ชวนรู้จัก "ภาษีคริปโต" คืออะไร สรุปแบบเข้าใจง่าย รายได้ไหนบ้างที่ต้องเสียภาษี แล้วเสียยังไง ปัญหาที่เกิดขึ้น วิธีกรอกแบบการยื่นภาษี ถ้าไม่อยากจ่ายต้องทำอย่างไร เช็คครบจบที่นี่
"ภาษีคริปโต" Cryptocurrency เสียยังไง เสียแบบไหน รายได้แบบไหนบ้างที่ต้องเสียภาษี คมชัดลึกออนไลน์ สรุปมาให้แล้ว เช็คครบจบที่นี่ อ้างอิง พระราชกําหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ซึ่งระบุรายละเอียดในเนื้อหาว่า สินทรัพย์ดิจิทัลหากมีกำไรหรือมีผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนจะต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย ร้อยละ 15 ของกำไร และบุคคลที่มีเงินได้จากการซื้อขายคริปโตฯ จะต้องยื่นแบบแสดงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดย พระราชกําหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 19) พ.ศ. 2561 ได้หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกําหนดฉบับนี้ คือ
โดยที่ในปัจจุบันได้มีการถือหรือครอบครองโทเคนดิจิทัล หรือการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยน คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) หรือ โทเคนดิจิทัล ซึ่งเงินได้จากกรณีดังกล่าวเป็นเงินได้พึงประเมินที่ต้องนํามารวมคํานวณเพื่อเสียภาษี แต่โดยที่ยังไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายเพื่อการจัดเก็บ ภาษีคริปโตเคอร์เรนซี เงินได้จาก คริปโตเคอร์เรนซี หรือ โทเคนดิจิทัล เป็นการเฉพาะเป็นเหตุให้รัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้ครบถ้วน
ดังนั้น เพื่อให้การจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในกรณีดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีความจําเป็นที่ต้องแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และโดยที่เป็นกฎหมายเกี่ยวด้วยภาษีอากรซึ่งจะต้องได้รับการพิจารณาโดยด่วนและลับเพื่อรักษาประโยชน์ของแผ่นดิน จึงจําเป็นต้องตราพระราชกําหนดนี้
แบบไหนต้องเสีย "ภาษีคริปโต" เริ่มต้นด้วยหลักการของกฎหมาย 3 ข้อ คือ
- ส่วนแบ่งกำไรที่ได้ต้องเสียภาษี
- ผลประโยชน์ที่เกิดจากการโอนต้องเสียภาษี
- ให้ผู้จ่ายเงินได้หัก 15% เมื่อมีการจ่ายเงินได้ และหักแล้วไม่สามารถใช้สิทธิ Final TAX
กรณีเป็นเงินได้จากต่างประเทศจะไม่ต้องเสียภาษีในประเทศไทย
- อยู่ในไทยในปีนั้นไม่ถึง 180 วัน
- ไม่ได้นำเงินได้เข้ามาในปีที่เกิดเงินได้
* คำแนะนำ ถ้าหากเทรดที่ต่างประเทศแล้วถือกำไรไว้ เอาเข้ามาปีถัดไป จะไม่ต้องเสียภาษีนั่นเอง
แต่หากเทรดที่ไทย ตีความรายได้เป็น 3 ทาง ดังนี้
- กรณีที่เทรด (กำไรจากการแลกเปลี่ยน) สรรพากรตีความว่าคิดตาม Transaction ที่มีกำไร โดยไม่ให้นำขาดทุนที่เกิดขึ้นมาหักออกได้เลย และหากมีการซื้อขายที่กระดานเทรด (Exchange) หากเกิดรายได้ (กำไร) เมื่อไร ก็ถือว่าเป็นรายได้ทันที โดยที่ไม่จำเป็นต้องถอนเงินออกมาเข้าบัญชีธนาคาร
- กรณีที่รับผลตอบแทน (ล็อกเหรียญ / Staking) มองเหมือนการได้ดอกเบี้ยจากเงินฝากธนาคาร ผลตอบแทนต้องนำมาเสียภาษีเงินได้บุคคลด้วยเช่นกัน โดยทั้งข้อ 1 - 2 ถือเป็นเงินได้ประเภทที่ 4
- กรณีขุด (Mining) จะถือเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 เหมือนการผลิตสินค้าเพื่อขาย โดยจะเป็นรายได้ ก็ต่อเมื่อมีการขายให้กับทางผู้ซื้อแล้วเท่านั้น และให้หักต้นทุนค่าใช้จ่ายตามจริงได้ (ไม่มีสิทธิหักเหมา)
* หากผู้จ่ายมีการจ่ายเงินได้ให้ผู้รับเงิน ก็ต้องหักภาษี 15% ตามที่กฎหมายกำหนดไว้
วิธีการคำนวณรายได้
- ซื้อ 100,000 ขาย 150,000 กำไร 50,000
- ซื้อ 150,000 ขาย 20,000 ขาดทุน 130,000
* เสียภาษีจาก กำไร 50,000 บาท
- ฝาก 100,000 ผลตอบแทน 10% ได้เพิ่ม 10,000
* เสียภาษีจาก 10,000 บาท
- ขุด 100,000 ต้นทุน XXX กำไร XXX
* เสียภาษี เมื่อมีการขาย
ทั้งนี้ กฎหมายกำหนดให้ผู้จ่ายเงินได้หัก 15% เมื่อมีการจ่าย
ปัญหาที่เกิดขึ้น
- หัก ณ ที่จ่าย 15% ปฏิบัติไม่ได้จริง : ไม่รู้ว่าหักอย่างไร หักเท่าไหร่ คิดยังไง?
- วิธีการคำนวณต้นทุนแบบไหนเหมาะสม : วิธีคิดต้นทุนการซื้อ / วิธีคิดต้นทุนการขุด
- เกณฑ์การคำนวณผลประโยชน์ : ผลประโยชน์ที่ได้รับคิดด้วยมูลค่าเท่าไหร่
วิธีกรอกแบบการยื่นภาษี ดังนี้
- กรณีการยื่นแบบภาษีออนไลน์ เข้าไปที่เว็บไซต์ E-FILING : https://efiling.rd.go.th/ : คลิกที่นี่ กดยื่นแบบออนไลน์ : คลิกที่นี่ ล็อกอินแล้วทำตามขั้นตอน
- ในหน้า กรอกเงินได้ จะมีหัวข้อ รายได้จากการลงทุน "ดอกเบี้ย เงินปันผลจากบริษัทต่างประเทศ ประโยชน์ใด ๆ จาก คริปโตเคอร์เรนซี หรือ โทเคนดิจิทัล เงินเพิ่มทุน เงินลดทุน (มาตรา 40(4)) คลิก ระบุข้อมูล
- กรอกเป็นรายการ ประเภทธุรกิจ (ประเภทของเงินได้) เงินได้ทั้งหมด ภาษีหัก ณ ที่จ่าย เลขผู้จ่ายเงินได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง