เด่นโซเชียล

"ฉีดวัคซีนสลับ" เชื้อตาย กับ mRNA ในเด็ก ลดเสี่ยงกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หมอยง ชี้ วัคซีนเชื้อตายเป็น primeที่ดี เมื่อถูกกระตุ้นด้วย ไวรัสเวกเตอร์หรือ mRNA จะมีbooster effect สูง หากวัคซีนเชื้อตายใช้ในเด็กไทยได้ การสลับจากวัคซีนเชื้อตายเข็มแรก แตามด้วย mRNA ลดความเสี่ยงเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawanถึงกรณีการให้วัคซีนสลับ เชื้อตาย กับ mRNA ว่า วัคซีนเชื้อตาย เป็นตัว prime ที่ดี ทำให้ร่างกายเราเหมือนกับรับรู้ว่าเคยติดเชื้อเพราะได้รับ แอนติเจนทั้งตัวไวรัส เมื่อมีการกระตุ้นด้วย ไวรัสเวกเตอร์หรือ mRNA วัคซีน จะมีผลที่เรียกว่าปฏิกิริยาการกระตุ้น หรือตามประสาวัคซีนเรียกว่า booster effect

ดังที่ทราบกันว่า เมื่อให้วัคซีนเชื้อตาย เริ่มต้นแล้วให้ไวรัสเวกเตอร์ ที่ใช้อยู่ขณะนี้ กระตุ้นภูมิต้านทานได้ดี และก็เช่นเดียวกัน ถ้าให้วัคซีนเชื้อตายครบ 2 เข็ม แล้วกระตุ้นเข็ม 3 ด้วยไวรัสเวกเตอร์ ก็จะได้ปฏิกิริยาภูมิต้านทานร่างกายตอบสนองที่สูงมาก

"ฉีดวัคซีนสลับ" เชื้อตาย กับ mRNA ในเด็ก ลดเสี่ยงกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

จากการศึกษาในสถานการณ์จริง ที่มีการฉีดวัคซีนสลับโดยให้เข็มแรก เป็นวัคซีนเชื้อตาย (sinovac) แล้วตามด้วยเข็มที่ 2  เป็น mRNA (pfizer) ปฏิกิริยาการตอบสนองก็เช่นเดียวกัน กับการให้วัคซีนสลับ เชื้อตายกับไวรัสเวกเตอร์ ดังแสดงในรูป

"ฉีดวัคซีนสลับ" เชื้อตาย กับ mRNA ในเด็ก ลดเสี่ยงกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

การศึกษาทางคลินิก กำลังดำเนินการต่อไปให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจน ในอนาคตถ้าวัคซีนเชื้อตายสามารถใช้ในเด็กในประเทศไทยได้ วิธีการให้สลับโดยเริ่มต้นจากวัคซีนเชื้อตายเข็มแรก แล้วตามด้วย mRNA  ก็จะเป็นวิธีการหนึ่งในการหลีกเลี่ยงการให้วัคซีน mRNA เข็มที่ 2 ในเด็ก เพื่อไม่ให้เกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

สิ่งที่ปรากฏชัดอีกอย่างหนึ่งก็คือว่าปฏิกิริยาการตอบสนอง หรือที่เรียกว่า booster effect จะเกิดได้ดีระยะห่างระหว่างเข็ม 1 และเข็ม 2 ถ้ายิ่งห่างก็จะมีปฏิกิริยากระตุ้นภูมิได้สูงมาก แต่การเว้นระยะห่างหลังฉีดวัคซีนเข็มแรกเพียงเข็มเดียว จะเกิดการติดเชื้อเสียก่อน

จากข้อมูลในรูปเราเห็นว่าระยะห่างระหว่างเข็ม 1 และเข็ม 2 ถ้าห่างถึง 3 เดือน จะกระตุ้นภูมิต้านทานได้สูงมาก แต่ไม่ควรทำเพราะจะเกิดการติดเชื้อระหว่างรอเข็ม 2 ได้

การศึกษา booster effect เห็นได้ชัดจากการศึกษาตั้งแต่ไวรัสตับอักเสบ บี การให้วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี 3 เข็ม ถ้าห่างกันระยะ 1 เดือน ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจะไม่แตกต่างกับการให้ 2 เข็มที่ห่างกัน 1 เดือน แต่ถ้าให้เข็ม 3 ห่างออกไปที่ 6 เดือน (0, 1 และ 6) หรือ 12 เดือน ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นหลังเข็ม 3 จะมีปฏิกิริยาการกระตุ้นที่สูง (booster effect)

ดังนั้นกฎเกณฑ์ในการให้วัคซีน ถ้าลืม หรือยังไม่พร้อมในการให้ และเลื่อนออกไป สามารถให้ต่อได้เลย โดยไม่ต้องมีการเริ่มต้นใหม่

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ