
อยากกลับบ้าน ทักษิณ ต้องเปลี่ยนลายเซ็น
วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2553 ผมตอบ คุณสุรินทร์ วิทยานุสรณ์อิสระ ที่ถามว่า
“เคยเขียนถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าเกิดวันอังคาร มีอักษร ก ไก่ เป็นกาลกิณี หากเปลี่ยนชื่อ ทักษิณจะได้ทรัพย์คืนไหม”
ผมตอบไปว่า “คุณทักษิณ ได้แก้เคล็ด ในเรื่องอักษรที่เป็นกาลกิณีแล้ว ด้วยการ 1.ประกาศหย่ากับคุณหญิงพจมาน และ 2.ลูกสาวคือ น.ส.พิณทองธา ได้เปลี่ยนคำว่า “พิณ” ในชื่อของตัวเองเป็น “พินทองทา” เพื่อช่วยผ่อนชะตากรรมให้คุณทักษิณไปแล้ว...ทำให้เชื่อว่า คุณทักษิณมีโอกาสได้ทรัพย์สินคืนนะครับ แต่ไม่ทั้งหมดอย่างแน่นอน หากจะได้คืนก็น่าจะสัก 1 ใน 3 ของทรัพย์สินทั้งหมดครับ”
ปรากฏว่า ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาว่า ทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกอายัดไว้ 7.6 หมื่นล้านบาทนั้น ให้คืนไป 3.0 หมื่นล้านบาท และยึดเป็นของแผ่นดิน 4.6 หมื่นล้านบาท...จำนวน 3 หมื่นล้านบาท ที่ได้คืนจะนับเป็น 1 ใน 3 ได้หรือเปล่า ก็ไม่ทราบนะครับ
แต่หลังจากวันนั้นแล้ว มีผู้อ่านหลายท่าน ที่กรุณาโทรศัพท์มาถามคำถามในทำนองว่า “ได้ยินว่าคุณทักษิณประกาศจะกลับเมืองไทยมาหลายครั้ง มีโอกาสจะได้กลับไหมครับ”
ถ้าตอบอย่างรัฐบาล ก็ต้องบอกว่า คุณทักษิณต้องรับโทษตามคำพิพากษาของศาลที่ให้จำคุก 2 ปีก่อน จากนั้นจะทำอะไรก็ว่าไป...”แต่ถ้าตอบในแบบของผม ต้องบอกก่อนว่า ไม่ได้ตอบแบบ “โหร” และจะไม่ยอมรับด้วยว่า ตัวผมเองเป็น “โหร” ขอตอบว่า โอกาสที่คุณทักษิณจะกลับมานั้นมีแน่ แต่คุณทักษิณต้องเปลี่ยน “ลายเซ็น” จากที่ใช้อยู่ในตอนนี้เสียใหม่ครับ โดยเฉพาะ “ลายเซ็นนามสกุล”
ผมเขียนไว้เป็นหลักเป็นฐาน...นะครับ ไม่ใช่นึกอยากจะพูดก็พูดขึ้นมาลอยๆ คือเขียนทั้งใน หนังสือชื่อดี เซ็นสวย ช่วยเสริมบารมี และเขียนในหนังสือพิมพ์ "คม ชัด ลึก" มาแล้วไม่รู้กี่หนต่อกี่หนว่า
“ลายเซ็นชื่อ” สะท้อนให้เห็นถึง อดีตและปัจจุบัน มีบทบาทตั้งแต่อายุ 20 ถึง 40 ปี
“ลายเซ็นนามสกุล” สะท้อนให้เห็นถึง อนาคต มีบทบาทตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป
ผมย้ำเตือนในคอลัมน์นี้อยู่เสมอๆ ว่า “สำหรับใครก็ตามที่เซ็นแต่ชื่อ ไม่ยอมเซ็นนามสกุล ขอให้เพิ่มลายเซ็นนามสกุลด้วยนะครับ” เหตุผลก็คือ หากไม่มีลายเซ็นนามสกุล ก็มองไม่เห็นอนาคต นะซิครับ
ที่สำคัญ เส้นสายในลายเซ็น อย่าได้มีขีดฆ่ากากบาท หรือปล่อยให้เส้นสายในลายเซ็นมีเส้นสายที่ต่ำลงไปใต้บรรทัด ทั้งๆ ที่ชื่อและนามสกุลไม่มีอักขระใดๆ ต้องมุดลงไป ยกเว้น สระอุ สระอู ตัว ฤ ตัว ฦ ที่ต้องลงตามรูปลักษณ์ของเขา หรืออย่าเซ็นให้เส้นสายขาดวิ่น ควรเซ็นให้เส้นสายทะยานขึ้นไป หรือเซ็นอย่างไรก็ได้ ให้เส้นสายในลายเซ็นคม ชัด อ่านง่าย ไม่สับสน จนแม้กระทั่งเจ้าของลายเซ็นลืมลายเซ็นของตัวเอง
ในหนังสือ ลายเซ็นคนดัง ที่สำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊ค จัดพิมพ์จำหน่ายในปี 2548 ได้ตีพิมพ์ ลายเซ็นตัวอย่างของนักการเมืองอย่าง นายบรรหาร ศิลปอาชา ที่ผมวิจารณ์สมัยเป็นฝ่ายค้านว่า ลายเซ็นมีบริวารเป็นพิษ ต่อมาคุณบรรหารเปลี่ยนลายเซ็นใหม่ หลังเลือกตั้งจึงได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 21
หรือนายแบงก์ใหญ่อย่าง คุณบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ธนาคารกสิกรไทย ผมทักท้วงในเรื่องลายเซ็นสมัยเขียนในฐานเศรษฐกิจ ปี 2539 จนต้องให้ซินแสประจำตัวมาตรวจสอบว่า ที่ผมทักท้วงไปจริงหรือ เมื่อได้รับคำยืนยันว่า “จริง” คุณบัณฑูร ล่ำซำ ก็เปลี่ยนลายเซ็นใหม่ และให้สัมภาษณ์ “แมวมอง” ในนิตยสารการเงินธนาคาร ของคุณพี่สันติ วิริยะรังสฤษดิ์ ว่า “หลังเปลี่ยนชื่อแล้ว ชีวิตเปลี่ยนไป....”
ขออภัยทั้ง คุณบรรหาร ศิลปอาชา และคุณบัณฑูร ล่ำซำ ด้วยนะครับ ที่ถูกพาดพิง - ฮา
ผมตั้งชื่อเรื่องว่า “อยากกลับบ้าน ทักษิณ ต้องเปลี่ยนลายเซ็น” เพราะผมเชื่อมั่นว่า ลายเซ็นนามสกุล บ่งบอกอนาคตได้อย่างแน่นอน ลายเซ็นนามสกุลของคุณทักษิณที่เคยนำเสนอในคอลัมน์นี้ เป็นเส้นที่ขีดพุ่งขึ้น แล้วขีดลงมา เหมือนขึ้นไปสู่สูงสุดแล้วต้องตก ไม่เพียงเท่านั้น เส้นสายในตอนท้ายที่ขนานกับเส้นบรรทัด ยังขาดช่วงอีกด้วย ต่างจากลายเซ็นเดิมที่คุณทักษิณเคยใช้สมัยทำธุรกิจแล้วประสบความสำเร็จนะครับ
ลายเซ็นนามสกุลแบบเดิมนั้น แม้จะทะยานสู่จุดสูงสุดแล้ว ไม่ลงพรวดทีเดียว แต่จะค่อยๆ ลงอย่างนุ่มนวล มีจังหวะ และต่อเนื่องจนเป็นเส้นที่ราบเรียบ เรียกว่า ลงจากหลังเสืออย่างสบายๆ
ใครรู้ “ที่อยู่” คุณทักษิณ ในนครดูไบ ช่วยตัดคอลัมน์ผมในหนังสือพิมพ์ "คม ชัด ลึก" ฉบับนี้ ส่งไปให้คุณทักษิณอ่านด้วยครับ เผื่อแกพอมีเวลา แล้วไม่รู้จะทำอะไร จะได้ลองเปลี่ยนลายเซ็นใหม่ แกจะได้กลับบ้านกลับช่องอย่างที่อยากกลับเสียทีไงครับ
(หมายเหตุ ขอบคุณ คุณผู้ใช้นามสกุลว่า “หาญมงคลสกุล” ราษฏร์บูรณะ ที่กรุณาส่งอาหารแมวไปให้ 1 ถุงครับ)
"ตะวันณา"