กันอีกด้วย และก่อนเดินทางกลับก็ขอเชิญชวนให้ทุกท่านเเวะชมเมืองโบราณเสมา ซึ่งมีโบราณสถานภายในเมืองกว่า 9 แห่ง เพื่อให้การเดินทางมาในครั้งนี้ จะได้รู้จักโบราณสถาน โบราณวัตถุ เเละซึมซับความรู้ เกี่ยวกับเมืองโบราณเสมา เเละพระนอนเมืองเสมาให้มากยิ่งขึ้น ค่ะ