"เส้นเลือดหัวใจตีบ" ภัยร้ายใกล้ตัว | คมชัดลึก

ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่สะดวก ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดออกซิเจน เมื่อหลอดเลือดหัวใจตีบจนตัน ไม่มีเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจเป็นเวลานานๆ ทำให้เกิด “ภาวะหัวใจวาย”
 หัวใจมีหน้าที่ปั๊มเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย และส่งเลือดไปฟอกที่ปอด กล้ามเนื้อหัวใจต้องได้รับสารอาหารและออกซิเจนจากหลอดเลือดแดงทั้ง 3 เส้น หากเส้นใดเส้นหนึ่งตีบตันจากหลอดเลือดแข็ง จะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจบริเวณนั้นขาดเลือด ภายใน 20 นาทีกล้ามเนื้อก็จะตาย
 อาการที่พบบ่อยคือ จะมีอาการเจ็บหน้าอกด้านซ้าย อาจเจ็บร้าวไปถึงขากรรไกรและแขนซ้าย บางครั้งอาจเกิดอาการหลังการรับประทานอาหารเนื่องจากหัวใจทำงานมากขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงลำไส้ บางคนเกิดอาการเหนื่อยง่ายกว่าปกติ หรืออาจไม่มีอาการผิดปกติใดๆ แต่เส้นเลือดหัวใจเกิดตีบตันและแน่นหน้าอกกะทันหันก็เป็นได้

ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ
 - ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง เพราะความดันโลหิตสูงทำให้มีแรงกดบนผังหลอดเลือดมากกว่าปกติ ทำให้ไขมันมาเกาะติดได้ง่ายจนเกิดภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ
 - การสูบบุหรี่ สารนิโคติน คาร์บอนมอนอกไซด์แลสารอื่นๆ ในบุหรี่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อผนังบุด้านในของหลอดเลือด เกิดไขมันสะสมและแผ่นคราบไขมัน นอกจากนี้ยังทำให้หลอดเลือดหัวใจหดตัวซึ่งจะเป็นการลดเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจอีกด้วย
 - ระดับไขมันในเลือดสูง เกิดจากการมีคอเลสเตอรอลชนิดความหนาแน่นต่ำอยู่มากในกระแสเลือด ซึ่งเป็นตัวก่อให้เกิดการสะสมไขมันในผนังหลอดเลือดก็จะเพิ่มโอกาสให้เกิดโรหลอดเลือดหัวใจตีบตันได้ง่าย
 - โรคเบาหวาน เกือบ 50% ของผู้ป่วยเบาหวานไม่ทราบว่าตนเองป่วย ทำให้ผนังหลอดเลือดของผู้ป่วยเหล่านี้ถูกทำลายได้ง่าย นอจากนี้ผู้ป่วยเบาหวานมักจะมีระดับไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และโรคอ้วนร่วมด้วย ยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้อีกด้วย
 ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น เพศ อายุ โดยเฉพาะเพศชายจะมีโอกาสเป็นมากกว่าเพศหญิง ความอ้วน อายุ ประวัติการเจ็บป่วยของสมาชิกในครอบครัวจากหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือผู้ที่เกิดความเครียดจากการทำงาน รวมถึงผู้ที่ไม่ได้ออกกำลังกายนานๆ
 ขึ้นชื่อว่า “โรค” ใครๆ ก็ไม่อยากเป็น การป้องกันที่ดีสำหรับโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ สามารถทำได้โดยการเลี่ยงพฤติกรรมการบริโภคเพื่อลดความเสี่ยงด้านความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน และหมั่นตรวจสุขภาพร่างกายเป็นประจำทุกปี และอย่าลืมว่า... “หัวใจของคุณมีค่า...ยิ่งอื่นใด”
โรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม
โทร.0-5389-5551