เด่นโซเชียล

"หมอธีระ"เตือนศึกนี้ยาวนาน ชี้ ตัวเลขติดเชื้อโควิดพุ่ง แต่ใช้เวลาสั้นลง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"หมอธีระ" เตือน ศึกนี้ยาวนาน ชี้ ตัวเลขติดเชื้อ"โควิด-19" พุ่ง แต่ใช้เวลาสั้นลง เชื่อ ไทยยังไม่ผ่านยอดสูงสุด แนะ ดูแลตัวเองดีที่สุด

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทย มีข้อความระบุว่า สถานการณ์ทั่วโลก 21 สิงหาคม 2564 ทะลุ 211 ล้านคนไปแล้ว เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 676,111 คน รวมแล้วตอนนี้ 211,487,002 คน ตายเพิ่มอีก 9,959 คน ยอดตายรวม 4,426,491 คน

5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุด คือ สหรัฐอเมริกา  อินเดีย บราซิล รัสเซีย และฝรั่งเศส
สหรัฐอเมริกา ติดเชื้อเพิ่ม 147,200 คน รวม 38,384,346 คน ตายเพิ่ม 1,059 คน ยอดเสียชีวิตรวม 644,281 คน อัตราตาย 1.7% 
อินเดีย ติดเพิ่ม 34,296 คน รวม 32,392,506 คน ตายเพิ่ม 376 คน ยอดเสียชีวิตรวม 433,998 คนอัตราตาย 1.3% 
บราซิล ติดเพิ่ม 33,887 คน รวม 20,528,099 คน ตายเพิ่ม 925 คน ยอดเสียชีวิตรวม 573,658 คน อัตราตาย 2.8%
รัสเซีย ติดเพิ่ม 20,992 คน รวม 6,705,523 คน ตายเพิ่ม 785 คน ยอดเสียชีวิตรวม 174,485 คน อัตราตาย 2.6% 
ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 22,319 คน ยอดรวม 6,579,675 คน ตายเพิ่ม 83 คน ยอดเสียชีวิตรวม 113,186 คน อัตราตาย 1.7%

 

"หมอธีระ"เตือนศึกนี้ยาวนาน ชี้ ตัวเลขติดเชื้อโควิดพุ่ง แต่ใช้เวลาสั้นลง

อันดับ 6-10 เป็น สหราชอาณาจักร ตุรกี อาร์เจนติน่า โคลอมเบีย และสเปน ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่น 
แถบอเมริกาใต้ ยุโรป แอฟริกา เอเชีย หลายต่อหลายประเทศติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น 

 

หากรวมทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ พบว่า มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 87.38 ของจำนวนติดเชื้อใหม่ทั้งหมดต่อวัน
แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลักร้อยถึงหลักพัน 
แถบตะวันออกกลาง ส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักร้อย ถึงหลักพัน ยกเว้นอิหร่าน ติดเพิ่มหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง 
เวียดนามติดเพิ่มเกินหมื่น เหมือนฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นระลอกที่ 5 นั้น ติดเพิ่มถึง 25,155 คน สูงกว่าระลอกก่อนกว่า 3 เท่า
ส่วนเมียนมาร์ และเกาหลีใต้ ติดกันหลักพัน กัมพูชา ลาว และออสเตรเลีย ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน สิงคโปร์ และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มหลักสิบ 
ในขณะที่ฮ่องกง และไต้หวัน ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

 

มองดูสถานการณ์ไทย

ยอดติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นจาก 250,000 ไปเป็น 500,000 คน ใช้เวลา 27 วัน แต่เพิ่มจาก 500,000 คน ไปเป็น 1,000,000 คน ใช้เวลาสั้นลง เพียง 25 วัน ดังนั้น ตัวเลขติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันที่รายงานเป็นทางการนั้น ไม่น่าจะสะท้อนสถานการณ์จริง ทั้งจากธรรมชาติการระบาดที่เห็น สถานการณ์แวดล้อมที่มีคนตาย ทั้งในบ้าน นอกบ้าน นอกสถานพยาบาล ตามข่าวที่เห็นกันอยู่ทุกวัน รวมถึงสถานะของจำนวนการตรวจคัดกรองโรคมาตรฐาน ที่ไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่มีแนวโน้มตรวจลดลง หรือคงที่ ทั้ง ๆ ที่ควรตรวจให้มากขึ้น ในภาวะการระบาดที่รุนแรงขึ้น ในขณะที่จำนวนการตรวจด้วยชุดตรวจ ATK ก็ไม่ได้รวมในตัวเลขที่รายงานการติดเชื้อใหม่ และยากที่จะเก็บรวบรวมการใช้จริงได้
 

เฉกเช่นเดียวกับตัวเลขการเสียชีวิต ทั้งด้วยเงื่อนไขการตรวจโรค เงื่อนเวลาในการรายงาน และอื่น ๆ 
บางคนพยายามชี้ว่า เราผ่านยอดสูงสุดของการระบาดมาแล้ว ดังที่เห็นยอดสูงสุดคือ 23,418 คน ณ 13 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา แต่ด้วยปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ส่วนตัวแล้วไม่เชื่อว่า สะท้อนสถานการณ์จริง และมีโอกาสคลาดเคลื่อนมาก
หากมอง best case นับจากยอดสูงสุดที่ว่ามา ตามธรรมชาติของการระบาดเช่นนี้ ครึ่งหนึ่งของประเทศที่เจอแบบนี้ จะใช้เวลาในการกดการระบาดจากจุดสูงสุดไปอีก 69 วัน กว่าจะถึง baseline ที่คงที่ ซึ่งจะเป็นระดับไหน หมื่น พัน หรือร้อย ก็ขึ้นอยู่กับความเข้มข้น ของมาตรการโดยรวม และอาจใช้เวลายาวนานกว่านั้นไปเป็นเดือน หรือหลายเดือน หากปลดล็อคเร็วเกินไป หรือมีมาตรการนำความเสี่ยง
ต่อการระบาดซ้ำ เช่น เปิดท่องเที่ยว เปิดการเดินทางเสรี เปิดประเทศ เป็นต้น

 

ถ้าเป็นเช่นนั้น ด้วยระดับปัจจุบัน กว่าจะถึงระดับคงที่ ก็ใช้เวลายาวไปถึงปลายตุลาคมเป็นอย่างน้อย และอาจนานกว่านั้น ต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ถ้าตัดวงจรการระบาดไม่ได้ สิ่งที่คาดการณ์ไว้ ยังคงต้องเตือนให้ระวังให้ดี คือ ผลของกล่องทราย จะเริ่มปรากฎชัดเจน ตั้งแต่ปลายสิงหาคมนี้เป็นต้นไป และสุดท้าย จะทวีความรุนแรงขึ้นได้ หากไม่ป้องกัน หรือควบคุมให้ดี ผลลัพธ์จะออกมาเหมือนพื้นที่จังหวัด ที่มีโรงงานเคยระบาดหนัก และไม่สามารถตัดวงจรการระบาดได้ แต่ผลกระทบระยะยาวต่อการใช้ชีวิต การทำมาหากิน จากกล่องทรายนั้น จะน่าเป็นห่วงกว่ามาก

 

สำหรับประชาชนอย่างพวกเราทุกคน ขอให้ตระหนักว่า ศึกนี้ยาวนาน ปัจจัยแวดล้อมที่เห็นที่มีอยู่นั้น มีความเสี่ยงสูงมาก และระบบสนับสนุนมีข้อจำกัดมาก ดังนั้น จึงต้องป้องกันตัวเอง และครอบครัวอย่างเคร่งครัด ยืนบนขาตนเองให้มั่นคง ตั้งเป้าอย่าให้ติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยา พืชผักสมุนไพร หรือวัคซีนที่เลือกรับ ควรศึกษา และวางแผนให้ดี ใช้ความรู้ที่ถูกต้องเป็นแสงส่องทาง ตัดสินใจด้วยหลัก เหตุและผล อย่าหลงตามโฆษณาประชาสัมพันธ์ตัวเลข แต่ควรทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง หากสงสัยให้ถามผู้รู้จนกระจ่าง ระวังมิจฉาชีพในรูปแบบต่าง ๆ ที่เล่นกับกิเลส

ใส่หน้ากากนะครับ สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า สำคัญมาก

 

 

ที่มา : Thira Woratanarat

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ