"ปัสสาวะกลางคืน" ไม่ดื่มน้ำ ทำให้เกิดภาวะหัวใจและสมองอุดตัน จริงหรือไม่

"ปัสสาวะกลางคืน" กลายเป็นกระแสบนโซเชียล หลังจากมีข่าวลือว่า หากไม่ดื่มน้ำตามหลังจากเข้าห้องน้ำ จะทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบและโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ สร้างความหวั่นวิตกให้กับหลายคน ล่าสุด ทางสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เผยว่าประเด็นดังกล่าว เป็นเท็จ 

โดยชี้แจงว่า ปกติร่างกายมีกลไกในการควบคุมปริมาณน้ำและเกลือแร่ให้สมดุลอยู่เสมอ และร่างกายจะสูญเสียน้ำตามปกติผ่านการพูด, การหายใจ, เหงื่อ และปัสสาวะ หากเราดื่มน้ำมาก ร่างกายก็จะขับน้ำที่เกินความจำเป็นออกมา

ในทางตรงกันข้าม หากร่างกายขาดน้ำ ก็จะปัสสาวะน้อยหรือไม่รู้สึกปวดปัสสาวะเลย เนื่องจาก กลางคืนอากาศเย็น เราจึงปัสสาวะมากกว่าปกติ เพราะ ร่างกายไม่ได้เสียน้ำไปกับเหงื่อ แต่ก็ไม่ควรมากกว่า 2 ครั้ง/คืน หากปัสสาวะมากกว่า 2 ครั้ง/คืน อาจจะต้องตรวจหาสาเหตุต่อไป และการปัสสาวะเป็นกลไกการขับน้ำส่วนเกินความต้องการของร่างกายออกมา

ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำหลังจาก "ปัสสาวะกลางคืน" ทุกครั้ง แต่อาจจะดื่มตามความรู้สึกคอแห้งหรืออยากดื่มมากกว่า และไม่มีข้อมูลว่า การไม่ดื่มน้ำหลังปัสสาวะกลางคืน เป็นสาเหตุให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองหรือหลอดเลือดหัวใจ

นอกจากนี้ การดื่มน้ำในช่วงกลางคืนที่มากเกินไป ทำให้ต้องลุก "ปัสสาวะกลางคืน" บ่อยครั้งขึ้น ทำให้นอนไม่ต่อเนื่อง ซึ่งจะมีผลต่อสุขภาพในกลางวันได้ และอาจจะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุขณะลุกขึ้นมาเพื่อเข้าห้องน้ำในช่วงกลางคืนได้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ

และหากต้องการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบ หรือหลอดเลือดหัวใจตีบ ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมความดันโลหิต-ระดับน้ำตาล และไขมันในเลือด งดสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และตรวจสุขภาพเป็นประจำสม่ำเสมอ

ข้อมูล : ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม