ดูดวงประจำวัน

หลังจากทำบุญแล้ว ต้องรู้ว่า "กรวดน้ำ" อย่างไรให้มีพลังบุญมหาศาล

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"กรวดน้ำ" อย่างไรเพื่อให้อานิสงส์บุญที่ตั้งใจส่งผ่านไปนั้น ได้ถึงผู้รับอย่างชัดเจน ก่อเกิดเป็นกระแสบุญที่ดีน้อมนำกลับมาเป็น เสบียงบุญสู่ผู้ให้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดตลอดอายุขัยต่อไป

ในโอกาสที่จะผ่านพ้นไตรมาสแรกของปีเสือในวันนี้ หลังจากเริ่มต้นปีใหม่มาได้ 3 เดือน กอปรกับเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาสำคัญที่เพิ่งมีการโยกย้ายของ “ดาวราหู” เข้าสู่ราศีเมษไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมา หากชีวิตของใครยังอยู่ในภาวะทรงๆ หรือเรียกได้ว่า ไม่เข้าข่าย “ช่วงขาขึ้น” จึงน่าจะยิ่งเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ใครหลายๆ คนเดินทางไปไหว้พระทำบุญ น้อมนำความเป็นสิริมงคลมาสู่ชีวิต เพื่อเริ่มต้นสิ่งดีๆ ก้าวย่างสู่เดือนเมษายน เดือนแห่งปีใหม่ไทยอย่างสบายใจ "คอลัมน์ไหว้ดีมีเฮง" สัปดาห์นี้ จึงอยากหยิบยกอีกหนึ่งเคล็ดลับสำคัญควบคู่กับการทำบุญทุกๆประเภทอย่างการ “กรวดน้ำ” ที่เหมาะสมมาเผยแพร่ให้รับทราบถึงลำดับขั้นตอนที่พึงกระทำอย่างถูกต้อง เพื่อให้อานิสงส์บุญที่ตั้งใจส่งผ่านไปนั้น ได้ถึงผู้รับอย่างชัดเจน ก่อเกิดเป็นกระแสบุญที่ดีน้อมนำกลับมาเป็น เสบียงบุญสู่ผู้ให้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดตลอดอายุขัยต่อไป

 

"กรวดน้ำ" คือ การรินน้ำลงในภาชนะใดๆ การกรวดน้ำ เป็นวิธีการทำบุญอย่างหนึ่ง เรียกว่า "ปัตติทานมัย" ซึ่งเป็น 1 ใน บุญ 10 ประการ คือการอุทิศบุญที่ได้กระทำไว้ โดยมี ทาน ศีล ภาวนา และส่งบุญนั้นให้กับ ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว เช่น บิดา มารดา ผู้มีพระคุณ หรือ ให้กับเทพเทวา เปรต เป็นต้น

 

อ.รักคำราม แห่งเพจทริปบุญรักคำราม แนะนำว่า การ "กรวดน้ำ" มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ครั้งที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแนะนำให้พระเจ้าพิมพิสาร ที่ได้ทำบุญเลี้ยงพระ ซึ่งเป็นการสร้างบุญด้านทานมัย และให้ กรวดน้ำ เพื่อจะอุทิศส่วนบุญให้กับพระประยูรญาติของพระองค์ที่ล่วงลับไปแล้ว เพราะบุญที่เกิดจากการอุทิศบุญผ่านการกรวดน้ำ จะช่วยให้วิญญาณผู้ที่ล่วงลับไปแล้วได้รับส่วนบุญนั้น และหากวิญญาณนั้น ได้ อนุโมทนาบุญ ก็จะได้รับผลบุญ ทำให้เกิดความสุข ความเจริญในดวงจิต หรือหากวิญญาณนั้น อยู่ในอบายภูมิ ก็อาจหลุดพ้นจากอบายภูมิเลยก็ได้ เช่น หากญาติสนิทเราเสียชีวิตและไปเกิดในอบายภูมิ เมื่อเรากรวดน้ำอุทิศบุญไปให้ และเขาได้อนุโมทนาบุญ เขาอาจจะพ้นจากอบายภูมินั้นและไปเกิดในสุคติภูมิ 

 

การทำบุญกรวดน้ำ จึงเป็นบุญที่สมควรจะกระทำอย่างยิ่ง เพราะน้ำเป็นธาตุที่ใช้สื่อนำบุญจากจิตเรา ส่งไปถึงเทพเทวดา หรือ วิญญาณในภพภูมิต่างๆที่กำเนิดโดยโอปปาติกะได้ดีที่สุดแม้แต่ พระพุทธเจ้า เมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ เมื่อทำบุญใดๆ ก็มักจะกรวดน้ำลงในดิน และพระแม่ธรณีได้เก็บน้ำนั้นไว้ในมวยผม เมื่อก่อนการตรัสรู้ พญามารและบริวารจำนวนมาก มาขัดขวางการ บรรลุธรรมของพระโพธิสัตว์ พระแม่ธรณี จึงขึ้นมาบีบมวยผม และนำน้ำที่มีมากมายมหาศาลเมื่อครั้งที่พระโพธิสัตว์สั่งสมไว้แต่ละภพชาติ มาทำลายล้างกองทัพมารไปหมดสิ้น

 

การกรวดน้ำ ควรจะกระทำหลังจากทำบุญเสร็จสิ้นใหม่ๆ เช่น ตอนเราถวายสังฆทานเสร็จ เมื่อพระสงฆ์ท่านสวดอุทิศบุญ ให้เรากรวดน้ำในขณะนั้น โดยรินน้ำลงในภาชนะ การกรวดน้ำในทันทีเมื่อทำบุญเสร็จ จะมีผลดี 2 ประการ คือ

 

  1. จิตเราเป็นโสมนัสยินดีในบุญที่เพิ่งกระทำไป ทำให้บุญที่เกิดจากการอุทิศบุญผ่านการกรวดน้ำ จะมีกำลังมาก มีผลานิสงส์มาก
  2. ผู้ที่เราเอ่ยอุทิศบุญนั้น เช่น เจ้ากรรมนายเวร หรือ ญาติพี่น้องที่เสียชีวิตไป หรือ วิญญาณที่อยู่ในบริเวณนั้น เขามารอรับส่วนบุญจากเรา ถ้าเราเอ่ยนามเขาให้มารับบุญ เขาจะได้รับผลบุญจากเราทันที

 

ทั้งนี้ เราสามารถกรวดน้ำโดยไม่ใช้น้ำก็ได้ เรียกว่า การกรวดแห้ง ด้วยการที่เราพนมมือ และเอ่ยอุทิศบุญไปให้กับวิญญาณที่ล่วงลับไปแล้ว หรือหากเราไม่สะดวก หรือไม่มีเวลาในการ กรวดน้ำในทันทีหลังทำบุญเสร็จใหม่ๆ เราสามารถกลับไปกรวดน้ำ หรือ กรวดแห้งที่บ้าน หรือที่ใดก็ได้ ขอแค่เรา นึกถึงภาพการทำบุญในครั้งนั้นให้ได้ แต่การกรวดน้ำทีหลังความรู้สึกโสมนัสยินดีในบุญนั้น อาจพร่องลงไป เมื่อเวลาผ่านไป หรือเราอาจลืมกรวดน้ำไปแล้วก็ได้

 

อย่างไรด็ดี เรามักจะเห็นว่า เมื่อเราไปทำบุญเป็นหมู่คณะ เมื่อมีการกรวดน้ำ คนอื่นที่ไม่มีที่กรวดน้ำ จะเอามือมาแตะตัวคนที่มีที่กรวดน้ำ แท้จริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องเอามือไปแตะ เพราะการกรวดน้ำ คือการ อุทิศบุญที่มาจากใจเรา บุญไม่ได้เกิดที่น้ำ แต่น้ำเป็นเพียงสื่้อนำบุญส่งไปถึงโลกวิญญาณได้ เราแค่ตั้งจิตให้เป็นบุญ คือจิตที่เบิกบาน ผ่องใส และเอ่ยอุทิศบุญ ด้วยการพนมมือ ก็ได้แล้ว

 

ลำดับขั้นตอนของการอุทิศบุญส่งถึงผู้ล่วงลับไปแล้ว จะให้ใครก่อนหลังเมื่อเราอุทิศบุญผ่านการกรวดน้ำ เราควร จะอุทิศบุญนี้ แก่

 

  1. คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ เพื่อน้อมสำนึกในพระคุณแห่งพระรัตนตรัย เป็นการเปิดทางบุญนี้ให้กว้างใหญ่ไพศาล จิตที่น้อมสำนึกถึงพระรัตนตรัยจะทำให้ความปีติอิ่มเอมในใจยิ่งเพิ่มพูน
  2. ให้อุทิศถึง บิดามารดา และผู้มีพระคุณของเรา ที่ล่วงลับไปแล้ว ทุกภพทุกชาติ เป็นการแสดงกตเวทิตาคุณ น้อมสำนึกในพระคุณของผู้มีบุญคุณต่อเรา หากพ่อแม่เรายังมีชีวิตอยู่ ก็อุทิศให้พ่อแม่ของเราในชาติก่อนๆที่ล่วงลับไปแล้ว การอุทิศบุญ จะใช้กับคนตายไปแล้ว ไม่ใช้กับคนเป็น
  3. อุทิศบุญแก่เทพเทวา ประจำตัว ผู้ปกปักษ์รักษาดูแลกายสังขารเรา เพื่อเพิ่มกำลังบุญฤทธิ์ให้กับเทวดาเรา ที่ท่านจะคอยช่วยดลจิตดลใจให้เราได้พบเจอแต่สิ่งดีๆ สิ่งมงคลกับชีวิต
  4. อุทิศบุญให้กับวิญญาณโอปปาติกะ เช่น เทวดาทั้งหลาย  ท้าวจตุมหาราชทั้งสี่ พระแม่คงคา พระแม่ธรณี หรือ เทพที่เรานับถือบูชาอยู่ หรือ บูรพกษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ หรือ วิญญาณ เปรต อสุรกาย ณ ที่นั้นๆ
  5. อุทิศแด่พญายมราชทุกๆพระองค์ เพราะหากเราตายไปและตกอบายภูมิ  ต้องไปไต่สวนบุญกรรม ต่อหน้าพญายมราช ท่านพญายมราช จะสำนึกในบุญที่เราอุทิศให้ และอาจหาทางช่วยเหลือให้เราพ้นจากอบายภูมิได้
  6. อุทิศบุญแก่เจ้ากรรมนายเวรของเรา ซึ่งเป็นผู้ที่สำคัญที่สุดในการอุทิศบุญ เป็นลำดับสุดท้าย

 

ทำไมต้องให้เป็นลำดับสุดท้ายในเมื่อ เป็นบุคคลที่สำคัญที่สุด เพราะการที่เราอุทิศบุญไร่เลียงมาตั้งแต่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทพเทวาต่างๆนั้น จิตที่เราอุทิศบุญไปให้นั้น ยิ่งเพิ่มกำลังบุญขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถึงวาระที่เราจะอุทิศให้ เจ้ากรรมนายเวร จิตที่เปี่ยมด้วยบุญจากการทำบุญ และบุญจากการอุทิศบุญมาเรื่อยๆ จะเกิดกำลังมาก และสามารถส่งตรงถึงเจัากรรมนายเวรได้มากมายหลายตน หลายดวงวิญญาณ เจ้ากรรมนายเวรของเรา คือผู้ที่เราได้เคยก้าวล่วงอกุศลกรรมต่อเขาไว้ทางกาย วาจา ใจ ในชาติก่อนๆทำให้เขาต้องทนทุกข์เพราะเรา  และ เขาจะได้รับสิทธิจะมาตามทวงคืนกรรมนั้น เรียกว่า หนี้กรรม และเขาอยู่สถานภาพของการเป็น เจ้าหนี้แห่งกรรม หรือ เจ้ากรรมนายเวร  แต่เจ้ากรรมนายเวรก็เปิดช่องให้เราได้ทำบุญและอุทิศผลบุญให้เขาได้ เพราะเขาก็ไม่อยากจะทนทุกข์ทรมานในสภาพของจิตที่ทนทุกข์ตลอดไปได้ แต่ หนี้กรรมนั้น เราที่เป็นผู้ก่อขึ้นจะต้องสะสางด้วย บุญของเราที่อุทิศให้เขาไป

 

ยิ่งบุญที่มีกำลังมาก จะช่วยปลดปล่อยเขาได้เร็วขึ้นหรือ บางคนอาจมีเจ้ากรรมนายเวรหลายตนมารอส่วนบุญพร้อมๆกัน หากบุญเราน้อย เราจะแจกจ่ายไม่ทั่วถึง และเขาจะไม่ปล่อยเราให้หลุดพ้นจากหนี้กรรมนั้น  ทำให้เราต้องถูกขัดขวางไม่ให้พบความสำเร็จใดๆ ในชีวิต จึงต้องอุทิศบุญให้บุคคลอื่นๆไปก่อน และมาจบที่เจ้ากรรมนายเวร  ซึ่งเทพเทวา เทวดาประจำตัว หรือ บิดามารดา ครูบาอาจารย์ที่เราอุทิศบุญให้ก่อน เมื่อท่านได้รับบุญจากเรา อาจจะเมตตามาช่วยไกล่เกลี่ยหนี้กรรมนี้ระหว่างเจ้ากรรมนายเวรกับเราได้

 

สำหรับวิธีการกรวดน้ำนั้น ให้เราค่อยๆเทรินน้ำลงในภาชนะ และห้ามเอานิ้วไปรองน้ำเด็ดขาด เพราะเป็นการให้ไม่สุด หลังจากกรวดน้ำเสร็จ ให้นำน้ำในภาชนะนั้นไปรดลงในโคนต้นไม้ที่มีรากฝังในผืนดิน อย่าไปรดในต้นไม้ในกระถาง น้ำนั้นจะถูกพระแม่ธรณีเก็บเอาไว้ และท่านจะเป็นทิพยพยานในการสร้างบุญของเรา

 

CR : ขอบคุณข้อมูลจากเพจทริปบุญรักคำราม

 

ช่องทางการติดต่อ The BooneBoon54 : kj561 / 0636535350

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ