เด่นโซเชียล

วันนี้ "เงินเยียวยากลุ่มเปราะบาง" เข้าอีก กลุ่มไหนบ้าง และ ได้กี่บาท เช็คเลย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"เงินเยียวยากลุ่มเปราะบาง" เข้าอีก 10 พ.ย.นี้ กรมบัญชีกลาง จะโอนเงินให้ 3 กลุ่มได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล คือ "เบี้ยผู้สูงอายุ" "เงินอุดหนุนบุตร" และ "เบี้ยคนพิการ"

"กลุ่มเปราะบาง" รับเงินช่วยเหลืองวดประจำเดือนพฤศจิกายน โดยกรมบัญชีกลางจะโอนเงิน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ,เบี้ยความพิการ และเงินอุดหนุนบุตร เข้าบัญชีในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564  ทั้งนี้เงินช่วยเหลือของกลุ่มเปราะบางแต่ละกลุ่ม จะไม่เท่ากัน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

 

อัตราการจ่ายเงิน "เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ" แบบขั้นบันได

  • อายุ 60-69 ปี ได้ 600 บาท
  • อายุ 70-79 ปี ได้ 700 บาท
  • อายุ 80-89 ปี ได้ 800 บาท
  • อายุ 90 ปีขึ้นไป จะได้รับ 1,000 บาท

เบี้ยผู้พิการ

  • อายุต่ำกว่า 18 ปี ได้ 1,000 บาท
  • อายุ 18 ปีขึ้นไป ได้ 800 บาท

 

เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด หรือ "เงินอุดหนุนบุตร"

  • เด็กแรกเกิด-อายุ 6 ขวบ ในครอบครัวรายได้น้อย (รายได้เฉลี่ยไม่เกิน 1 แสนบาทต่อคนต่อปี) ได้ 600 บาท

คุณสมบัติผู้มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 

  • สัญชาติไทย
  • มีอายุ 59 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป (ในกรณีที่ทะเบียนราษฎร์ระบุเฉพาะปีเกิด ให้ถือว่าบุคคลนั้นเกิดวันที่ 1 มกราคมของปีนั้น เช่น เกิด พ.ศ.2497 ให้ถือว่าเกิดวันที่ 1 มกราคม 2497
  • ขอรับเบี้ยตามที่อยู่ในทะเบียนบ้าน
  • ต้องไม่เป็นผู้ที่ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์ จากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือเทศบาล อบต.ได้แก่ ผู้รับเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน ผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ที่ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทน รายได้ประจำ หรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่รัฐหรือเทศบาล อบต.จัดให้เป็นประจำ ยกเว้นผู้พิการและผู้ป่วยเอดส์ตามระเบียบ

 

 

เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการลงทะเบียน

  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 1 ชุด
  • สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 1 ชุด
  • สำเนาสมุดบัญชีเงินฝาก(ออมทรัพย์) จำนวน 1 ชุด

 

 

สามารถยื่นเอกสารแทนผู้สูงอายุได้ และหากผู้สูงอายุมีความประสงค์โอนเงินเข้าบัญชีผู้อื่น ต้องมีหนังสือมอบอำนาจ ตัวจริงพร้อมสำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้รับมอบอำนาจอย่างละ 1 ชุด

 

ทั้งนี้ผู้สูงอายุที่ขึ้นทะเบียนไว้ ตั้งแต่วันที่ 1- 30 พฤศจิกายน ของทุกปี จะได้รับเงินเบี้ยยังชีพ เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม ของปีถัดไป โดยไม่มีการจ่ายย้อนหลัง

 

ในกรณีผู้สูงอายุที่มีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุย้ายทะเบียนบ้านให้เทศบาล หรือ อบต.ที่เคยจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดิมยังคงจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจนกว่าจะสิ้นสุดปีงบประมาณนั้นในเดือนกันยายน หากมีความประสงค์จะรับเบี้ยยังชีพกับเทศบาล หรือ อบต. แห่งใหม่ ต้องไปจดทะเบียนเพื่อขอรับเบี้ยยังชีพที่เทศบาลหรือ อบต.แห่งใหม่ ภายในวันที่ 1 -30 พฤศจิกายนของทุกปี และเริ่มรับเงินที่ใหม่ในเดือนตุลาคม ของปีถัดไป

 

  • เซ็นเอกสารต้องลงลายมือชื่อ สำเนาถูกต้องทุกฉบับ
  • ผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเขียนได้ ให้พิมพ์ลายมือแทน
logoline

ข่าวที่น่าสนใจ