คิดใหม่ก่อนซื้อ "กินไก่" สามส่วนนี้อันตรายแน่ เตือนแล้วนะอย่าหากิน

ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ประเด็นเรื่อง "กินไก่" ส่วน คอไก่ ปีกไก่ และหัวไก่ จะมีสารพิษสะสม เสี่ยงอันตรายต่อร่างกาย ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

หากกินคอไก่ ปีกไก่ และหัวไก่ จะมีสารพิษสะสม เสี่ยงอันตรายต่อร่างกาย เพราะมีสารพิษตกค้าง เมื่อทานแล้วอาจจะเกิดการสะสมในร่างกาย ได้แก่ คอไก่ จะเป็นจุดรวมเส้นเลือดและต่อมน้ำเหลืองซึ่งจะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสต่าง ๆ จะมีการฉีดฮอร์โมนที่บริเวณปีกถึง 4 ครั้ง เพื่อเร่งการเติบโต และอีกส่วนเมื่อไก่มีอายุมากก็จะมีสารพิษที่หัวมันมากขึ้นด้วย ซึ่งเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วอาจเกิดอันตรายต่อร่างกาย

นอกจากนี้สารพิษในอาหารจากการ "กินไก่" ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดภาวะอาหารเป็นพิษที่ทำให้มีอาการอย่างอาเจียน ท้องเสีย หรือติดเชื้อพยาธิเพียงเท่านั้น แต่อาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพในระยะยาวอย่างมะเร็งและความผิดปกติทางระบบประสาทได้ด้วย ดังนั้น หากพบอาการผิดปกติหลังจากรับประทานอาหารที่สงสัยว่าไม่สะอาด โดยเฉพาะหากมีอาการที่รุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์

อย่างไรก็ตามเนื้อไก่เป็นเนื้อสัตว์ที่มีเชื้อแบคทีเรีย จึงไม่ควร "กินไก่" ดิบอาจก่อให้เกิดภาวะอาหารเป็นพิษ ท้องเสีย หรือติดเชื้อรุนแรงได้ ซึ่งควรเลือกซื้อเนื้อไก่ที่มาจากฟาร์มที่ได้มาตรฐาน และควรเป็นเนื้อไก่ธรรมชาติที่ไม่ปนเปื้อนไปด้วยสารเคมี สารเร่ง หรือฮอร์โมน หากผู้ที่เป็นโรคไตเรื้อรัง ควรระมัดระวังการรับประทานอาหารที่ให้โปรตีนสูง เพราะอาจจะทำให้ไตทำงานหนัก ซึ่งอาจมีผลต่อสุขภาพไตได้

ล่าสุด น.สพ.สุเมธ ทรัพย์ชูกุล นายกสมาคมสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสัตว์ปีก และเลขาธิการสัตวแพทยสภา กล่าวว่าประเทศไทยมีมาตรฐานการเลี้ยงไก่ระดับโลก และเป็นผู้ส่งออกเนื้อไก่อันดับ 4 ของโลก ที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี  โดยอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่เนื้อไทยไม่มีการใช้ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต และมีพัฒนาการด้านคุณภาพ มาตรฐาน ระบบการเลี้ยง ตลอดจนปัจจัยต่างๆ ที่ช่วยให้ไก่เติบโตได้ดี มีสุขภาพแข็งแรง มาโดยตลอด 

 กรณีที่กระทรวงดิจิทัลเผยแพร่ว่า “กินคอไก่ ปีกไก่ หัวไก่ จะมีสารพิษสะสม” โดยอ้าง "คอไก่" เป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสต่างๆ รวมถึงมีการฉีดฮอร์โมนที่บริเวณปีกถึง 4 ครั้ง เพื่อเร่งการเติบโต ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงนั้น ขอให้กระทรวงดิจิทัลแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง และยกเลิกข้อมูลเท็จดังกล่าวทันที เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดของประชาชน