เด่นโซเชียล

คร.เตรียมวัคซีน"เข็มกระตุ้น"  เร่งสั่ง"วัคซีนโควิด" เพิ่ม120ล้านโดส

คร.เตรียมวัคซีน"เข็มกระตุ้น" เร่งสั่ง"วัคซีนโควิด" เพิ่ม120ล้านโดส

21 ส.ค. 2564

อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยตัวเลขฉีดวัคซีนโควิด แล้ว กว่า 26ล้าน โดส เตรียมเข็มกระตุ้น สำหรับคนที่ฉีด SV 2เข็ม เร่งเตรียมวัคซีน ปี65 อย่างน้อย 120 ล้านโดส ไฟเซอร์ 50 ล้าน โดส แอสตร้า 50 ล้านโดส

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงผลสรุปการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทยว่าผลการให้บริการวัคซีนโควิด วันที่ 20 สิงหาคม 2564 พบว่ามีจำนวนผู้ได้รับวัคซีน 609,435 โดยแบ่งเป็นเข็มแรกจำนวน 387,683 ราย เป็นวัคซีนซิโนแวค 227,434 รายแอสตร้าเซนเนก้า 87,812 ราย ซิโนฟาร์ม 63,936 ราย ไฟเซอร์ 8,501 ราย

เข็ม 2 มีผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 215,411 รายเป็นวัคซีนซิโนแวค 2,100 ราย วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 176,077 รายวัคซีนซิโนฟาร์ม 36,949 ราย และไฟเซอร์ จำนวน 288 ราย

สำหรับวัคซีนเข็ม 3 มีผู้ได้รับจำนวน 6,338 ราย เป็นแอสตร้าเซนเนก้า 1,032 ราย และไฟเซอร์ 5,306 ราย

คร.เตรียมวัคซีน\"เข็มกระตุ้น\"  เร่งสั่ง\"วัคซีนโควิด\" เพิ่ม120ล้านโดส
ทั้งนี้ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีผู้ได้รับวัคซีน โควิด-19 แล้วจำนวน 26,428,101 โดส มีผู้ได้รับเข็ม 1 จำนวน 19,973,692 โดส หรือคิดเป็น 27.7% ผู้ที่ได้รับครบ 2 เข็มมีจำนวน 5,920,614 รายหรือคิดเป็น 8.2%

สำหรับผลการฉีดวัคซีนโควิด สะสมจำแนกตามบริษัทผู้ผลิตตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ถึงวันที่ 20 สิงหาคม 2564 เป็นซิโนแวค มีการฉีดไปแล้วจำนวน 12,328,604 ราย แอสตร้าเซนเนก้า 11,161,950 ราย ซิโนฟาร์ม 2,440,215 ราย และไฟเซอร์ 497,332 ราย

 

สำหรับยอดสะสมการรับวัคซีน โควิด-19 รายจังหวัดตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์จนถึงวันที่ 20 สิงหาคม แบ่งเป็นในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด มีผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้วจำนวน 11,083,904 คนคิดเป็น 50% เข็ม 2 จำนวน 2,784,163 คนคิดเป็น 12.6% และเข็ม 3 จำนวน 217,737 คนคิดเป็น1.0% ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีผู้ได้รับวัคซีน เข็มแรกแล้ว 6,351,588 คนคิดเป็น 82.5% เข็ม 2 จำนวน 1,456,273 คนคิดเป็น 18.9% เข็ม 3 จำนวน  119,969 คนคิดเป็น 1.6% จังหวัดนนทบุรีมีผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรก 617,140 คนคิดเป็น 18.4% เข็ม2 จำนวน 216,060 คน คิดเป็น 13.4% และเข็ม 3 จำนวน 10,939 คน คิดเป็น 0.7% จังหวัดปทุมธานีมีผู้ได้รับวัคซีน 594,196 คนเข็มแรกคิดเป็น 18.7% เข็ม 2 จำนวน 135,753 คน คิดเป็น 8.9% และเข็ม 3 จำนวน 7,247 คน คิดเป็น 0.5% ภาพรวมจังหวัดอื่นๆ 64 จังหวัดมีผู้ได้รับวัคซีนแล้วรวม 8,889,788 คนคิดเป็น 17.8% เข็ม 2 จำนวน 3,136,451 คนคิดเป็น 6.3% และเข็ม 3 จำนวน 316,058 คนคิดเป็น 0.6%
คร.เตรียมวัคซีน\"เข็มกระตุ้น\"  เร่งสั่ง\"วัคซีนโควิด\" เพิ่ม120ล้านโดส ทั้งนี้ทั้งประเทศมีผู้สูงอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้วทั้งหมด 4,206,659 คนหรือคิดเป็น 38.6% ทั้งนี้ได้มีการกำหนดเป้าหมายในการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้สูงอายุโดยตั้งเป้าจะฉีดให้ได้อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดรจะฉีดวัคซีนให้แก่ผู้สูงอายุ 70%

จะเห็นได้ว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีการฉีดวัคซีนได้มากถึง 5แสน- 6แสน โดสต่อวันโดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันจันทร์ - วันศุกร์มีการฉีดวัคซีนไปแล้วจำนวนสองถึง 3 ล้าน โดสซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

สำหรับในกรณีหญิงตั้งครรภ์พบว่ามีข้อมูลชัดเจนว่าในกรณีที่หญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อ โควิด-19 จะส่งผลให้มีอาการหนักอาการรุนแรงกว่าคนทั่วไปสองถึงสามเท่าและมีโอกาสเสียชีวิตได้มากกว่าคนทั่วไปจึงอยากขอเชิญชวนให้หญิงตั้งครรภ์เข้ารับวัคซีน

สำหรับวัคซีนที่เข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนสิงหาคม 2564 พบว่าจนถึงปัจจุบันมีวัคซีนเข้ามาแล้วถึง 30 ล้านโดส ในเดือนกันยายน จะมีการส่งแอสตร้าเซนเนก้า เข้ามาในประเทศไทยอีกประมาณ 7.2 ล้านโดส สำหรับในปี 2565 อาจจะจำเป็นที่จะต้องมีการฉีดวัคซีนเข็ม 3 หรือบูสเตอร์โดส และรวมไปถึงกลุ่มเป้าหมายอื่น ๆ ที่ยังไม่ครอบคลุม เช่นกลุ่มเด็ก

คร.เตรียมวัคซีน\"เข็มกระตุ้น\"  เร่งสั่ง\"วัคซีนโควิด\" เพิ่ม120ล้านโดส

ซึ่งขณะนี้มีผลวิจัยว่าในหลายหลายประเทศมีความจำเป็นที่จะต้องฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กรวมถึงการฉีดบูสเตอร์โดส ในบุคคลทั่วไปด้วยเนื่องจากมีข้อมูลวิจัยแล้วว่าหลังจากฉีดวัคซีนแล้วครบสองเข็มภูมิคุ้มกันจะลดลงไม่ว่าจะเป็นวัคซีนยี่ห้อใดก็ตาม จึงจำเป็นที่จะต้องฉีดกระตุ้นเข็มสามให้ภูมิคุ้มกันสูงขึ้นจึงจำเป็นที่จะต้องจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมในปี 2565 อย่างน้อย 120 ล้าน โดส รวมถึงให้มีวัคซีนที่มีความหลากหลายในการฉีดมากขึ้น

ทั้งนี้สถาบันวัคซีนแห่งชาติได้มีการแสดงเจตน์จำนงค์โดยการที่จะนำเข้าวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์อีกจำนวนอย่างน้อย 50 ล้าน โดส และแอสตร้าเซนเนก้า อีก 50 ล้าน โดส นอกจากนี้ ในหลายบริษัทเริ่มมีการผลิตวัคซีนรุ่นใหม่ที่สามารถป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ได้มากขึ้นหรือที่เรียกว่าวัคซีนรุ่นสองหรือ secon generation หากมีการวิจัยและยืนยันว่ามีประสิทธิภาพและความปลอดภัยจะขอให้ทางบริษัทส่งวัคซีนรุ่นสองให้กับประเทศไทยรวมถึงปริมาณและกำหนดการส่งที่แน่นอน ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจา โดยขณะนี้มีความก้าวหน้าไปด้วยดี