'ณัฏฐ์ เทพหัสดิน' เจอดราม่าย้ายประเทศ มีคนเข้าใจผิด จนไม่จ้างงาน
ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ควงภรรยา นาน่า ธันยา มาเปิดตัวลูกสาว น้องเนล่า วัย 2 ขวบ 8 เดือน ที่ล่าสุดเกิดอุบัติเหตุลูกสาวเลือดกบปาก แถมยังมีประเด็นคุณสามีน้อยใจคุณภรรยาสุดๆ พร้อมเคลียร์ข่าวย้ายไปอยู่ต่างประเทศถาวร จนคนเข้าใจผิด ผู้จัดไม่จ้างงาน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow
เมื่อวานมีคนหนึ่งคนในครอบครัวประสบอุบัติเหตุ?
นาน่า : แต่งต้นคริสต์มาสแล้วเขาอยากจะช่วยคุณแม่ เขาไปลากเก้าอี้ของเขาแล้วปีนขึ้นไป แล้วแม่หันไปล้มลงมาเอาปากลง ปากแตกเลย เราก็ช็อก ปกติเขาไม่ค่อยร้องอะไรมากมาย แต่คราวนี้ปรี๊ดเลย เขาเจ็บมาก ยกเขาขึ้นมาเลือดเต็มเลย แม่นี่ตกใจ
แม่เห็นแล้วทำยังไง?
นาน่า : ตั้งสติ รีบหาน้ำแข็งแล้วถามเขาว่าเจ็บไหม ล้างแผลแล้วไลน์หาคุณหมอ ถ่ายรูปให้คุณหมอดู แบบนี้ต้องรีบไปโรงพยาบาลไหม คุณหมอบอกมันโดนปากด้านนอก ถ้ามันโอเค เดี๋ยวหายเองถ้าเลือดหยุดแล้ว
วันนั้นคุณพ่อไม่อยู่?
นาน่า : ไปปั่นจักรยาน
ณัฏฐ์ : คือเราจะเลี้ยงลูกแบบไม่โอ๋ แล้วไม่พยายามตื่นตระหนกตกใจ เพราะเขาจะยิ่งเป็นไปด้วย แต่วันนั้นด้วยความที่ผมไม่อยู่ คุณนาน่าเขาจะโทรมา พ่อ ลูกล้มปากแตก เราก็ใจเสียแล้ว เอาจักรยานลงจากรถเลย เราก็ถามเป็นยังไงบ้าง มันหนักไหม ต้องไปโรงพยาบาลไหม เขาก็บอกเดี๋ยวโทรหา คุยกับคุณหมอก่อนดีกว่า โชคดีที่คุณหมอประจำตัวเนล่า ท่านเมตตาให้ไลน์ไว้
พอหมอบอกโอเค คุณพ่อปั่นจักรยานต่อไหม?
นาน่า : ปั่นต่อ อันนี้ยังไม่ได้โทรบอกเลยนะว่าโอเคหรือไม่โอเค แค่บอกว่าลูกปากแตกนะ พ่อไปละ
ณัฏฐ์ : เราคิดว่าแม่เอาอยู่
นาน่า : เราก็คิดว่าพ่อกำลังกลับมา
ณัฏฐ์ : โทรมาอีกทีตอนปั่นเสร็จแล้ว พ่อกำลังกลับมาใช่ไหม ก็บอกว่าใช่ๆ ปั่นเสร็จแล้ว
ลูกเจ็บ ภรรยาดูอยู่ แต่คุณพ่อดุภรรยา?
ณัฏฐ์ : แอบดุนิดนึง อันนี้ไม่ไม่ได้เกิดครั้งแรก หมายถึงว่าการที่เขาดึงบันไดมา ซึ่งบันไดที่เขาดึงมามันไม่ใช่เก้าอี้ มันเป็นบันไดสำหรับเด็กเอาไว้ปีนล้างมือ
เนล่าพูดเก่งจนคุณชายณัฏฐ์น้อยใจลูกสาว?
ณัฏฐ์ : เจอข้างนอกดูเหมือนเขาติดพ่อ แต่พอไปอยู่บ้านปุ๊บแม่จะเป็นที่1 ของเขาโดยเฉพาะเวลานอน สมมติเขาตื่นมากลางดึกถ้าเขาไม่เห็นแม่นี่เรื่องใหญ่เลยนะ มาม๊าอยู่ไหน ไม่เอาปาป๊า แล้วจะชอบพูดว่าเนล่าเป็นลูกของมาม๊าคนเดียว แล้วปาป๊าละ ไม่ใช่ปาป๊าเนล่าเหรอ ไม่ใช่ปาป๊าไม่ใช่ปาป๊าเนล่า ผมก็แอบงอนลูกเบาๆ แต่ก็รู้แหละเขาพูดเล่น ถามว่ามีน้อยใจไหมก็นิดนึง แต่เวลาอยู่ข้างนอกเขาจะอ้อน แค่นี้ก็พอแล้ว
นาน่าบอกทีมงานว่าคุณณัฏฐ์เลี้ยงลูกเหมือนเลี้ยงสุนัข คืออะไร?
นาน่า : อันนี้สลับกัน
ณัฏฐ์ : เขาอะเลี้ยงลูกเหมือนเลี้ยงหมา
นาน่า : คือที่บ้านน่าเลี้ยงหมาอยู่ 5 ตัว มันออกลูกมาก็น่ารัก เชื่อฟัง แล้วเชื่อฟัง ก็อยากเลี้ยงแบบธรรมชาติ ปล่อยล้มลุกคลุกคลาน อย่าไปโอ๋เขาเยอะ
ณัฏฐ์ : เขาเป็นคนรักสุนัขเหมือนลูก ตั้งแต่คบกัน ผมเห็นตั้งแต่แรกแล้ว ผู้หญิงคนนี้ถ้ามีลูกก็น่าจะเป็นแม่ที่ดี เขาจะเลี้ยงสุนัขแบบไม่ตีหมา ไม่ดุหมา เลี้ยงให้หมาสบายใจมีความสุข เราก็รู้สึกว่ามันเป็นวิธีธรรมชาติดี แต่ถ้ากับคนก็คงอีกแบบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเขาเป็นคนรัก มีเมตตากับสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง ถ้าเป็นลูกของเราเขาก็น่าจะเป็นแม่ที่ดี ซึ่งเขาก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาพูดเพราะมากกับหมา ไม่ดุหมาเลย
คือรักหมามาก ดูแลทะนุถนอม ก็เป็นแบบนั้นเลย รักเหมือนลูก?
ณัฏฐ์ : ใช่ เลี้ยงในบ้าน เขาทำบ้านหมาให้เลยนะ แต่สุดท้ายเป็นที่เก็บของ เพราะหมามาอยู่ในบ้าน เขาบอกว่าเวลาหมาอยู่ข้างนอกเขาหงอย เขาไม่เห็นเราต้องคอยมาเกาะหน้าต่างมองดู
ทั้งคู่มีวิธีการเลี้ยงลูกที่ต่างกันมาก จนทะเลาะกัน มีข้อมูลว่าสองคนนี้ตีกันฉ่ำ?
ณัฏฐ์ : จริงๆ แล้วก่อนที่จะมีลูกก็ตีกันเรื่องความเป็นระเบียบเรียบร้อย เพราะผมเรียนโรงเรียนประจำมา พอมีลูกปุ๊บ บ้านนี่ก็จะมีวิธีเลี้ยงอย่างนึง บ้านผมก็อย่างนึง ยกตัวอย่างง่ายๆ เรื่องการนอน เขาจะเป็นกังวลว่าถ้าให้นอนตะแคงหรืแอนอนคว่ำ เดี๋ยวลูกจะขาดอากาศหายใจ หรือมีเคสบางเคสให้เด็กนอนคว่ำเพื่อให้หัวสวย แต่เด็กขายอากาศหายใจ ส่วนบ้านเราต้องนอนตะแคง หรือนอนคว่ำก็ได้ลูก แต่ผมก็ไม่กล้าให้นอนคว่ำ แต่มีช่วงนึงลูกหัวเบี้ยว แต่มันเป็นเรื่องปกติ เพราะกะโหลกยังพัฒนาไม่เต็มที่ ก็มีอยู่ช่วงนึง เห็นไหมให้นอนหงายตลอดเวลา ก็จะมีทะเลาะกันบ้าง
ทะเลาะกันจริงจังไหม?
นาน่า : ไม่ค่อยจริงจัง คือช่วงที่ทะเลาะกัน เราไม่ค่อยทะเลาะกันเรื่องเลี้ยงลูก มีช่วงเดือนต้นๆ ประมาณ 1-2 เดือนแรก เรื่องหัวนี่แหละ
ณัฏฐ์ : เราใหม่กันทั้งคู่ เขาเป็นคนหวงลูกมาก ไม่ชอบให้ใครมาแตะ มายุ่งแม้กระทั่งผมเอง เขาบอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวเขาจะทำของเขาเอง
แม่เป็นคนหวง แต่พ่อเป็นคนดุ?
ณัฏฐ์ : ดุ ดุลูกด้วย พอเขาเริ่มรู้เรื่องแล้วผมจะดุเรื่องพูดไม่เพราะ เก็บของไม่เป็นที่ เล่นของเล่นกระจัดกระจาย เราจะรู้สึกว่า เรื่องมารยาทก่อน ถ้าเจอผู้ใหญ่ต้องสวัสดีค่ะ พูดเพราะๆ เรื่องเก็บของไม่เป็นที่ แล้วของเล่นเขาเยอะ เราไม่ใช่ว่าเหนื่อยจะเก็บนะ แต่บางทีรู้สึกว่าเราอยากฝึกความรับผิดชอบให้เขารู้สึกว่าเวลาเขาเล่นอะไรแล้ว เก็บอันนี้ก่อนแล้วค่อยไปเล่นอันใหม่
นอกจากจะดุเมีย ดุลูกแล้ว ยังสติ๊กเรื่องการใช้จ่ายเงินด้วย?
ณัฏฐ์ : อันนี้ดุแม่ คือจริงๆ แล้วมันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ แต่ผมมองว่า ผมอยากจะปลูกฝังลูกอย่ามีนิสัยสิ้นเปลือง
ตอนแรกคิดว่าจะดุมาม๊าอย่าซื้อกระเป๋า?
ณัฏฐ์ : เขาเป็นคนไม่ใช้ของแบรนด์เนม เป็นคนเรียบง่ายมาก แต่เขาจะชอบสั่งของเด็ก มาทุกวันเลยนะ ซึ่งถ้าเขาไม่ได้สั่งมาก็จะมีคนส่งมาให้ เรารู้สึกว่าลูกเราของเล่นเยอะมากแล้ว บางทีเขาบอกปาป๊าซื้อให้ลูกแค่ 100-200 เอง เราก็บอก 100-200 ก็เงิน เราไม่อยากฝึกนิสัยฟุ่มเฟือยหรือใช้เงินเกินตัวกับลูก
หลายคู่พอมีลูกโฟกัสที่ลูก ความหวานของ สามี ภรรยา จะน้อยลง บ้านนี้เป็นไหม?
นาน่า : เป็นเพราะว่าเราเลี้ยงลูกกันเอง แล้วน่าเวลาทั้งวันก็อยู่กับลูก พอตกเย็นเราก็เหนื่อยแล้วหลับไปกับลูกทุกครั้ง ทำอาหารก็จะทำให้ลูก ไม้ค่อยมีเวลาไปทำให้เขากิน เขาก็จะงอน น้อยใจ บางทีเขาจะบอกเนล่ากินอะไร พ่อก็ชอบ พ่อกินด้วยได้
ณัฏฐ์ : ต้องพูดแบบนี้ก่อนที่จะมีลูก เราเป็นจุดศูนย์กลางของเขา เราอยากกินอะไรก็ได้กิน เขาทำให้ แต่พอมีลูกปุ๊บ สิ่งเหล่านั้นไปอยู่ที่ลูกหมดเลย
แล้วพ่อทำยังไง?
ณัฏฐ์ : พ่อได้แต่น้อยใจ แต่มีบางแมชต์ที่พูดกับเขาไม่รู้ว่าแรงหรือเปล่า บางทีเธอเป็นแม่ที่ดีนะ แต่บางทีเธอก็บกพร่องในหน้าที่ภรรยา
นาน่าเขาพูดแบบนี้ทิ่มใจไหม?
นาน่า : แต่เราก็เป็นแม่ที่ดีนะ
ณัฏฐ์ : ท้ายที่สุดเราก็โอเค เพราะเรารู้สึกว่าอย่างน้อยโฟกัสของเราทั้งคู่อยู่ที่ลูก เราไม่มีพี่เลี้ยง เหนื่อยมาก แต่คุ้มที่ได้เห็นเขาโต แล้วสิ่งที่เราสอนอะไรเขาวันนึงมันเริ่มเห็นผล เป็นเด็กที่น่ารัก ไปอยู่ที่ไหนก็มีคนเอ็นดู นั่นคือสิ่งที่เราตั้งเป้าเอาไว้
เมื่อ 2 ปีที่แล้วบอกว่าจะไปอยู่อเมริกาแบบถาวร ตกลงยังไง ไปไหม?
ณัฏฐ์ : จริงที่แพลนไปมันคือช่วงโควิด เพราะว่ามันไม่มีงาน เรารู้สึกไม่อยากอยู่เฉยๆ บวกกับคุณนาน่าเป็นคนไทยที่เกิดที่อเมริกา เขาก็มีสัญชาติอเมริกัน พอลูกเกิดปุ๊บให้ลูกเป็นอเมริกันด้วย เพราะเรื่องโรงเรียน ถ้าให้เรียนที่เมืองไทย เราให้เรียนโรงเรียนดีๆ อยู่แล้ว แต่ค่าเทอมก็แพงอยู่เนอะ แต่เมื่อเราเลือกได้ ทำไมไม่ให้ไปเรียนที่นู้น เพราะที่นู้นเรียนฟรี แล้วรัฐที่คุณนาน่าอยู่คือฟอริด้า คือโรงเรียนมันดีมาก ดีกว่าโรงเรียนอินเตอร์เมืองไทยอีก แล้วได้อยู่ใกล้คุณตา คุณยาย แล้วตอนนี้คุณพ่อ คุณแม่ผมไปอยู่แคลิฟอร์เนีย พี่ชายผมก็อยู่นู้น
ตอนนั้นที่บอกว่าจะไปอยู่อเมริกาแล้วเจอดราม่าเหรอ?
ณัฏฐ์ : ใช่ เหมือนคนก็ประมาณว่าเมืองไทยไม่ดีก็ไปอยู่เลย แต่จริงๆ เราไม่ได้คิด เมืองไทยมันเป็นบ้านเกิด เมืองนอนเรา เราคงตายที่นี่ แต่ที่เราคิด เราคิดเผื่อลูก เรื่องการศึกษา แล้วเรื่องงานเราถ้าวางแผนดีๆ เราบินไป บินมาได้ เราคิดอย่างนั้นนะ ไม่ได้คิดย้ายไปอยู่แบบถาวร แล้วให้ลูกไปเรียน ไม่ได้ไปเรียนแบบถาวรด้วย อยากให้เรียนถึงชั้นประถม มัธยมอยากให้กลับมาเรียนที่ไทย เพื่อเพื่อน สังคม ภาษา มารยาท
เราวางแผนไว้ แต่คนอาจจะไม่เข้าใจ รวมถึงผู้จัดด้วยคิดว่าจะไปจริงๆ งานไม่จ้างเลย?
นาน่า : เวลาเจอเขาทักว่าไงนะ
ณัฏฐ์ : เอ้า..กลับมาแล้วเหรอ ผมยังไม่ได้ไปเลยพี่ ผมยังอยู่เมืองไทย ยังรับงานอยู่ เรื่องที่จะไปหรืออยู่มันไม่ได้เป็นผล เรารับงานได้ แต่ถ้าไม่ได้เดี๋ยวบอกเอง แต่เรารู้สึกว่านี่คือบ้านเกิดเมืองนอนของเรา แล้วอาชีพที่ทำให้เรามีกิน มีใช้ทุกวันนี้คืออาชีพในวงการบันเทิง ยังไงเราก็ไม่ทิ้งอยู่แล้ว