"สเปรย์แอลกอฮอล์" ใช้ยังไงไม่ให้อันตราย ไฟลุกท่วมตัว อ.จุฬาฯ มีคำตอบ

รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ เตือนประชาชน เกี่ยวกับการใช้ "สเปรย์แอลกอฮอล์" ต้องรอให้ระเหยก่อน โดยข้อมูลทั้งหมดมีดังนี้ 

 

คือตามข้อมูลข่าวที่ได้รับมานั้น คุณผู้หญิงท่านนี้ได้ฉีดพ่น "สเปรย์แอลกอฮอล์" ทั่วทั้งตัวเมื่อเข้าบ้าน เพื่อหวังจะฆ่าเชื้อไวรัสโรค covid จากนั้น ก็ใช้ไฟแช็คจุดยากันยุง เลยทำให้เกิดไฟลุกไหม้ร่างกายขึ้น จนบาดเจ็บรุนแรง

 

ก็ต้องเตือนภัยอย่างแรกเลยว่า "สเปรย์แอลกอฮอล์" นั้น มักจะมีส่วนผสมหลักคือ เอทิลแอลกอฮอล์ 70% ซึ่งแอลกอฮอล์เป็นสารเคมีที่ไวไฟสูง ! สามารถติดไฟได้เมื่อถูกประกายไฟ ห้ามใช้ใกล้ไฟเด็ดขาด (อาจจะมีเจลล้างมือผสมแอลกอฮอล์บางยี่ห้อ ที่ติดไฟยาก เนื่องจากใส่สารพวกกลีเซอรีนเข้าไปด้วย แต่ก็ไม่ควรเสี่ยงอยู่ดี)

 

การใช้แอลกอฮอล์เพื่อฆ่าเชื้อในกรณีที่จะป้องกันโรคโควิด-19นั้น เราไม่มีความจำเป็นต้องฉีดพ่นทั่วทั้งร่างกาย แบบที่นิยมทำ ! ฉีดพ่นแค่ที่มือก็เพียงพอแล้ว

 

ความจริงแล้ว เชื้อไวรัสโรค covid เข้าสู่ร่างกาย ผ่านการหายใจเข้าไปทางจมูกและปาก (ผ่านหลอดลม) เป็นหลัก ส่วนที่เป็นไปได้น้อย แต่ก็พอเกิดขึ้นได้ คือจากมือที่เลอะน้ำลายของผู้ป่วยมา แล้วเราไปเผลอแคะจมูกหรือป้ายตา

 

 

ดังนั้น การฆ่าเชื้อไวรัสโควิดที่อาจติดมากับร่างกายเรา จึงมีความจำเป็นเพียงแค่การทำความสะอาดมือบ่อยๆเช่นล้างด้วยน้ำสบู่ หรือแค่ฉีดพ่นบริเวณมือ แล้วถูมือให้ทั่วๆ ก็เพียงพอแล้ว

 

ที่สำคัญคือ หลังจากนั้น ยังต้องรอสักครู่ให้ "สเปรย์แอลกอฮอล์" ระเหยไปให้หมดก่อน ถึงจะไปใกล้พวกเปลวไฟได้ ห้ามไปจุดไฟแช็คหรือจุดเตาแก๊ส หลังจากเพิ่งสเปรย์แอลกอฮอล์มา

 

ส่วนถ้ากังวลว่ามีเชื้อไวรัสติดมากับตัวและเสื้อผ้า กลับมาจากตอนออกไปนอกบ้านหรือเปล่า เวลากลับถึงบ้านก็เพียงแค่อาบน้ำล้างหน้าสระผมตามปกติก็เพียงพอแล้ว

 

ส่วนเสื้อผ้า ก็นำไปใช้ซักด้วยผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้า หรือถ้าจะให้มั่นใจมากกว่านั้นอีก ก็ใช้น้ำร้อนด้วย

 

สรุปอีกครั้งก็คือ วิธีการใช้ "สเปรย์แอลกอฮอล์" เพื่อฆ่าเชื้อโรคนั้น

 

1. ฉีดพ่นแค่บริเวณมือก็พอ ไม่ต้องฉีดพ่นทั้งตัว

 

2. ถูมือให้ทั่ว เพื่อให้แอลกอฮอลล์ฆ่าเชื้อโรค ไม่ใช่แค่พ่นทิ้งไว้

 

3. รอจนมั่นใจว่าแอลกอฮอล์ระเหยไปหมดแล้ว จึงจะไปจุดไฟ หรือใกล้กับเปลวไฟ