เด่นโซเชียล

"กระเทียมโทน" ทานเป็นประจำ ห่างไกล "มะเร็งกระเพาะอาหาร" เช็คก่อนเชื่อ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ยัน การทาน "กระเทียมโทน" เป็นประจำ ไม่สามารถรักษา "มะเร็งกระเพาะอาหาร" ได้

สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ยัน การทาน "กระเทียมโทน" เป็นประจำ ไม่สามารถรักษา "มะเร็งกระเพาะอาหาร" ได้

 

22 ม.ค.65 ตามที่ได้มีข้อมูลปรากฏในสื่อออนไลน์ ถึงประเด็นเรื่อง "กระเทียมโทน" สามารถรักษา "มะเร็งกระเพาะอาหาร" ทาง ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

 

จากกรณีการเผยแพร่สรรพคุณของ "กระเทียมโทน" ที่ระบุว่าสามารถฆ่าเชื้อ และรักษาเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้นั้น ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและชี้แจงว่า ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่ากระเทียมโทนสามารถรักษามะเร็งกระเพาะอาหารได้

 

โดย "กระเทียมโทน" (Single Bulb form of Elephant Garlic) เป็นพืชสมุนไพรมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Allium ampeloprasum var. ampeloprasum เป็นกระเทียมพันธุ์ที่มีหัวเดียว ไม่มีกลีบ กลิ่นฉุนน้อย นิยมนำมาทำเป็นกระเทียมดองเพื่อรับประทาน

 

โดย "กระเทียมโทน" มีสรรพคุณทางยา คือ เป็นยาขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟื้อ ขับเสมหะ ลดไขมัน เป็นต้น ซึ่งการศึกษาด้านเภสัชวิทยาพบสารที่สำคัญ ได้แก่ สารกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และสารประเภทกำมะถัน (Organosulfur) คือ สาร allicin สาร ajoene และ สาร diallyl disulfide (DADs) มีฤทธิ์ต้านการอับเสบ ต้านอนุมูลอิสระ และต้านเชื้อแบคทีเรีย

 

รวมทั้งพบแร่ธาตุซีลีเนียม (Selenium) ที่ได้มีการศึกษาด้านการรักษามะเร็งพบว่ามีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ ทั้งนี้ยังเป็นเพียงการศึกษาระดับเซลล์ในห้องปฏิบัติการและในหนูทดลอง ซึ่งยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยที่สามารถยืนยันแน่ชัดว่าสารสกัดจาก "กระเทียมโทน" สามารถใช้รักษาโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ได้

อีกทั้งควรศึกษารายละเอียดด้านสรรพคุณทางยาของ "กระเทียมโทน" และการรับประทานสมุนไพรในปริมาณที่เหมาะสม และผู้ป่วยโรคมะเร็งควรขอคำแนะนำจากแพทย์ และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

 

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ควรติดตามข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ 

 

 

logoline