'เบสท์ รักวนีย์' เปิดใจ ขอโทษแทนพ่อ 'สมรักษ์ คำสิงห์' ไม่เชื่อใคร ผิดคือผิด

ร้อนสนั่นทั่วทุกวงการ สำหรับ "สมรักษ์ คำสิงห์" อดีตนักมวยเหรียณทองโอลิมปิค ที่ถูกเด็กสาววัย 17 ปีแจ้งความในข้อหาพรากผู้เยาว์ แม้ว่า สมรักษ์จะออกมาปฏิเสธ มีเพียงแค่จับเนื้อต้องตัวกันเท่านั้น ล่าสุด "เบสท์ รักวนีย์" หรือ "เบสท์ คำสิงห์" ได้ออมาเปิดใจครั้งแรก

"เบสท์ รักวนีย์" กล่าวว่า "ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับพ่อค่ะ ตอนนี้หนูรู้ว่าพ่ออยู่ขอนแก่น เลยไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรยังไง รู้สึกยังไง แต่ไม่มีใครรู้ดี รวมถึงตัวผู้เสียหาย อยากให้คอมเมนต์กันเบาๆให้กำลังใจทุกฝ่ายดีกว่า ตอนแรกตกใจเหมือนกัน เพราะเราไม่รู้ว่าเกิดข่าวนี้ขึ้น ไม่คิดว่าจะเกิดข่าวนี้ พอมาคุยกันในครอบครัว เบสท์ โบ๊ท และแม่ สามคนก็ต้องให้กำลังใจกันต่อไป"

(เรื่องพ่อสมรักษ์หย่ากับแม่?) "เรื่องหย่า ทราบอยู่แล้วค่ะ ตอนที่พ่อกับแม่หย่ากันเขาก็มาบอกเรา เราก็แล้วแต่เขา เพราะมันเป็นเรื่องของสามีภรรยา ที่เบสท์ไม่ได้ออกมาพูด เพราะพ่อหย่ากับแม่ แต่ยังอยู่ที่บ้านใช้รถที่บ้าน ถ้าเราออกมาพูด มันก็ยังไม่ใช่ ส่วนตัวเบสท์กับโบ๊ทโตแล้ว เข้าใจเรื่องของความรัก ถ้าไม่โอเคมันก็เรื่องของเขา น่าจะหลายเรื่องร่วมกัน เขาอยู่กันมานาน ถ้าแม่สบายใจแบบนั้น เอาที่แม่สบายใจ"

(ดึงกำลังใจจากไหนบ้างในการฮีลตัวเอง?) "ตอนนี้ได้รับกำลังใจจากทุกๆคนค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ส่วนคอมเมนท์ในด้านลบ มันก็ปกติ เราโดนดราม่ามาเยอะแล้ว โฟกัสคนให้กำลังใจ ใครที่มาว่า ขอโทษด้วย ขอโทษแทนคุณพ่อด้วย ขอบคุณแฟนคลับหนู วันนี้แฟนคลับมาให้กำลังใจน่าจะเยอะกว่าทุกครั้ง มันฮีลใจได้จริงๆ"

(พ่อสมรักษ์ มีแพลนจะกลับมากรุงเทพ?) "น่าจะต้องได้กลับอยู่แล้ว ยังมีเรื่องอื่นที่ต้องมาเคลียร์ เพราะเขามีอะไรหลายอย่าง เพราะทนายความอยู่กรุงเทพ ยังไงต้องกลับมา

(เรื่องเรื่องพ่อจะย้ายไปอยู่ฝรั่งเศส?) "ส่วนตัวหนู หนูบอกกับพ่อเลยว่า ถ้าพ่อผิด ต้องยอมรับผิด ถ้าไม่ผิด อยากไปพักผ่อน ออกค่าเครื่องบินค่าที่อยู่ให้ปกติ แต่ถ้าผลออกมา เราต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่เราทำ ผิดก็ผิด เรารักพ่อแม่เราตามปกติ เขาเป็นพ่อแม่เรามันเกิดขึ้นแล้ว เบสท์เป็นคนที่ว่า ถ้าผิดก็คือผิด เพราะฉะนั้นเบสท์ให้กำลังใจพ่อนะคะ แต่ถ้าพ่อผิดต้องรับผิด ตรงนี้เราไม่รู้เหตุการณ์ตรงนั้นนะคะว่าเป็นอย่างไร เพราะตรงนั้นพ่ออยู่กับน้องสองคน เราไม่มีทางรู้ได้ เราก็ตั้งขบวนการตามกฏหมาย หนูรักพ่อแม่หนู ไม่ว่าผลออกมาเป็นอย่างไรหนูก็ซัพพอร์ตพ่อแม่หนู"

(พ่อจะย้ายไปอยู่ที่นั่นเลยไหม?) "เรื่องย้ายประเทศมันย้ายไม่ได้ค่ะ ด้วยเรื่องของวีซ่า ที่จริงหนูยังไม่อยากให้พ่อไป อยากให้เขาเผชิญปัญหา แก้ไขมันมากกว่า"

"กับแม่ เราไม่ได้พูดกันมาก แค่มองตาก็รู้แล้ว มันก็หนัก แต่ว่าไม่เป็นไรค่ะ เราเลือกไม่ได้มันเกิดขึ้นแล้ว และการที่เราเป็นหัวหน้าครอบครัว การรับผิดชอบครอบครัวมันเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว แต่ปัญหาที่เข้ามา มันอาจจะรู้สึกไม่ดีตรงที่ว่า เราไม่ได้ทำ แต่คนมีก็ด่าเราไปแล้ว หนูโดนมาตลอด มันห้ามกันไม่ได้ 1 พันคน 1 พันความคิด มันก็แล้วแต่ ห้ามไม่ได้ คนที่ให้กำลังใจก็ขอบคุณค่ะ"

"หนูไม่เชื่อใครเลย มันพิสูจน์ไม่ได้ เราไม่ได้อยู่ ณ ห้องนั้น ณ คืนนั้น เราไม่มีทางรู้ว่า ใครพูดความจริง 100 เปอร์เซนต์ไหม หนูก็ถามทนายว่า มันจะพิสูจน์ได้ยังไง มันต้องตามขั้นตอนหนูไม่ได้เชื่อใครเลย มีวิธีพิสูจน์ ถ้าถามว่าหนูเชื่อใครไหม ตอบตามตรง หนูไม่เชื่อใครเลย รอดูดีกว่า"

(พ่อพยายามติดต่อหาเรากับแม่ไหม?) "เขาน่าจะคุยกับโบ๊ท ปกติคุยกันเป็นส่วนใหญ่ อย่างที่บอกผ่านทุกรายการเสมอดูแลตัวเองดีๆ รอบคอบไรงี้ ทั้งหมดที่เราพูดไม่ได้ว่าพ่อ แต่อะไรที่ผิด ก็ต้องว่าไปตามนั้น อะไรที่ต้องเตือน ต้องตักเตือน รักพ่อเหมือนเดิม ลำบากใจเหมือนกัน รักครอบครัวเหมือนเดิม"

(ปกติเห็นว่า คุยกับทุกเรื่องกับพ่อ?) "คุยทุกปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหนี้เรื่องอะไร แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เบสท์ไม่ได้ถามอะไรมากมาย

(การที่เราออกมาพูดให้คนที่ไม่เข้าใจ หลับหูหลับตาว่าเรา?) เดี๋ยวนี้ชาวเน็ตแยกแยะได้ ถ้าเราทำถูก เขาก็กลับมาว่า ความจริงเป็นแบบนี้ ทุกอย่างใช้เวลา ถ้าถามว่า พ่อมีความผิดไหม มันมีความผิดอยู่แล้ว หนูขอโทษแทนคุณพ่อด้วยค่ะ (ยกมือขอโทษ)"

"หนูไม่ใช่ไม่อยากคุยกับพ่อ แต่ไปคุยไปแล้วมันเหมือนในข่าว แต่ในเรื่องของกำลังใจ เบสท์ เป็นกำลังใจให้แม่ดีกว่า เบสท์บอกว่า ในเมื่อพ่อทำ ผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่ว่าจะผิดมากผิดน้อย ผิดแล้วต้องยอมรับ แต่ในส่วนของแม่เราให้กำลังใจเขา ไม่มีใครรู้สึกดีหรอก ไม่มีใครโอเค แม่คงไม่ได้รู้สึกดี มันไม่ใช่เรื่องของเบสท์ที่พูดไป ไม่ต้องเชื่อก็ได้ รอดูกระบวนการตามกฏหมายดีกว่า ที่เบสท์พูดไปให้กำลังใจพ่อแม่ดีกว่า"