เด่นโซเชียล

"โนโรไวรัส" ที่ระบาดหนักชาวจันทบุรี คืออะไร ป้องกันอย่างไร มีคำตอบที่นี่

"โนโรไวรัส" ที่ระบาดหนักชาวจันทบุรี คืออะไร ป้องกันอย่างไร มีคำตอบที่นี่

31 ธ.ค. 2564

หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ทางคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ชี้ สาเหตุโรคท้องเสียระบาดที่จังหวัดจันทบุรี คือ "โนโรไวรัส" ย้ำทำความรู้จัก สามารถป้องกันได้

หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ทางคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ชี้ สาเหตุโรคท้องเสียระบาดที่จังหวัดจันทบุรี คือ "โนโรไวรัส" ย้ำทำความรู้จัก สามารถป้องกันได้

 


วันนี้ 31 ธ.ค. 64 ผศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ทางคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โพสต์เฟซบุ๊กถึงผลการตรวจอุจจาระของผู้ป่วยท้องเสียที่จังหวัดจันทบุรีว่าเป็น "โนโรไวรัส" Norovirus Genogroup II จำนวน 6 ราย จาก 8 ราย อาการคลื่นไส้อาเจียนจะเด่น ท้องเสียจะเกิดขึ้นเร็ว และรุนแรงในบางราย หายเองภายในประมาณ 2 วัน ผู้สูงอายุอาจมีอาการมากและรุนแรง

 

 

"โนโรไวรัส" คืออะไร 
โนโรไวรัส (Norovirus) เป็นไวรัสก่อโรคในทางเดินอาหารชนิดหนึ่ง ค้นพบครั้งแรกในการระบาดของโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบที่เมืองนอร์วอล์ก รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 1972 แต่ก่อนหน้านั้นมีบันทึกเกี่ยวกับโรคนี้ว่าเป็น ‘โรคอาเจียนในฤดูหนาว (Winter vomiting disease)’ เนื่องจากผู้ป่วยจะมีอาการอาเจียนเด่น และมักพบระบาดในช่วงฤดูหนาว

 

"โนโรไวรัส" มีขนาดเล็กประมาณ 30 นาโนเมตร (เทียบกับโควิดที่มีขนาดประมาณ 100 นาโนเมตร) และไม่มีเปลือกหุ้ม ทำให้ไวรัสนี้ไม่ถูกทำลายด้วยแอลกอฮอล์ วิธีการป้องกันจึงต้องล้างมือด้วยสบู่เท่านั้น

อาการของ "โนโรไวรัส"
โนโรไวรัสมีระยะฟักตัวระหว่าง 12-48 ชั่วโมง เฉลี่ยประมาณ 1 วันจะเริ่มมีอาการหลังได้รับเชื้อ ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเป็นน้ำ ไม่มีเลือดปน ปวดท้อง และอาจมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญคือภาวะขาดน้ำ แต่ส่วนใหญ่จะหายได้เองภายใน 1-3 วัน นอกจากนี้ยังพบผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ 30% ทำให้เป็นพาหะแพร่เชื้อได้



การแพร่เชื้อของ "โนโรไวรัส"
โนโรไวรัสแพร่ระบาดได้ง่าย เนื่องจากสามารถก่อโรคได้แม้ได้รับเชื้อในปริมาณน้อย (<100 อนุภาคไวรัส) และอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นาน ทนความเย็นและความร้อนสูงถึง 60 องศาเซลเซียส ติดต่อจากคนสู่คนผ่านการรับประทานอาหารและน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อ มือที่สัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อนอาเจียนหรืออุจจาระแล้วหยิบอาหารเข้าปาก และการสูดหายใจเอาละอองอาเจียนเข้าไป



วิธีการรักษา "โนโรไวรัส"
การรักษาเหมือนกับโรคอาหารเป็นพิษคือ รักษาตามอาการ เช่น ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน ยาแก้ปวดท้อง และดื่มน้ำสะอาดผสมผงเกลือแร่ (ORS) เพื่อชดเชยน้ำและเกลือแร่ที่เสียไป หากมีไข้ให้รับประทานยาพาราเซตามอลลดไข้ ไม่จำเป็นต้องใช้ยาฆ่าเชื้อ เนื่องจากยาฆ่าเชื้อออกฤทธิ์เฉพาะแบคทีเรียเท่านั้น หากมีอาการอ่อนเพลียมากควรไปพบแพทย์เพื่อประเมินภาวะขาดน้ำ



การป้องกันการติดเชื้อ "โนโรไวรัส"
กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ’ เป็นคำขวัญที่ใช้ในการรณรงค์เรื่องโรคติดต่อทางอาหารและน้ำอยู่เดิม นั่นคือการรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ อาหารที่เก็บไว้นานเกินกว่า 2 ชั่วโมงต้องนำมาอุ่นให้ร้อน การใช้ช้อนกลาง และการล้างมือก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ ซึ่งต้องเน้นย้ำว่าต้องล้างมือด้วยสบู่ เพราะการล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ไม่เพียงพอสำหรับไวรัสนี้ ด้วยเหตุผลที่กล่าวไปข้างต้น
 

นอกจากนี้ควรทำความสะอาดพื้นผิวที่อาจปนเปื้อนอาเจียนหรืออุจจาระด้วยน้ำยาฟอกขาวหรือผงซักฟอก เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งแพร่เชื้อ จะเห็นว่าการป้องกันการติดเชื้อคล้ายกับโควิด หากปฏิบัติเป็นประจำก็จะสามารถป้องกันได้ทั้งโรคติดเชื้อทางเดินอาหารและทางเดินหายใจ (อาหารและอากาศ)