เด่นโซเชียล

"หมอธีระ" ชำแหละ "กู้เงิน" รอบ 3 อีก 1 ล้านล้าน กับ 5 สิ่งที่จะเกิดขึ้น

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"หมอธีระ" ห่วงรัฐ "กู้เงิน" ครั้งที่ 3 อีก 1 ล้านล้าน เป็นการ "ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ" พร้อมคาดการณ์ 5 สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่ ชี้การระบาดระลอก 3 จะทวีความรุนแรงขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ หรือ "หมอธีระ" คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat" ระบุถึงสถานการณ์โควิด-19ทั่วโลก 17 สิงหาคม 2564 "จำนวนติดเชื้อใหม่ของไทยเราเมื่อวานนี้เป็นอันดับที่ 5 ของโลกจนได้" 

 

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 488,390 คน (รวมแล้วตอนนี้ 208,571,185 คน) ตายเพิ่มอีก 7,509 คน (ยอดตายรวม 4,382,306 คน) สำหรับ 5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุด คือ อเมริกา, อิหร่าน, สหราชอาณาจักร, อินเดีย และไทย 

 

 

 

หมอธีระ ยังได้วิเคราะห์สถานการณ์ไทย ระบุว่า จำนวนติดเชื้อใหม่เมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 5 ของโลก ตอนนี้จำนวนผู้ป่วยรุนแรงและวิกฤติของไทย มีมากเป็นอันดับ 6 ของโลก และเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย 

 

คาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นด้วยสภาวะแวดล้อมด้านนโยบายปัจจุบัน 

 

1.การระบาดระลอก 3 จะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และจะทวีความรุนแรงขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 

 

2.จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่จะยังคงเป็นไปในลักษณะเดิม โดยมีจำนวนมากที่ประสบปัญหาการเข้าถึงบริการตรวจคัดกรองโรคแบบมาตรฐาน ยังคงมีจำนวนไม่น้อยที่ซื้อหาชุดตรวจเอง (ทั้งที่มีคุณภาพหรือไม่มีคุณภาพ) หรือตรวจโดย ATK แล้วไม่ได้นำมารวมในระบบรายงานประจำวัน ปัญหาผลลบปลอมจะทำให้เกิดการติดเชื้อแพร่เชื้อไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในที่อยู่อาศัย (บ้าน หอพัก คอนโด ชุมชน) และที่ทำงาน 

 

 

3.การใช้เงินที่กู้มาทั้งสองครั้ง ชี้ให้เห็นแล้วว่าละลายไปโดยได้ผลน้อยกว่าที่คาดหวัง ดังนั้นหากกู้เงินอีก 1 ล้านล้านบาทมาเป็นครั้งที่ 3 เพื่อหวังจะกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้ง ๆ ที่โรคระบาดยังรุนแรง กระจายไปทั่ว และไม่สามารถตัดวงจรการระบาดได้ ก็จะเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำอีกครั้ง แต่ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นครั้งนี้จะมากมายมหาศาล โดยเป็นการก่อหนี้ให้กับประชาชนทั้งประเทศ แต่ไม่เกิดประโยชน์ ตราบใดที่ไม่ปรับเปลี่ยนนโยบายให้มุ่งตัดวงจรการระบาดให้ได้ 

 

4.คาดว่าผลของกล่องทรายจะเห็นได้ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปลายสิงหาคมเป็นต้นไป และจะประจักษ์ชัดแบบกู้กลับได้ยากในไตรมาสสุดท้ายของปี หากเป็นไปตามบทเรียนที่เห็นจากพื้นที่ที่เคยระบาดหนักแล้วไม่ตัดวงจรการระบาด ที่ปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ระบาดรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่า การระบาดจากกล่องทรายนั้น ไม่ได้มาจากความเสี่ยงเรื่องการนำเข้าจากต่างประเทศ แต่จะมาจากการมีจำนวนคนเพิ่มขึ้น กิจการกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีการพบปะ สัมผัส ใกล้ชิดกันมากขึ้นจนเป็นตัวกระตุ้นให้การติดเชื้อที่มีอยู่ในชุมชนขยายวงขึ้นนั่นเอง 

 

5.ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดยาวนาน จะทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ในสังคมยืนระยะไม่ไหว โดยจะเห็นได้ชัดตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี อัตราประชากรที่อยู่ในภาวะยากจน (below poverty line) จะสูงขึ้น รวมถึงผลกระทบต่อระบบบริการและสถานะสุขภาพของประชากรที่เจ็บป่วยด้วยโรคอื่น ๆ จะมีมากขึ้น ชัดเจนขึ้น 

 

หมอธีระ ระบุต่ออีกว่า "หนทางแก้ไข" คือ หยุดนิ่ง ปูพรมตรวจคัดกรองโรคให้ครอบคลุมและต่อเนื่องจนกว่าจะกดการระบาดได้ ยุตินโยบายเปิดเกาะ เปิดท่องเที่ยว เปิดประเทศ 

 

ใช้เงินกู้ให้ถูกต้องเหมาะสม ไม่ควรอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจในยามที่ระบาดหนักและยังควบคุมไม่ได้ ปรับเปลี่ยนวงนโยบายและวงวิชาการด้านควบคุมป้องกันโรค และวัคซีน 

 

เปลี่ยนนโยบายวัคซีนหลัก ใช้ความรู้ที่พิสูจน์ด้านผลการป้องกันโรค ลดความรุนแรง ลดโอกาสเสียชีวิต ไม่ใช่ใช้ผลทดลองจำนวนน้อยที่นำเสนอเพียงระดับภูมิคุ้มกัน ซึ่งไม่ใช่ผลลัพธ์ทางคลินิกหลักที่ต้องการจากวัคซีน 

 

"วัคซีนที่ควรนำมาใช้ต่อสู้คือ วัคซีนที่มีผ่านขั้นตอนพิสูจน์ตามมาตรฐานสากล" 

 

สำหรับประชาชนอย่างพวกเราทุกคน ขอให้ป้องกันตัวอย่างเต็มที่ ใส่หน้ากากฯสองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า สำคัญมาก 

 

"หมอธีระ" ชำแหละ "กู้เงิน" รอบ 3 อีก 1 ล้านล้าน กับ 5 สิ่งที่จะเกิดขึ้น

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ