เปิดใจพระเอกหนุ่ม "ณเดชน์ คูกิมิยะ" ผู้รับบท "ชารีฟ" ในละครเวที "ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล" โดยเจ้าตัวบอก ตื่นเต้นมาก เพราะเป็นละครเวทีเรื่องแรกในชีวิต
เป็นยังไงบ้างกับการมาเล่นละครเวที?
ตอนนี้ตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ เพราะว่าตอนนี้ได้มีโอกาสมาเรียนร้องเพลง และซ้อมร้องเพลงพร้อมกับนักแสดงที่อยู่ในเรื่องด้วย และอาทิตย์ที่แล้วก็เพิ่งได้มีโอกาสเข้ากับพี่ๆ อองซอมไป ของนักแสดงร่วมทุกคน ก็ดีเราได้รับพลังที่เป็นบวก ผู้ช่วยผู้กำกับเค้าก็มาแนะนำว่าทุกอย่างเราต้องคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่หมด และมันก็ต่างๆ ระหว่างตัวละครแต่ละตัวก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี สนุกมากตื่นเต้นมาก และตอนนี้ผมยังเริ่มซ้อมเพราะมันก็เริ่มเป็นซีนๆ ไป ซึ่งก็มีการซ้อมร้องแบบละครเวทีในบางเพลง หรือว่าไปฟังคำแนะนำจากพี่พี่กูรูทั้งหลาย สมมุติว่าถ้ามันเป็นทางที่ต้องวิ่งหรือแอ็คชั่นเราต้องบาลานซ์เรื่องของการโฟกัสที่เสียงตัวละครมันก็จะมีดีเทลค่อนข้างเยอะ อย่างละครมันก็ไม่มีการร้องเพลง ส่วนใหญ่ก็จะพูดเป็นบทหรือแอ็คชั่น นั้นก็จะเป็นบท มันก็จะไม่ค่อยน่าห่วงมาก แต่พอเป็นการร้องเพลงมันก็ต้องมีสติมากขึ้น
ความแตกต่างระหว่างละครกับละครเวทีเป็นยังไง?
ละครเวทีไม่มีเทคครับ รวดเดียวตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง อาจจะเป็นความเคยชินว่ามันจะเป็นยังไง ซึ่งผมเองก็ไม่เคยรับรู้แต่ว่าผมมีโอกาส ประมาณต้นเดือนนี้ก็จะได้ซ้อมแบบจริงจังมากขึ้น
พาร์ทร้องเพลงเริ่มซ้อมจริงจังเมื่อไหร่?
คือตอนนี้เริ่มซ้อมจริงจังแล้ว ทุกๆ วันที่เข้ามาก็จะไล่เพลงตั้งแต่องค์หนึ่ง พักเบรคแล้วก็องค์สอง หรือถ้ามีนักแสดงท่านอื่นมาด้วยก็เข้าคู่กัน ร้องคู่กัน ซึ่งก็จะมีการเรียนรู้ต่างๆ เพิ่มมากขึ้นในเรื่องของการหายใจ คือส่วนใหญ่แล้วคุณครูเค้าก็จะสอนให้เราเข้าใจเทคนิคประมาณนึง มันอยู่ที่ว่าเรากลับบ้านไปต้องทำการบ้านหรือเปล่า เราวอร์มเสียงหรือเปล่า เรายังเตรียมตัวกลับอุปกรณ์ในร่างกายของเราหรือเปล่า ถ้าลืมเมื่อไหร่จากที่เราซ้อมบ่อยๆ ทุกวันอาจจะต้องกลับมาเริ่มจากศูนย์ แต่ถ้าเราเข้ามาด้วยเสียงพร้อม ร่างกายพร้อม กระบังลมพร้อมมันจะง่ายกว่า คืออยู่ที่ว่าผมจะแบ่งเวลาไปซ้อมร้องมากขนาดไหน ยิ่งซ้อมมากขึ้นๆ เราก็จะเข้าใจมากขึ้น ฟิวลิ่งมันได้มันก็จะเป็นเรื่องของลูกเล่น ร้องเพลงแล้วว่าประโยคนี้ขอแบบนี้ อันนี้ขอยืดหน่อย อันนี้ขอสั้นๆ ตรงนี้ต้องมีแบ่งวรรคหายใจเพื่อที่จะลากเสียงให้ยาว ซึ่งดีเทลมันก็ค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าซ้อมบ่อยๆ ผมว่าก็น่าจะไหว ผมจำไม่ได้ น่าจะประมาณ 20 เพลงมั้งครับ ก็มีกับคนอื่นด้วยนะครับ ไม่ใช่ของเราคนเดียวทั้งหมด ก็จะมีพี่บอมกับครูแหม่ม ที่คอยประกบผม จะถูกพี่บอยส่งมาเรียนร้องเพลงเป็นคนแรก ก่อนที่นักแสดงคนอื่นจะเริ่ม เพราะว่าหลายๆ คนก็มีประสบการณ์แล้ว แต่ว่าผมเองยังไม่ค่อยมี ก็จะถูกส่งมาเรียนก่อน ทุกคนก็ใจเย็นครับ เขาก็เข้าใจว่าเราอาจจะมือใหม่ ก็ค่อยๆ ปรับ
อะไรที่คิดว่ายากที่สุด?
เรื่องของการ Hit Note ครับ มันจะเป็นเรื่องของประสาทสัมผัสมากกว่า ฟังเสียงเปียโนแล้วเราคิดว่าเราร้องสูงแล้ว โดนโน้ตตัวนี้แล้วแหละ แต่จริงๆ ครูบอกว่ายังไม่ใช่ มันยังต่ำอยู่ คือถ้ามันได้มันก็จะเพอร์เฟกต์ แต่ถ้าไม่ได้บางทีอื่นเขาก็ไม่รู้หรอก (หัวเราะ) เพราะผมเองบางทีก็ไม่รู้เหมือนกัน นี่ยังเพี้ยนอยู่เหรอครับ บางทีเราสนุกร้องเกินไป ฟีลลิ่งอินเกินไป จนทำให้ความสมบูรณ์แบบในการร้องอาจจะหายไป แต่ถ้าซ้อมบ่อยๆ ก็ได้ ตอนนี้ก็ซ้อม พฤหัส - อาทิตย์ ครับ ตอนนี้ถ่ายหนังธี่หยด จบไปพาร์ตหนึ่งแล้ว แล้วก็เทคิวมาให้ละครเวที หลังจากนี้ก็ยาวไปเลยจนเดือนสิงหาคม
มีผลกระทบกับงานอีเวนต์อื่นๆไหม?
ไม่ครับ เดี๋ยวละครก็ใกล้จะปิดแล้ว เดี๋ยวมันก็จะสบายตัว แต่จริงๆ ซ้อมก็ไม่ได้นัดทั้งวัน อาจจะมีเลิก 4 ทุ่มบ้าง ผมว่ามันก็โอเค อีกอย่างเรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ทำ มันก็เลยไม่รู้สึกว่าต้องมาซ้อมอีกแล้ว เหนื่อยจังเลย มันเป็นความรู้สึกที่กระหายที่อยากจะซ้อมมากกว่า มีไฟ แล้วยิ่งมาเจอกับพี่ๆ ทุกคน เราร๊ขว่าเราเป็นน้องใหม่ เราต้องเรียนรู้จากเขาเยอะ
มีความรู้สึกว่าฉันคิดถูกไหมเนี่ยบ้างไหม?
แรกๆ ที่เริ่มร้องเพลง รู้สึกว่าทำไมมันไม่เหมือนตอนเราร้องในงานอีเวนต์เลยวะ (หัวเราะ) มันไม่เหมือนกันเลย เรามั่นใจว่าเราร้องได้ ตอนเราร้องในอีเวนต์ เราร้องเพลงประกอบละคร เรารู้สึกว่าเราก็ร้องได้แล้วนะ แต่พอมาเข้าคลาสจริงๆ คนละเรื่องเลย ตอนแรกๆ ก็แอบแบบโอ้ย จะไหวป่ะวะ คือคิดถึงการพูดบทละครมากเลย แต่ว่าพอเป็นมิวสิคัลเราก็ต้องทำให้ได้ แต่โดยรวมผ่านมา 2 เดือนในการมฝึกซ้อมร้องเพลง ก็ดีครับ เริ่มเข้าใจ ร่างกายเริ่มพร้อมแล้ว
ได้สกิลใหม่มาใรเรื่องของการร้องเพลง?
ใช่ๆ ก็มีแต่คนบอกครับ ว่าถ้ามาเล่นละครเวทีที่เป็นมิวสิคคัล ได้เรียนร้องเพลง ต่อไปก็ร้องเพลงสบายแล้ว
พอเป็นละครเวทีมันคัทไม่ได้ เราต้องซ้อมยังไงบ้าง?
มันน่าจะมีการซ้อมจนเราจำได้แล้ว คือพอมันจำบทได้ ทุกอย่างมันจะจำได้ไปโดยปริยายเอง เรื่องร้องเพี้ยนไปว่ากันอีกทีนะ หรือลืมเนื้อ ผมเป็นบ่อย แต่จะไม่ทำให้เกิดขึ้น คือเรื่องบทผมมั่นใจว่าน่าจะจำได้ แต่ว่าสิ่งที่พี่บอยเตือน ก็คืออย่ารู้ก่อนนะ พอมันเล่นบ่อยๆ เล่นชิน ผ่านไปสัก 10 รอบ นักแสดงจะเริ่มไหลไปเอง ไปเกินจนรู้ทุกอย่างไปแล้ว แล้วมันจะไม่สดใหม่
ซ้อมบทชารีฟหรือยัง?
มีครับมี จริงๆระหว่างที่ร้องเพลงเราจะพูดบทก่อน เพื่อให้เข้าใจสภาวะอารมณ์ ก่อนที่จะร้อง
บทชารีฟซึมซับในตัวณเดชน์หรือยัง?
เดี๋ยวจะต้องมี read to ก่อน แต่ตอนนี้ยังไม่ถึง แล้วจะต้องมาเล่นซ้อมครับ
เจอพี่มอสเขาให้คำแนะนำอะไรบ้าง?
พี่มอสบอกเดี๋ยวจะรอดู เป็นกำลังใจให้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก แค่เจอพี่มอสก็ดีใจแล้วครับ เจอพี่มอสตอนดูแฟนฉัน
หลายคนคาดหวังกดดันไหม?
คิดเหมือนกันครับ จะกดดันตัวเองดีไหม แต่สุดท้ายเลือกที่จะไม่กดดันดีกว่า คืออะไรจะเกิดขึ้นโมเมนต์อะไรที่เราอยู่บนเวทีก็ปล่อยให้เกิดขึ้น แต่ผมต้องมั่นใจว่าผมสนุกกับงานนี้ ตอนนี้อาจพูดได้ พอใกล้วันจริงๆก็อาจตื่นเต้น เพราะตอนที่ซ้อมกับพี่ๆ คือใจเราเต้นแบบ ปั๊บๆๆ คือเรามาซ้อมก่อน ถ้ามีอะไร อายเขาฉิบหาย อายเขาแย่เลย (หัวเราะ)
ตั้งแต่ทำงานมาเคยตื่นเต้นไหม?
มีครับ ทุกครั้งที่ออกอีเวนต์ ทุกครั้งที่ขึ้นเวทีร้องเพลง บางครั้งถ่ายละครเรื่องนึงแล้วหยุดไป 2 อาทิตย์ตื่นเต้นครับ ผมว่ามันดีนะที่ยังรู้สึกตื่นเต้นกับอะไรที่กำลังทำอยู่ ถ้ารู้สึกเบื่อหรือเฉยๆผมว่าไม่ค่อยดีแล้ว
ครั้งนี้เป็นการท้าทายความสามารถ?
ใช่ครับ ผมว่าด้วยชั่วโมงการซ้อมเท่าที่ได้คุยกับลูกพี่มายังไงก็จำได้ อาจพูดบทแบบนี้ แต่ต่อไปอาจพูดด้วยความเข้าใจ
ตีความชารีฟเวอร์ชั่นนี้ว่ายังไงบ้าง?
เออ.. คือผมตอนนี้ก็ยังไม่ลงดีเทลมากครับ แต่แก่นหลักๆ คือเขารักประเทศขอเขา ปกป้องประเทศ ชารีฟเหมือนตัวแทนของคนที่ฮิลฟารา เป็นตัวแทนขอกฎหมาย เป็นตัวแทนของความซื่อสัตย์ ของคนที่รักกษัตริย์ แต่ด้วยความที่เขาเรียนจบต่างประเทศแล้วกลับมาอะไรที่เป็นจารีตประเพณีรุนแรงชารีฟก็จะเป็นคนที่ปรับวิสัยทัศน์ของกลุ่มในราชวงศ์ให้มีมุมมองที่เป็นมิตรกับสหประชาชาติมากขึ้น ผมว่าทุกคนเคยดูเวอร์ชั่นแรกมา ส่วนตัวผมคิดว่าเอาวัยตัวเองนี่แหละ คือคาแรคเตอร์ของเขาเลย
เคยศึกษาเวอร์ชั่นเก่าไหม?
เคยดูครับ เปิดดูในยูทูป ฟังเพลงเวอร์ชั่นแรก แล้วก็ฟังจากที่พี่ๆทุกคนเล่า ที่กังวลที่สุดน่าจะเป็นเรื่องของคิวแอ็คชั่น เพราะได้ยินว่าเวอร์ชั่นก่อนพี่มอสบาดเจ็บ แต่ด้วยสปิริตพี่มอสก็กลับมาขึ้นเวทีต่อได้ ผมคงต้องซ้อมหนัก เพราะมันต้องร้องและฟันไปด้วย (ลองบ้างยัง?) มีแต่ทำท่าครับ โบกมือไป
เวลาจริงมันต้องมีบล็อกกิ้ง?
ใช่ๆ ต้องไปจำบล็อก (ยิ้ม) ตอนนี้มีหลายอย่าง เมื่อวานถ่ายละครมาวันนี้ก็มาที่นี่ เดี๋ยวสักพักก็จะเริ่มชิน เริ่มเปลี่ยนตัวเองมาในบรรยากาศนี้
จำตอนที่เราเคยดูเวอร์ชันก่อน อ่านนิยาย และมาซ้อมเป็นยังไงบ้าง?
ด้วยความที่ว่าตอนนี้เรายังไม่ได้เข้าไปถึงดีเทลของตัวบทมากขนาดนััน เพราะเดือนนี้ทีมงานทุกคนตั้งใจว่าจะเริ่มอ่านบทของแต่ละคน แต่ว่าที่เราอ่านมาในนิยาย เรารู้สึกว่าชารีฟโคตรดุเลย เป็นทหารไม่เล่น ไม่โน่น ไม่นี่ แต่จากที่ได้อ่านบทของเวอร์ชันนี้ เขายังมีความขี้เล่น ทีเล่นทีจริง แล้วเรารู้สึกว่านั่นก็เป็นเสน่ห์ตัวเราเองสามารถเชื่อมต่อกับเขาได้ ผมว่ามันก็ใกล้เคียงได้ รู้สึกว่าอยากที่จะซ้อมบทแล้วก็ลองเล่นในฉากดูแล้ว
เวอร์ชันนี้มีอะไรแตกต่างจากเวอร์ชันก่อนๆ?
ได้คุยกันแล้วครับ พี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) อยากจะปรับค่อนข้างเยอะ เพราะว่ายุคสมัยนี้มุมมองของคนดูก็เปลี่ยนไป พี่บอยพยายามปรับจูนอะไรหลายอย่าง ทั้งตัวบท ตัวชารีฟ ตัวของนางเอก หรือพระราชาให้มีความเข้ากับยุคสมัยนี้ เท่าที่ผมรู้นะพี่บอยบอกผมประมาณนี้ครับ
ได้เจอแก้มกุลหรือยัง เป็นยังไงบ้าง?
ซ้อมกับพี่แก้ม 5-6 ครั้งแล้ว ซ้อมกับ ‘พี่กบ ทรงสิทธิ์’ ด้วย ซ้อมกับ ‘หนูนา หนึ่งธิดา’ กับ ‘พี่เก่ง ธชย’ พอซ้อมกันผมต้องแบ่งช่องหายใจให้ดี พี่แก้มลากเสียงยาว (หัวเราะ) ก็ต้องมองหน้ากันว่าจะงับตอนไหน แต่สนุกครับ พี่แก้มเขาไม่ได้มากดดันอะไรเรา เป็นอีกหนึ่งพาร์ทเนอร์ที่ช่วยกัน ถ้าเริ่มได้เข้าบทเข้าฉากกันแล้ว น่าจะสนุกกว่านี้
ณเดชน์สนุกกับงานนี้?
มันเป็นประสบการณ์ใหม่ ที่เราเคยดูละครเวทีมาหลายเรื่อง แล้วการที่เรามีโอกาสได้เอาตัวเองมาอยู่บนเวทีนี้ มันเป็นอีกหนึ่งความฝัน ซึ่งเกิดขึ้นโเยที่เราไม่ทันตั้งตัว แล้วเราก็อยากจะทำมันให้มีความสุขที่สุด”
การแสดง 30 กว่ารอบ เตรียมตัวเองยังไงบ้าง?
แค่อย่าสนุกเกินครับ พอสนุกเกินเราใส่เต็ม ผมเคยขึ้นคอนเสิร์ต 2 รอบ อันนั้นก็เสียงหายเลยพอเสร็จ เพราะเราไม่ถนอมเสียง ไม่รู้จักการร้องที่ถูกต้อง แต่พอมาละครเวทีไม่ได้แล้ว ทุกอย่างต้องถูกบาลานซ์ออก เพราะฉะนั้นการเรียนรู้วิธีการร้องที่เซฟเส้นเสียงดีที่สุด อันนี้เป็นสิ่งสำคัญ แม้กระทั่งจะเป็นการขึ้นเสียงสูง การที่เราจะลากเสียงยาวๆ มันมีเทคนิควิธีที่ทำให้เราใช้เสียงได้อีก 10 วันเต็มๆ โดยที่คุณภาะการร้องยังเหมือนเดิม ซึ่งบางทีด้วยความสนุก การอินกับอารมณ์ บางทีอาจจะตะคอก ตะเบง บีบเส้นเสียง อันนี้เป็นเรื่องที่เราต้องระวังด้วย
พอมาอยู่ในกระบวนการนี้ มีติดไปกับการเล่นละครหรือหนังไหม?
ไม่มีครับ แต่ว่าผมต้องวอร์มทุกเช้า ผมจะอัดเสียงครูสอนวอร์ม แล้วเป่าปาก นวดหน้า กระดกลิ้น แต่มันก็ช่วยด้วยเพราะเราต้องถ่ายละคร ต้องใช้กล้ามเนื้อ มันก็เป็นผลที่ดีกับทุกอย่างในชีวิตตอนนี้
แต่ไม่ได้ติดถึงขั้นไปเล่นใหญ่ในจอเล็ก?
ไม่ๆ พี่บอยบอกว่าจริงๆ แล้วการเล่นละครเวทีมันไม่ได้แบบ เรื่องของบอดี้อาจจะมีบ้างถ้าเรารู้สึกอยากทำค่อยทำ แต่บางคนแทบจะไม่เลย เขาก็อยู่แค่ตรงนั้น ตอนแรกผมก็เข้าใจเหมือนกันว่าเล่นละครเวทีมันต้องบอดี้ใหญ่ๆ แต่พี่บอยบอกว่าถ้าไม่รู้สึกแล้วไปทำพี่บอยดูออก คนดูก็ดูออก เขาก็จะไม่เชื่อเพราะฉะนั้นมันต้องมาจากข้างในจริงๆ แล้วมันถึงจะออกมาแล้วมันถึงจะดูว่า อ๋อ..มันเป็นเพราะตัวละคร
อย่างนี้ต้องมีไปเรียนเรื่องการแสดงเพิ่มไหม?
ผมว่าน่าจะเรียนจากตอนที่เข้าบทเลย เพราะว่าสุดท้ายแล้วก็ต้องให้พี่บอยเป็นคนไกด์ว่าอะไรยังไงถึงจะเหมาะสม แต่พี่บอยก็ค่อนข้างโอเพ่นนะครับ บอกว่ามีไอเดียอะไรลองขายมาก่อน ลองทำลองเล่นมาก่อนเลย อย่าไปปิดกั้นตีกรอบตัวเอง ปล่อยออกมามห้หมด แล้วเดี๋ยวมาดูกัน เพราะว่าบางทีเล่นไป 10 รอบแล้วเราก็ยังปรับกันได้อยู่ บางทีรอบนี้ตรงนี้ไม่ตลกเลยเปลี่ยนใหม่ให้มันตลกขึ้นหรือว่าอะไร มันมีวิธีการเยอะแยะ อย่าเพิ่งไปวางอะไรตายตัว
ตอนนี้เรามีเสนอไอเดียอะไรไปบ้างหรือยัง?
ยังเลยครับ (มีจดๆ ไว้ไหม?) มีบ้างตอนซ้อมร้อง เราก็มีเล่นจังหวะเล่นคำ มีอายคอนแทคกับพี่ๆ ที่ร้องด้วยกันก็มีใส่ไว้บ้าง แต่ว่าเรายังไม่รู้บล็อกกิ้ง ก็สนุกไปก่อน
พี่บอยบอกว่าตื่นเต้นที่ได้ทำงานกับณเดชน์?
ผมก็ตื่นเต้นเหมือนกัน เราก็ได้ยินชื่อเสียงเขาเยอะเหมือนกัน (ได้ยินว่า?) พี่บอยเป็นคนที่จริงจังกับการทำงานนะ เนี้ยบนะ ทุกอย่างต้องออกมาให้ดีที่สุด เราก็จะได้ยินจากพี่ๆ ทุกคน เล่าให้เราฟังบ้างว่า โต๊ะแดงๆ แต่เราก็ยังไม่เคยเจอ ก็ถามว่าโต๊ะแดงคืออะไร ก็อ๋อ..เป็นที่ที่ทุกคนจะต้องมาประชุมกัน แม้กระทั่งบางทีเล่นองค์ 1 เสร็จยังต้องไปโต๊ะแดงเลยอะไรแบบนี้ มันเป็นแค่เกราะป้องกันครับ แต่ว่าจริงๆ แล้วพี่บอยไม่มีอะไรเลยครับ เราแค่รู้ไว้เพื่อที่จะได้ ไม่ใช่ เราจะมาอีโก้ไม่ได้นะ เราก็ต้องรู้ตัวด้วย
แล้วเราเคยเจอโหมดนี้ของพี่บอยหรือยัง?
ไม่มีเลยครับตั้งแต่ผมเจอพี่บอยมาเนี่ย ไม่เคยมีเลยครับ (ยังไม่เคย?) ยังหรอครับ (หัวเราะ) ใช้คำว่ายัง พี่บอยบอกว่า ไม่มีๆ
ฝากอะไรถึงแฟนๆ หน่อย?
นี่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจ และเป็นอีกหนึ่งโปรเจคในฝันนะครับที่ผมได้มีโอกาสเข้ามาอยู่ร่วม ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล ก็ต้องขอบคุณทางพี่บอยนะครับ ขอบคุณช่อง3 ที่ให้โอกาสผมมาอยู่ในโปรเจคนี้นะครับ รู้สึกเป็นเกียรติมากๆที่ผมได้เข้ามาอยู่ในครอบครัวของละครเวที ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล เวลาได้เจอกับพี่ๆ นักแสดงทุกคน ที่สำคัญอยากฝากแฟนๆ ฟ้าจรดทราย ในเวอร์ชั่นแรกด้วยนะครับ แล้วก็แฟนๆ ทุกคนที่อาจจะยังไม่เคยได้ดูละครเวที ก็อยากให้เปิดโอกาสตรงนี้ให้ผมนะครับได้เข้าไปอยู่ในพาร์ทนึงส่วนนึง อยากให้ทุกคนได้มาดูกันเยอะๆ นะครับ เราจะเริ่มกันเดือนมิถุนายนนี้ มีการจำหน่ายบัตรแล้ว ก็อย่ารอช้านะครับ เดี๋ยวเราเจอกันแน่นอนครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง