เด่นโซเชียล

"ครูขอลาออก" สาวร่ายยาวระบายความในใจ ขอลาออกเพราะระบบ ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ครูขอลาออก" สาวร่ายยาวระบายความในใจกลางเฟซบุ๊ก หลังขอลาออกจากอาชีพครู รับชัดเป็นเพราะระบบ ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

 

"ครูขอลาออก" กลายเป็นประเด็นร้อนที่ชาวเน็ตร่วมแสดงความคิดเห็นกันอย่างคับคั่ง เมื่อหญิงสาวรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์ระบายความในใจ หลังได้ทำการยื่นใบลาออกจากการเป็นข้าราชการครู พร้อมเผยเหตุอย่างชัดเจนว่าเป็นเพราะระบบ ทำให้เธอนั้นไม่ขอทนอีกต่อไป

 

 

 

 

"ครูขอลาออก" เป็นโพสต์จากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้ออกมาระบายความในใจถึงอาชีพข้าราชการครู จนเป็นเหตุให้เธอนั้นต้องลาออก โดยเธอได้ระบุเรื่องราวไว้ว่า...บันทึกความซื่อสัตย์ต่อชีวิตตนเอง ครั้งที่ 2 ของชีวิต (ยาวมาก น่าจะยาวที่สุดในชีวิตนี้ที่จะโพสต์แล้ว)

 

ครั้งแรกคือการเลือกสละสิทธิหลังจากสอบติด ป.โท บริหารการศึกษา ที่ ม.เกษตร หลังจากที่ใช้ชีวิตมา 28 ปี แบบไม่เคยปฏิเสธโอกาสที่เข้ามาเพราะมองว่าโชคชะตาคงกำหนดแล้ว แต่เป็นจุดที่คิดว่าถ้าเรายังไหลตามโอกาสที่เข้ามาสุดท้ายแล้วชีวิตเราจะได้เลือกอะไรที่เป็นทางของเราจริง ๆ สักทีวะ

 

สาเหตุที่ลาออกหลัก ๆ ไม่เห็นคุณค่าของตัวเองต่องานที่ทำ แต่ละคนมีความชอบ และทัศนคติต่อความสำเร็จในชีวิตที่แตกต่างกัน บางคนมองว่าข้าราชการคือความสำเร็จของตนเอง แต่ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกแบบนั้น มองแค่ว่าอาชีพก็คืออาชีพ คงไปห้ามหรือเปลี่ยนความคิดคนอื่นไม่ได้ ทุกอาชีพมีคุณค่าของตนเอง ขอแค่มีความสุขกับสิ่งที่ทำแล้วหาเลี้ยงตัวเองได้ก็พอ

 

1 คำที่ได้ยินบ่อยมากคือคำว่ามั่นคง มั่นคงเพราะรัฐบาลเลี้ยงตอนบั้นปลาย ท้ายสุดเรามองว่า ความมั่นคงก็คือความมั่งคั่ง ถ้ายังหาเลี้ยงตัวเองได้ และมีเงินยามฉุกเฉิก เราก็รู้สึกว่านี่คือความมั่นคงแล้ว และมั่นคงเพราะราชการถูกไล่ออกยาก กดดันน้อยกว่างานอาชีพอื่น อ้าว นี่เราเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตแบบกลัวโดนไล่ออกหรอ เราไม่ได้เกิดมาเพื่อได้ลองใช้ชีวิตแบบเต็มที่หรอ บางคนคงคิดว่าเราโง่ที่ทิ้งงานที่มีแต่คนอยากได้ไป แต่แค่อยากบอกให้รู้ไว้ว่า นิยามความสุขของชีวิตและเป้าหมายของการเกิดมามันไม่เหมือนกัน

 

 

ครูขอลาออก, ข้าราชการครู, ลาออก, ระบบ, ระบายความในใจ

 

 

 

 

รู้ตัวตั้งแต่ฝึกสอนว่าไม่ชอบอาชีพนี้แต่ก็โชคดีได้กลุ่มครูพี่เลี้ยง (พี่อ้อย พี่เก๋ และพี่ ๆ ในโรงเรียนคนอื่น ๆ ที่น่ารักมาก) แต่พอเรียนจบก็ไหลตามโอกาสที่มา ได้บรรจุตั้งแต่เรียนจบ จนมาถึงจุดเปลี่ยนคือตอนสอบติด ป.โท บริหารการศึกษา ตอนนั้นก็คือลังเลเพราะถ้าเรียนต่อและอยู่ในสายนี้ต่อก็คงก้าวหน้า ตอนนั้นปรึกษาพี่ ๆ หลายคนมาก ต้องขอบคุณพี่อีฟ พี่เอ พี่แป้ง พี่โอ๋ พี่กิ้ก พี่อ๊อฟ ที่รับฟัง คุยเป็นชั่วโมง ๆ สุดท้ายตัวเราก็ยังลังเล แต่ท้ายสุดแค่รู้สึกว่า อยากตัดสินใจให้ชีวิตตนเองบ้าง ไม่อยากไหลตามโอกาสที่เข้ามาแล้ว พอสละสิทธิคือโคตรโล่ง รู้สึก เห้ย ชีวิตก็เป็นของเรานี่นา

 

จนมาถึงจุดนี้ที่ลาออกจากราชการครู ตั้งแต่บรรจุมา คือโชคดีที่ได้โรงเรียนที่ดีมาก เพื่อนครูในโรงเรียน และ ผอ. คือโคตรน่ารัก อยู่แบบครอบครัว ช่วยเหลือกันทุกเรื่องจริง ๆ แต่สิ่งที่ทำให้เราทนอยู่กับจุดนี้ไม่ได้ คือตัวระบบ พูดตรง ๆ เราเกลียดงานเอกสาร งานเอกสารที่เน้นเยอะ เน้นยืดเยื้อ มากกว่าผลลัพธ์ที่ควรจะเป็น การต้องบังคับอบรมที่เนื้อหามีแค่ 1/8 การต้องบังคับให้เด็กทำโครงงานนู่นนี่เพื่อทำให้ครูมีผลงาน ไม่ได้บอกว่าเด็กไม่ได้รับประโยชน์ แต่แค่รู้สึกว่า สุดท้ายแล้วสิ่งที่นักเรียนได้รับมันทำให้นักเรียนค้นหาตัวเองเจอจริง ๆ หรอวะ นักเรียนอยากทำด้วยตัวเองจริง ๆ หรอ หรือเพื่อให้โรงเรียนได้เชิดหน้าชูตา

 

ระบบการศึกษาเหมือนเน้นแค่ชั่วโมงเรียน เน้นการยัดเนื้อหาความรู้ ตัวเราก็เป็นเด็กเรียนอยู่ห้องคิงได้เกรด 4 มาตลอด ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 แต่จนตอนนี้ที่อายุ 28 ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร มีแต่คำถามว่าเกิดมาทำไมวะ เราถนัดอะไรวะ นอกจากเรียน คำตอบก็คือไม่รู้เลย เหมือนที่ผ่านมาเราทำตามระบบสังคมที่มีมา ไม่ค่อยหยุดเพื่อฉุกคิดว่า สุดท้ายแล้วเราชอบหรือถนัดอะไรกันแน่ ยิ่งช่วงออนไลน์คือสงสารนักเรียนมาก แบบเรียนก็ลำบาก แต่ระบบการศึกษาก็ยังพยายามยัดเยียดเนื้อหาให้มันครบชั่วโมงตามที่ควรจะเป็น สุดท้ายแล้วนักเรียนได้ความรู้จริง ๆ หรอ หรือแค่ทำเพราะอยากให้เวลาเรียนมันครบ ให้มันถูกตามกฎระเบียบ

 

ที่ไม่ชอบหนักสุด คือการต้องทำวิทยฐานะ บางคนคงคิดไม่ชอบก็ไม่ต้องทำสิ ใช่เราคิดว่าถ้าเราอยู่ต่อ เราก็คงไม่ทำ ไม่ใช่ว่ามันยากหรืออะไรนะ แต่แค่รู้สึกทำไปทำไม ทำแล้วใครได้ประโยชน์นอกจากเงินเดือนขึ้น คือตัวกระดาษ ตัวน้ำมันเยอะและเปลี่ยนตลอด เหมือนข้างบนเขาว่าง เปลี่ยนเก่ง สรรหาให้ครูต้องทำอะไรที่มันเยอะ ๆ ผลลัพธ์จิ๊ดนึง เยอะในการจัดจีบผ้า ตั้งโต๊ะ ฟิวเจอร์บอร์ด แฟ้มหนา ๆ กระดาษเยอะ ๆ คือแบบเฮ้อ ทำทำไม ขอสอบเลื่อนขั้นแทนได้ไหม หรือดูจากผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนที่สอบได้ตามคณะที่ตัวเองอยากได้ และมีทักษะในการใช้ชีวิตให้คุ้มกับการที่ได้เกิดมา

 

หนักสุดคือความไม่แน่นอนของการดำเนินงานในระบบราชการ สำรวจไปเถอะ สำรวจซ้ำ ๆ สำรวจเสร็จ สุดท้ายที่สำรวจไปไม่ได้ใช้ สำรวจ 10 ครั้ง ใช้ครั้งที่ 1 หรือสำรวจ 5 ครั้ง สุดท้ายใช้ครั้งที่ 6 เห้ย เวลามีค่านะ ทุกวินาทีที่เดินผ่านไปแล้วมันเรียกกลับมาไม่ได้ เน้นที่ผลลัพธ์เถอะ อย่าเน้นที่ความยืดเยื้อของกระบวนการเลย อะไรที่ไม่จำเป็นก็ตัดออกบ้าง (ความเห็นส่วนตัวล้วน ๆ 55555555)

 

ท้ายสุด เราไม่รู้ว่าอนาคตเราจะดีหรือแย่ เราจะรู้สึกผิดต่อการตัดสินใจครั้งนี้ไหม แต่เราแค่รู้สึกว่า เราได้เกิดมาแล้ว เราไม่อยากเป็นนักโทษที่ถูกขังอยู่ในคำว่า เซฟโซน หรือไหลตามโอกาสที่มันวิ่งมา เราอยากวิ่งออกไปหาโอกาสเอง ถามว่าลาออกมาแล้วจะทำอะไร คำตอบคือไม่รู้เหมือนกัน เพราะที่ผ่านมาไม่เคยได้หยุดคิด หยุดเพื่อคุยกับตัวเองเลย ว่าเห้ย เฟิร์น ชอบทำอะไรวะ อายุ 28 แล้ว ไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้แล้ว บางคนมอง 28 แล้ว จะมาค้นหาอะไรตอนนี้ ถ้าอายุขัยคนเรา 30 นี่ก็คงแก่เกินไป แต่ใครจะรู้เราอาจอยู่ถึง 60 80 ปี ก็ได้นะ นี่ยังไม่ถึงครึ่งชีวิตเลยนะ ฮึบ ๆ สู้นะตัวเรา จะดีจะแย่แค่อย่าโทษตัวเองก็พอ อะไรที่เกิดขึ้นแล้วมันดีเสมอแหละ

 

 

ครูขอลาออก, ข้าราชการครู, ลาออก, ระบบ, ระบายความในใจ

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ