"เงินประกันราคาข้าวปี 64/65" เช็คล่าสุดวันนี้ ธ.ก.ส. โอนแล้ว สูงสุด 300,000
ล่าสุด เช็ค "เงินประกันราคาข้าวปี 64/65" ธ.ก.ส. ดีเดย์จ่ายแล้ว เงินเกษตรกร 2564 วงเงิน 13,200 ล้านบาท แก่ผู้ปลูกข้าว 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ข้าวเปลือกเหนียว เกษตรกรผู้ปลูกข้าว สูงสุด 300,000
ล่าสุดเช็ค "เงินประกันราคาข้าวปี 64/65" นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่ คณะกรรมการ ธ.ก.ส. ในการประชุมเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งเสนอโดยกระทรวงพาณิชย์ เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 วงเงินรวม 13,225 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว และป้องกันความเสี่ยงด้านราคาไม่ให้ประสบปัญหาขาดทุน ลดภาระค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และอุทกภัย โดยที่กลไกตลาดยังคงทำงานเป็นปกติ โดยประกันรายได้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 5 ชนิด ได้แก่
- ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน
- ข้าวเปลือกหอมมะลินอกเขต ตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
- ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน
- ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน
- ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
โดยเริ่มจ่ายรอบแรก วันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งมีเกษตรกรได้รับประโยชน์จำนวน 492,571 ครัวเรือน เป็นเงิน 10,920 ล้านบาท
สำหรับหลักเกณฑ์ "เงินเยียวยาเกษตรกร" การจ่ายเงินประกันรายได้
- เกษตรกรจะต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2564/65 กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
- ต้องแจ้งวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยว เพื่อใช้เป็นข้อมูลช่วงเวลาที่เกษตรกรจะได้รับสิทธิชดเชย
โดยกรมส่งเสริมการเกษตรจัดส่งข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวจำแนกตามช่วงเวลาที่เก็บเกี่ยวและคำนวณปริมาณผลผลิต โดยใช้พื้นที่ทั้งหมดที่ขึ้นทะเบียนปลูกข้าวแต่ละชนิดคูณผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่เป็นปริมาณผลผลิตที่ต้องชดเชย แต่ต้องไม่เกินปริมาณที่กำหนดไว้ข้างต้น ส่งให้ ธ.ก.ส. เพื่อเป็นข้อมูลในการจ่ายเงิน
จากนั้น ธ.ก.ส. จะดำเนินการจ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ภายใน 3 วัน นับจากวันที่ได้รับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงในแต่ละรอบจากคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งเกษตรกรสามารถตรวจสอบผลการโอนเงินได้ทางแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. A-Mobile ตลอด 24 ชั่วโมง และจะมีข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีผ่าน LINE Official BAAC Family กรณีที่ลูกค้าสมัครใช้บริการ BAAC Connect
นอกจากนี้ ยังได้เตรียมมาตรการคู่ขนานเพื่อชะลอการขายในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยรักษาเสถียรภาพด้านราคาข้าว ประกอบด้วย
- โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ที่ความชื้นไม่เกิน 15% สิ่งเจือปนไม่เกิน 2% เป้าหมาย 2 ล้านตัน วงเงินสินเชื่อ 20,402 ล้านบาท โดยกำหนดราคาพร้อมช่วยเหลือค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาท ดังนี้
- ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 11,000 บาท
- ข้าวเปลือกหอมมะลินอกเขต ตันละ 9,500 บาท
- ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 5,400 บาท
- ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 7,300 บาท
- ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 8,600 บาท
- โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร เป้าหมาย 1.5 ล้านตัน วงเงินสินเชื่อ 15,000 ล้านบาท เพื่อให้สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนและศูนย์ข้าวชุมชนรวบรวมข้าวเปลือกสำหรับการจำหน่ายหรือเพื่อการแปรรูป