บันเทิง

'จอย บียอนด์ - แหวดศรี' เล่านาที ตลกดัง ด่ากราด ข่มขู่ กระโชกโฮกฮาก ไล่ลงเวที

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดใจ จอย บียอนด์ - แหวดศรี นครสวรรค์ น้องสาว ฮาย อาภาพร หลังถูกตลกดังด่ากราด ไล่ลงจากเวที ไม่ให้ขึ้นแสดง ในงานวันเกิดกำนัน จังหวัดสุพรรณบุรี

อยากให้เล่าเหตุการณ์วันนั้น?

จอย : วันนั้นจอยไปงานวันเกิดของผู้ใหญ่ท่านนึงที่จังหวัดสุพรรณจะมีคิวขึ้นร้องเพลงหลังจากวงใหญ่ลง ตอนแรกถ้าไปก่อนจอยอาจได้ขึ้นก่อน ทีนี้เขาบอกว่าคิวจอยหลังสุด วันนั้นจอยก็ไปถึง 2-3 ทุ่ม ขณะที่เราจะขึ้นร้องเพลง ก็มีพิธีกรตลกคนนี้มาขวางทางหน้าบันได ก็ทำกิริยาหน้าตาไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่ ก็สวนไปสวนมา แล้วก็ชึ้หน้า พูดจาถ้อยคำเหมือนหยาบคาย ข่มขู่ กระโชกโฮกฮาก เสียงดัง ตระโกนทำให้คนบริเวณนั้นหันมามองเราให้เกิดความอับอาย เราไม่อยากที่จะร้องเพลงแล้ว ประมาณนั้น เสียใจ อยากร้องไห้ อยากกลับประมาณนั้น หนูก็เลยกลับไปที่รถ หนูจะกลับบ้าน พี่ผู้ใหญ่ที่จะให้หนูร้องไปเซอร์ไพรส์กำนัน เขาไปตามหนูบอกว่ายังไงก็ต้องร้อง แต่หนูร้องไม่ได้ มาขึ้นกันแบบนี้มาชี้หน้าหนู หนูก็อายเขามาใช้ถ้อยคำกิริยา พอพูดมากๆก็เหมือนจะโผเข้ามา พี่อีกคนล็อกตัวไว้ มันรู้สึกกลัวพี่เข้าใจไหม หนูจะกลับบ้าน แล้วพี่ผู้ใหญ่เขาก็ไปตามหนูที่รถ เขาบอกว่ายังไงก็ต้องร้อง ที่หนูได้ร้องเพราะว่าพี่เขา (กำนัน) ไปไล่ 

เขาด่าว่าอะไรเรื่องถึงบานปลาย?

จอย : (ชูนิ้วกลาง) แบบสัตว์เลื้อยคลาน ของผู้ชาย ของลับ มึง อีเหี้- มึงอี มันเหมือนคนที่ทะเลาะกันมานานมากเหมือนเราไปทำความแค้นกับเขาอะไรขนาดนั้น ด้วยความที่มึนเมาดื่มน้ำเปลี่ยนนิสัยเข้าไป ก็เลยมีความโมโหเนื่องจากว่าก่อนที่เขาจะด่าหนูมีผู้ใหญ่คนนึงชี้หน้าหนูบอกว่านี่เหรอ จอย บียอนด์ หนูก็เลย ค่ะ หวัดดีค่า เขาก็ จอย บียอนด์ ใช่ไหม มีปัญหากับน้องกู ก็เลยทำให้เขามีพลังในวันนั้น หนูรู้สึกเหมือนหนูโดนรุม เพราะเป็นพื้นที่เขา แล้วหนูทำอะไรผิด หนูจะไปร้องเพลง แล้วยังไงคะ หนูต้องอายต่อหน้าผู้คน หนูไม่รู้เรื่อง

 

เหตุผลที่เขาด่าเรา ไม่ให้เราขึ้นเวที ตามที่เรารู้สึกไหม?

จอย : โดยปกติเขาจะเป็นคนที่มีปัญหากับทุกคน แล้วชอบไปพูดลับหลัง ใช้คำพูดเรียกคนว่าไอ อี พอหนูเจอคำว่า อีเราก็คิดว่าสิ่งที่เราดีด้วย เราไม่คบกันดีกว่า ก็เลยไม่คุยกับเขามาประมาณ 2 ปี แล้วคนที่หนูใช้ชื่อลงบันทึกเอาไว้ก็โดนเขาว่าเหมือนกัน รวมกับหลายๆคน คนที่ดีกับเขาโดนหมด เราก็เลยไม่ยุ่งกับเขากัน บังเอิญคนนั้นคนนี้คุยกันโดนเหมือนกันเหรอพี่ น้องโดนเหมือนกันเหรอแค่นั้น เราก็เลยไม่คุยกัน เวลาที่เราไปไหนกับพี่ๆบุคคลท่านนี้ เวลาถ่ายรูปอาจทำให้เขาเกิดแรงบันดาลโทสะ ทำให้หมั่นไส้อันนั้นหนูไม่ทราบ ทีนี้พอไปเป็นพื้นที่ของเขาปุ๊บ มันก็เกิดมีพาวเวอร์ มีแรงขึ้นมา เราไปคนเดียว ก็เลยโดนก่อน

จอย บียอนด์ - แหวดศรี

ที่ให้สัมภาษณ์เหมือนหนังคนละม้วน เหตุการณ์นี้คนมองว่าเข้าใจผิดกันหรือเปล่า เพราะมีการเปลี่ยนคิวกะทันหัน เป็นแหวดศรีขึ้น เป็นจอยขึ้น ตอนนั้นกำนันที่เป็นเจ้าภาพอยู่ เขาทำหน้าที่อยู่ก็เลยไม่สามารถเบรคได้ ก็เลยส่วสัญญาณให้แหวดศรีว่าอย่าเพิ่งขึ้น ก็เลยเกิดเรื่องกัน?

จอย : ความเป็นจริงจากปากจอย และจากปากบุคคล ให้ฟังจากจอยคนเดียว ส่วนตัวเขาเขามีสิมธิ์ปฏิเสธ เพราะจากที่หายเมาอะไรก็พูดได้ แต่บุคคลที่หนูเอามาในวันนี้ เป็นคนที่มีตัวตนและเป็นคนที่อยู่ในงาน เพราะฉะนั้นเขามีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ จะพูดอะไรก็ได้ แต่หนูจะร้องก่อนวงใหญ่ขึ้น เพียงแต่ว่าคิวใหญ่ลง เขาสลับคิวไปสุดท้าย ก็มีการซาวด์เช็กเปลี่ยนใหม่ ในช่วงที่ซาวด์เช็กท่านกำนันก็เลยขึ้นไปร้องเพลงก่อน แต่เขาทราบแล้วว่าร้องแค่ 3 เพลง แล้วเขาจะลงเขาเป็นระดับผู้ใหญ่จังหวัด เขาจะลงเพราะมีคิวร้องเพลงต่อจากเขา แต่ไม่รู้คุณเป็นใครคุณไม่ให้ดิฉันขึ้น อะไรประมาณนี้มันก็เลยเกิดเหตุปฏิเสธนายเขา ซึ่งมันไม่ใช่

 

แล้วเขากีดกันจริงไหม?

จอย : กีดกันจริง ด้วยคำพูด กิริยาทั้งหมดหมดเลย ด่าทอต่อว่า (ไม่ให้เราขึ้น?) ไม่ให้ขึ้น จนพี่ผู้ใหญ่ไปเรียกหนูที่รถว่าต้องขึ้น พี่จะขึ้นได้ไง เดี๋ยวเขาจัดการเอง อสจมีคำพูดที่เสียงดัง ไม่มีด่าทอ ไม่มีใครด่าเขาเลย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของการกระทำ ทะเลาะวิวาทไม่ใช่นะคะ เป็นคนที่โดนกระทำ เพราะฉะนั้นที่หนูมาพูดวันนี้ หนูโดนกระทำให้เกิดความอับอาย

 

ตามข่าวบอกมีการจะเข้ามาทำร้าย?

จอย : ใช่ๆ เพราะเขามีการพุ่งตัว (ทำท่าพุ่งตัว) ในความหมายของผู้ชายที่เมาแล้วฮึกเหิมอยากจะเข้ามา จะเข้ามาตบตี มาผลัก มาแกล้งทำ ตอนนั้นหนูรู้สึกว่าหนูหวาดกลัว จากผู้ใหญ่ท่านนึง จากเขา จากความอาย อยากร้องไห้ อยากกลับบ้าน หนูคิดแค่นี้

จอย บียอนด์ - แหวดศรี

ยืนยันว่าเขาเมา เพราะเขาบอกว่าดื่มแต่ไม่เมา?

จอย : หนูถึงบอกว่าความจริง หนูพูดวันนี้เป็นความจริงทั้งหมด หนูมีสำนวนของคดีความ เพราะฉะนั้นหนูไม่เอาตัวหนูไปพูดโกหก แต่เขาพูดเขาไม่มีหลักฐานอะไร แต่หนูพูดหนูมีหลักฐานบุคคล หนูพูดความจริงค่ะ เพราะหนูอยู่ในเหตุการณ์หนูเป็นคนถูกกระทำ ไม่จำเป็นต้องพูดโกหก หรือพูดไปมาไม่ให้มีน้ำหนัก ทำเพื่ออะไร หนูแค่รักษาศักดิ์ศรีในวันนี้ที่หนูโดนกระทำ และอยากเรียกร้องสิทธิสำหรับผู้ที่เป็นศิลปิน หรือเป็นดารา ถ้าเกิดเราไปร้องเพลงแล้วรู้สึกว่าโดนแบบนี้จะทำให้เราหวาดกลัว หนูก็รู้สึกว่าอยากให้เรียกร้องสิทธิให้ตัวหนูและศิลปินทั่วไป

 

อีกคนที่ถูกพาดพิงคือคุณสมชาย เดินไปต่อว่าเขา ไปกันท่า?

จอย : คือไม่ได้เดินไปต่อว่า แต่อันนี้ไปตัดตอนในส่วนของตัวเอง เรื่องราวเกิดจากตรงนี้ปุ๊บ แล้วท่านผู้ใหญ่ไปบอกเขาว่า ถ้าทำแบบนี้ออกไปจากงานเลย อันนี้เป็นตอน 2 แต่เขาไปเอาตอน 2 ไปเป็นตอน 1 ไม่มีใครที่ไม่เมาแล้วจะไปด่าคน คนที่มีสติสัมปชัญญะ เขาจะไม่ทำแบบนี้

 

ที่เขาบอกว่าส่งสัญญาณมือว่าอย่าเพิ่งร้อง?

จอย : ทุกคนทราบค่ะ ว่าอย่าเพิ่งขึ้นเพราะซาวด์เช็กยังไม่เสร็จ ก็แค่เดี๋ยวค่อยขึ้นนะ การที่บอกว่าเพิ่งขึ้น กับไมงานนายกู มันต่างกันนะพี่ กิริยาแบบนี้เป็นกิริยาที่มีความยิ่งใหญ่ (เรียกว่ากร่าง?) ประมาณแบบนั้น เขาจะบอกว่าเมา ไม่เมา เขาพูดได้ แต่คนทุกคนเห็น ตรงนั้น 20-30 คน และบางท่านหนูไม่รู้จักแต่เค้าถ่ายคลิปไว้ แล้วถ้าเกิดว่ามันมีคดีขนาดนี้ ถ้าส่งหลักฐานให้ได้ก็ส่งมาที่จอยได้เลยนะคะ เพราะไม่ได้มีวงจรปิด เป็นเวทีโล่งแจ้ง แล้วไม่รู้ว่าตรงเราจะไปมีเรื่องกับเขาทำไม มันเป็นเหตุชุลมุนไม่มีคลิป ไม่ใช่เรื่องของการเตรียมการ

 

เขาบอกว่าก่อนหน้านี้เหมือนมีเรื่องกันมาก่อน?

จอย : ความรู้สึกเขาอาจจะคิดว่ามีเรื่อง แต่ความรู้สึกหนูหนูรู้สึกว่าคนแบบนี้หนูจะไม่ยุ่ง มันคนละมุมกัน เขาโกรธเราเขาผิดใจของเขาคนเดียว ไม่ใช่หนูไปทะเลาะกับเขา หนูไม่เคยทะเลาะกับเขา เป็นเรื่องที่หนูจัดงานและหนูให้อีกคนนึงไปเป็นเป็นพิธีกร เพราะว่าเขาไปเป็นพิธีกรและเขาไปไถตังผู้ใหญ่ของหนู เขาขึ้นไปมอบกระเช้า เขาบอกว่าเขาเป็นพิธีกรตลกเขาก็ต้องได้ตังเหมือนกัน เหมือนเราต้องทำให้เขาจ่ายเงิน เหมือนหลอกผู้ใหญ่เสียตัง หนูก็เลยบอกโอเคงั้นงานต่อไปไม่ต้องมา เขาอาจจะมีความโกรธแค้นอันนี้หนูไม่ทราบ

จอย บียอนด์ - แหวดศรี

เลยเคืองกัน?

จอย : สำหรับเขาอันนี้หนูไม่ทราบแต่สำหรับหนูหนูไม่คิดอะไร 

 

ความสนิทสนม? 

จอย : รู้จักกันมา 10 กว่าปีก็ เคยทำงานร่วมกันเขาเป็นพิธีกร หนูก็เป็นนักร้องธรรมดา แต่ความยิ่งใหญ่ตรงนี้หนูไม่ทราบ

 

แหวดศรีเข้ามาห้ามเลยโดนไปด้วย?

จอย : เขาเป็นคนที่โดนด่าก่อน เพราะเขาเป็นคนพาหนูมา เขาจะเข้าไปห้าม เขาก็โดนด่าก่อนคนแรก ถ้อยคำที่หยาบคายหนักกว่าหนูอีก

 

เขารู้ว่าพี่จอยจะมา?

จอย : จริงๆหนูไม่รู้เลยว่าการที่เราจะไปร้องเพลง จะต้องเจออะไรหรือว่าเขาอยู่ เราเคยไปเจอกันก่อนหน้านี้หนึ่งงานเขาบอกว่าเดี๋ยวพบกับ จอย บียอนด์ ครับ เขาลงไปหนูก็สวนขึ้นมา คนไม่พูดกันมันก็คือแค่นั้น แต่ไม่คิดว่าทำไมงานนี้ถึงยิ่งใหญ่ ไม่ทราบเหมือนกัน

 

พี่ฮายบอกว่าปกติเขามีพฤติกรรมแบบนี้ ?

จอย : หลังจากที่เขาเมา ตรงนั้นหนูไม่ก้าวล่วง เพราะว่าหนูไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตรงนั้น เอาในกรณีนี้หนูเนาะ แต่โดยปกติที่เขาบอกกันมา พอหายแล้วก็บอกว่าไม่ได้ทำ

 

หลังจากเหตุการณ์เขาก็เลยกลับ?

จอย : พี่เขาบอกว่าถ้าจะสร้างความวุ่นวายให้กลับไป ไม่งั้นหนูจะไม่ได้ขึ้นเพราะว่าเขาขวางบันไดอยู่ (ที่เขากลับเพราะสมชายให้เขากลับ?) หนูก็ต้องขึ้นไปโชว์ ความรู้สึกในความสนุกมันจ๋อยอ่ะ แต่ว่าเราก็ต้องขึ้นไปเพราะคนที่เขาอยู่หน้างานเขาก็ไม่ทราบว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไร หนูก็เต็มที่ของหนู ก็ 70-80 อาจไม่ได้ฟูมาก 

 

แจ้งความเรียบร้อย ?

จอย : ใช่ค่ะ วันรุ่งขึ้นเพราะว่าหนูต้องกลับเลย เพราะว่าต้องไปที่สุพรรณบุรี

 

แจ้งความต้องการอะไร ?

จอย : เขาทำอุกอาจต่อหน้าสาธารณะชน ในสถานะที่หนูเป็นศิลปิน หนูเป็นนางเอกตายแล้วหนูก็เป็นนักธุรกิจด้วย มันไม่สมควรมีเรื่องที่จะต้องโดนด่าต่อหน้าคน ถ้ายกหูมาเราอาจจะไม่ถือ แต่นี่เค้ารู้ว่ามีประชาชนและเขาก็ยังจะด่า หนูจะทำให้เป็นตัวอย่าง ว่าทำแบบนี้กับทุกคนมันไม่ได้ เพราะฉะนั้นหนูจะต้องดำเนินคดีที่สุด

 

แจ้งความข้อหาอะไรบ้าง ?

จอย : แจ้งข้อหาแค่ที่เพราะว่าเราตรงนี้ ส่วนจะได้ข้อหาอะไรบ้างหนูยังไม่ทราบ คือหนูไม่ได้คิดว่าเป็นการเตรียมตัวอะไรเลย มันเกิดจากความว่า เฮ้ย กล้าด้วยเหรอ

 

รวมกลุ่มไปแจ้งไหมหรือว่าไปของจอยคนเดียว ?

จอย : จริงๆนักร้องท่านอื่นไม่มีเพราะว่าเป็นวงใหญ่ แล้วก็เป็นหนู แต่ว่าน้องๆที่เป็นแดนซ์เซอร์และพี่ๆที่เป็นนักดนตรีที่เขาอยู่ตรงนั้นเขาไปด้วยแต่แต่ว่าเขาไปเฉยๆ น้องแหวดไปเป็นพยานเพราะน้องแหวดโดนก่อน 

 

ที่ไปแจ้งความไว้ตอนนี้ถึงไหนแล้ว ?

จอย : เขาเรียกวันที่ 19 เวลา 9 โมง ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา มีสิทธิ์ปฏิเสธได้ค่ะ แต่ว่ามันอยู่ในรูปแบบของตำรวจซึ่งหนูก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำยังไง

 

เราอยากให้เขาได้รับบทเรียนยังไงบ้าง ?

จอย : อันดับแรกก็คือความผิดที่กระทำ ต่อที่สาธารณะชนทำให้คนอื่นเขาอับอาย อันนี้ต้องไปเรื่องของกฎหมาย ไม่มีใครอยากให้ใครต้องเป็นอะไรขนาดนั้น ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่ว่าความอายของคนมีขีดจำกัด บางคนอายแค่นี้ บางคนอาจจะไม่รู้สึก แต่บางคนเขาด่าไม่ได้เขามีหน้าที่การงาน เราเป็นหัวหน้าคนมาชี้หน้าด่าแบบนี้เราบริหารธุรกิจไม่ได้แล้ว

 

มันกระทบชื่อเสียงเรา?

จอย : ใช่ค่ะ เพราะส่วนนึงหนูเป็นศิลปิน แต่ส่วนนึงเหมือนเป็นเจ้าของธุรกิจ ถ้าทำแบบนี้คือใครก็ด่าได้ เหมือนเป็นการเรียกร้องสิทธิกับคืนมา จะทำกับทุกคนไม่ได้ เขาท้าทายเขาไม่ขอโทษ เขาไม่ทำเขาไม่ผิด

จอย บียอนด์ - แหวดศรี

ได้คุยกับพี่ฮายไหม เขาบอกไม่โอเค?

จอย : หนูไม่ได้คุยกับเขาโดยตรง แต่เขาทราบเรื่องจากใครหรือเปล่า หนูไม่ทราบ มันเป็นธรรมชาติที่ไม่ต้องโทรหาใคร เหมือนที่เขาทำ หนูจะไม่โทร หนูเอาคนที่อยู่ตรงนั้นจริงๆ หนูไม่ต้องโทรหว่านล้อมใคร ว่าให้ตอบแบบนี้ หนูไม่มีการเตรียมการ

 

แหวดศรีว่าไงบ้าง?

แหวดศรี : ตอนแรกไม่ติดใจนะพี่ เพราะเขาโทรมาขอโทษหนูแล้ว หนูก็คุยกับพี่จอย คุยกับเขาแล้วว่า พี่โทรมาขอโทษหนูแล้วก็จบที่หนู แต่ถ้าส่วนของพี่จอพี่จอจะให้หนูไปเป็นพยาน หนูก็ต้องไป แต่ถ้าพี่จะโกรธ ไม่คบหนู อันนี้แล้วแต่พี่นะ ขอบอกว่าถ้ามึงไปเป็นพยานกูก็มีพยานนะ หนูก็บอกว่าแล้วแต่พี่สิ เขาบอกว่าพยานของเขาเดี๋ยวนายกหาให้ จะเอาสักกี่คนล่ะ 20 คน 100 คนเขาก็หาได้ในงานนั่นแหละ หนูก็บอกว่าแล้วแต่ หนูไม่รู้ว่าเขาจะเบ่งหรืออะไร แต่เขาพูดกับหนูแบบนี้

 

รู้นิสัยใจคอเขาไหม?

แหวดศรี : รู้ค่ะแต่หนูไม่คิดว่ามันจะหนักขนาดนี้ หนูไม่เคยเจอใครทำกับหนูหนักขนาดนั้น แต่ที่หนูไม่แจ้งความเพราะหนูเห็นเขาเป็นพี่ชาย แต่นี่เป็นพี่สาวหนู หนูก็ทิ้งไม่ได้ หนูก็เอาเขามาแล้วหนูก็ทำงานกับเขาด้วย หนูก็บอกว่าหนูไม่ทิ้งหนูก็เสียใจ หนูพาพี่ไปเจออะไร หนูยังงง ตอนที่เขามาด่าหนูก่อน ขอผลักหนูก่อนแล้วหนูก็ถอยออกมา แล้วหนูก็บอกพี่จอย พี่อยู่หลังหนูไว้ ไม่มีอะไรเดี๋ยวหนูเคลียร์เอง

 

แหวด : เรียกๆ เขาบอกว่าอีเหี้- เพราะมึงตัวเดียวเลยอีสั-ว์ ขอโทษนะพี่ๆ สื่อหนูก็ขอตรงๆ นี่รอบแรก ที่ยังไม่มีพี่ชายอาปาเช่ที่มาช่วยหนู รอบแรกยังไม่มีใครตรงนั้น มีแค่หนูกับพี่จอย เขาด่าหนูเสร็จก็ด่าพี่จอยต่อ พอด่าพี่จอยเสร็จก็ด่าหนูต่ออีก เพราะมึงคนเดียวเลยอีแหวด อีเหี้- มึงก็รู้ว่ากูไม่ถูกกับมัน มึงยังเอามันมา ในใจเราคิดแล้ว เหี้- ก็เคลียร์กับพี่กอล์ฟแล้ว แล้วมาด่าเราทำไมวะ ไม่จบ แกก็ยังด่าๆ ไปเรื่อยๆ จนพี่จอยบอกว่ากลับ พี่จอยหันตูดกลับไปเลย หนูก็อ้าว หัวหน้ากลับแล้ว จะอยู่ทำไมล่ะ หนูเสียใจ ร้องไห้ แต่พี่หนูฮึบเก่งมาก ไม่ร้อง ขึ้นรถไปแล้ว พี่กอล์ฟวิ่งมาบอกว่าแหวดใจเย็น ยังไงแหวดก็ต้องได้ขึ้นเวที ให้ยืนอยู่ตรงนี้ ห้ามไปไหน แต่น้องๆ ก็มากอดให้กำลังใจกัน มันไม่อยากร้องแต่ไม่ไหวจริงๆ หนูเป็นคนที่อึดนะ รักทุกคน ไม่ก้าวร้าวกับใคร ถามว่าหนูอยากด่ากลับไหม หนูอยากด่านะ แต่อยู่ในเครื่องแบบ 

 

ไม่ได้ด่าเขากลับ?
แหวด :
ไม่ได้ด่ากลับเลย ยืนเงียบมาก พยานมี พยานเพื่อนพี่เขาด้วย หนูมาทำหน้าที่หนูด้วย ถ้าพี่จะไม่พอใจก็แล้วแต่พี่เขา 

 

เขาบอกใช้ภาษาพี่น้องคุยกัน?
แหวด :
ณ ตอนนั้นไม่น่าใช่ภาษาพี่น้อง มึงๆ กูๆ เล่นกันก็มีบ้าง อย่างพี่สมชายบอก ถ้าในวงเหล้าด่าไอ้เหี้- ไอ้สั-ว์ นั่นคือวงเหล้า แต่ ณ ตอนนั้นคุณกำลังโกรธอยู่ เข้าใจอารมณ์ไหมคะ อีตอแหล พี่ว่าไง ณ เวลานั้น หนูควรทำยังไง ตอนนั้นเขาก็โกรธด้วยค่ะ

 

ทำไมไม่เอาเรื่องเขาด้วย?
แหวด :
เขาขอโทษหนู แต่ไม่ได้ขอโทษพี่จอย 

 

จอย :   แล้วเขาจะไม่ยอมขอโทษด้วย

 

แหวด : ใช่ เขาบอกเขาไม่ผิด แต่หนูบอกเขาว่าพี่ผิดนะ เพราะพี่ด่าเขา พี่พลาดมากงานนี้ ถ้าพี่ด่าหนูคนเดียวคือจบ แต่พี่ด่าเขา

จอย บียอนด์ - แหวดศรี

เหตุผลที่ไม่ขอโทษ?
จอย :
ไม่ได้บอก น้องเขาอาจเป็นพี่ศิลปินเบอร์ใหญ่ๆ เขาอาจรู้สึกว่าแค่นี้ก็พอ แต่คนนี้(หมายถึงจอย) ไม่ต้อง หนูไม่รู้เขาคิดยังไง

 

แหวด : แต่มีผู้ใหญ่ เจ๊ณี บอกว่าให้เขามาขอโทษนะ เพราะด่าน้องแรงมาก ด่าจนน้องร้องไห้ เขาถามว่าร้องตอนไหน เจ๊ณีกบอกว่ามึงด่าแรงมากผี ให้ไปขอโทษน้องเขาซะเขาก็มาขอโทษหนูแล้วคุยกัน แต่หนูไม่ได้แจ้งความเขานะ หนูคุยกับเขาตั้งแต่แรก ว่าหนูไม่แจ้ง แต่หนูไปเป็นพยาน 

 

ทำไมตัดสินใจเคลียร์เรื่องนี้?
สมชาย :
แฟนพี่เรียกให้มาดูแลน้องหน่อย เพราะน้องร้องไห้จะกลับบ้าน จะไม่ขึ้นเวทีแล้ว ให้ช่วยดูให้หน่อย เราก็บอกเขาว่าเธอก็ดูไปเองก็ได้ เพราะผีก็มีคนของเขาอยู่แล้ว น่าจะคุยรู้เรื่อง แต่แฟนบอกว่าไม่ได้ ให้ไปดู เราก็บอกเขาว่าผีทำแบบนี้ทำไม คุยกันไม่รู้เรื่องเหรอ คุยกันแล้วไง

 

พี่พูดไม่ดีใส่เขามั้ย?
สมชาย :
  ขณะเหตุเกิดไม่ได้พูดดีแบบนี้ ก็พูดตามประสาเรา ทำไมมึงพูดไม่รู้เรื่อง 

 

แหวด : ถามว่าตะคอกไหม คงไม่ได้ตะคอก เพราะมันอยู่ข้างลำโพงเลย อยู่ทางขึ้นเลย

 

สมชาย : ก็บอกว่าถ้าน้องไม่ขึ้นก็เสียหาย ถ้าพี่ไม่มาดูแล แล้วน้องกลับไป น้องสองคนจะว่ายังไง ผมก็พูดลักษณะนี้ 

 

เขาบอกพี่สมชายไม่ได้เชิญจอยไป?
จอย :
เขาบอกเจ้าของงานไม่ได้เชิญไป เขาไมได้รู้เรื่องด้วย หนูว่าไม่ใช่นะ 

 

สมชาย : เราประสานงานกันมาแล้วสองวันก่อนดำเนินงาน แต่ขณะเดียวกันเราก็รู้ว่าน้องสองคนไม่พอใจกันมาประมาณปีสองปีแล้ว ขณะเดียวกันน้องตลกก็อยู่กับเรา เราก็บอกว่าเฮ้ย งานนี้น้องนี้จะมาด้วย จะมีปัญหาอะไรไหม เราก็ต้องถามเขาก่อน เขาก็บอกว่าถ้าลูกพี่มีความคิดเห็นเป็นแบบนี้ ผมให้เกียรติลูกพี่ ไม่เป็นไร ให้มาได้ ผมก็โอเค ไม่น่ามีปัญหาอะไร ก็บอกว่ามาร่วมงานกับผู้ใหญ่ได้ ไม่ใช่น้องไปโดยพลการอย่างที่เขาพูด ซึ่งก็สนิทกันพอสมควร

 

พฤติกรรมเขาจะมีผลเรื่องงานมั้ย?
สมชาย :
ผลการกระทำเขา ก็มีส่วนที่เขาทำไปแล้ว ที่ทุกคนตัดสินใจว่าสมควรทำอย่างไร 

 

หลายคนมองว่าถ้าเขาผิดจริง น่าจะตัดอนาคตตัวเองเหมือนกัน?
สมชาย :
ก็มีส่วนหนึ่งกับผลการกระทำของเขา 

 

ต่อไป ไปงานต้องเช็กหรือเปล่าว่าจะมีเขาด้วยมั้ย?
จอย :
หนูไม่จำเป็นต้องเช็กเขาหรือไม่เช็ก เพราะคนจ้างเราคือเจ้าภาพ เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นบ่อยหรอกค่ะ เพราะหนูไม่ได้ตั้งป้อมจะทะเลาะกับเขา แทบไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าเขาคือใคร ตลอดเวลาที่ทำงานมา 10-20 ปีไม่เคยทะเลาะกับใคร แต่ถ้าเราทะเลาะกับคนอื่นตลอด เวลาไปเวทีนี้อาจรู้สึกว่าเราจะเจอใครวะ เรารู้ว่าไม่ได้มีอยู่แล้ว อยู่ๆ มาโดนแบบนี้ ถ้าหนูไม่ได้ทำร้ายใครหนูก็ไม่มีอะไร 

 

ต่อไปอนาคตเจอได้?
จอย :
คงสวนกันค่ะถ้าเจอกัน 

 

แหวด : เราก็ตอบอนาคตไม่ได้ เพราะเราไม่รู้ว่าเขาสนิทเจ้าภาพไหม

 

จอย : ก็ขอให้เจอกันแล้วเป็นฝุ่น เป็นเงาผ่านกัน ไม่ต้องทะเลาะกัน หนูไม่ได้ตั้งเป้าว่าอย่าเจอนะ ระวัง หรือจ้องไว้ หนูไม่ได้คิดอย่างนั้น

 

ถ้าเขามาขอโทษ ไกล่เกลี่ย ยกกระเช้า?
จอย :
เป็นเรื่องพี่ทนายดีกว่า หนูไม่รู้ว่า ณ ตอนนั้นจะสะดวกคุยไหม เดี๋ยวค่อยว่ากัน

 

ตอนนี้ก็ยังไม่เปิดรับ?
จอย :
ตอนนี้มันใหม่มาก แต่อารมณ์ของคน นานๆ ไปก็อาจจะอะไรเนอะ เพราะคนวงการเดียวกัน ถ้าไม่ชอบกันก็ต่างคนต่างอยู่ หนูไม่ได้ผูกใจเจ็บว่าต้องเอาเรื่องคืน จะไปด่ากลับ ไม่ใช่ แต่ ณ เวลานี้คงยังค่ะ

 

เรื่องคดี ลักษณะแบบนี้จะยังไงต่อ?
ทนาย :
เป็นการคุกคามอย่างแน่นอน การชอบกันหรือไม่ชอบกันเป็นส่วนตัว ไม่ควรคุกคามใคร อันนี้คุกคามด้วยการใช้คำพูดรุนแรง ด่าทอ สองคือทำให้เขาอับอาย ขายหน้า ด้อยค่าตัวเอง สามเรื่องการใช้กำลังหรือเปล่า เห็นว่ามีการเดินเข้าไปหาลักษณะคุกคาม แต่มีคนไปห้ามไว้ อันนี้เราก็ไม่รู้ ก็ไปว่ากันต่อไป แต่ในเชิงกฎหมาย ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับใคร ชอบหรือไม่ชอบก็ไม่ควรทำ เราเจอคนชอบและไม่ชอบตลอดเวลาอยู่แล้ว ตรงนี้เราก็ต้องใช้กฎหมายจัดการ คุณจอยถูกคุกคามแน่นอน ส่วนเรื่องข้อหาเราจะรวบรวมกันอีกทีว่าคืออะไรบ้าง อันไหนยอมความได้ก็แล้วแต่คุณจอย ส่วนที่ยอมความไม่ได้ก็มี ก็ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนตร.จะรวบรวมพยานหลักฐานแค่ไหนก็เดินไปตามนั้น มันก็สุดที่คำพิพากษา กรณียอมความไม่ได้

 

โทษหนักยังไงบ้าง?
ทนาย :
ตอนนี้หมิ่นประมาทต่างๆ มีแน่นอน แต่โทษหมิ่นประมาท ก็ขออนุญาตไม่ลงในรายละเอียดดีกว่า เพราะเขาบอกว่าเขาไม่ได้ใสไมโครโฟนนะ แต่เป็นการกระทำต่อหน้าคนเยอะ แล้วเสียงดัง อยู่ที่เขาจะแก้ตัวยังไง หมิ่นประมาทก็หมิ่นแหละ แต่จะโฆษณาหรือไม่ต้องว่ากันอีกที 

 

ถ้ามีพิพากษาโทษให้ขอโทษผ่านสื่อจะเรียกร้องค่าเสียหายด้วยมั้ย?
ทนาย :
แน่นอน ความผิดที่เราแจ้งความร้องทุกข์เราใช้คดีอาญาเป็นหลัก ถ้าผิดจริง สารภาพหรืออะไรก็แล้วแต่ ฐานความผิดเสียหายจากอาญาแน่นอน ก็เกี่ยวพันทางแพ่งว่าคุณจอยจะเสียหายได้แค่ไหน ถ้าเสียหายหลักแสนหลักล้านก็ว่าไปตามนั้น ส่วนการจำคุกก็ว่ากันไป เพราะในการดำเนินคดีปกติ การจะพิพากษาแบบไหนต้องเกี่ยวเนื่องว่าเขาชดใช้เพียงพอกับที่เขาสำนึกหรือเปล่า ตรงนี้เป็นสิ่งที่ผู้พิพากษา ทนายควม อัยการจะทำงานร่วมกัน 

 

มีในใจว่าจะฟ้องแพ่ง?
จอย :
ตอนนี้ไม่ทราบว่ามีความผิดอะไรบ้าง แค่อยากชี้แจงให้ทุกท่านได้รู้ว่าเวลาคนเราทำอะไรแล้วเกิดความอาย ความเสื่อมเสีย อย่าทำแบบนี้กับคนอื่น แต่เรื่องราคาหนูไม่ได้คิด และหนูไม่ได้ทราบว่าทำอะไรได้บ้าง จริงๆ หนูไม่ได้ตั้งใจจะมีเรื่องกับใคร โดยปกติมาถึงตอนนี้ก็ไม่เคยมีใครมาชี้หน้าด่าหนู เพราะถ้าคนประเภทหยาบคายหนูไม่คบเลย ณ เวลานี้เลยไม่ได้คิดว่าจะเอาอะไรจากเขาไหม คิดไม่ออกจริงๆ สองสามวันนี้มึนไปหมด คิดอะไรไม่ออก 

 

ทนาย : คุณต้องคิดว่าการไปด่าทอศิลปินที่กำลังจะขึ้นเวที สิ่งที่เสียหายไม่ได้เสียหายแค่ไปด่าเขาอย่างเดียวนะ ศิลปินก่อนขึ้นเวทีก็ต้องมีอารมณ์ สมาธิ ในการเอ็นเตอร์เทน ขึ้นไปอารมณ์ดร็อป ความสามารถในการเอนเตอร์เทนก็ต่ำลง คนดูก็จะรู้สึกว่าอะไรวะ คุณภาพเขาก็ต่ำ นี่คือความเสียหายเขาทั้งหมดไม่ใช่ไปด่าใครก็ได้ คนเท่ากันก็จริง แต่อาชีพเรามันเสียหายไม่เท่ากัน 

 

มีตัวเลขในใจมั้ย?
จอย :
ยังไม่คิดเลย ประเด็นไม่ใช่อยากได้เงิน แต่อยากเรียกร้องความเป็นศิลปิน คนสาธารณะให้ศิลปินคนอื่นที่จะโดนแบบหนู เป็นตัวอย่างเคสสตัดดี้ ไม่ได้คิดเรื่องเงินจริงๆ แล้วไม่มีความโกรธแค้นส่วนตัวจะเอาให้หนัก ให้พี่ๆ หรือทุกท่านที่ฟังตัดสินเอง ไม่ใช่ความผิดที่หนูจะบอกได้ว่าเขาผิดมากผิดน้อย แต่สิ่งที่เสียใจคือเขาจะไม่ขอโทษกับสิ่งที่ตัวเองกระทำ มันแย่มาก เสียใจมาก ไม่อยากให้เขาทำแบบนี้กับคนอื่น แล้วไม่อยากให้สถานที่อื่น คนอื่นเป็นแบบนี้กับหนูเหมือนกัน

 

มีอะไรอยากบอก?
จอย :
การกระทำไม่ว่าจะเกิดจากการมีสติหรือไม่มีสติก็ดี ผลของการกระทำที่ทำไปแล้ว ก็มักย้อนกลับมาทำให้ตัวเองเกิดความเสียหายอย่างที่เขากำลังเป็นอยู่ ณ ตอนนี้ ไม่ว่าคุณจะหลีกเลี่ยง ใช่หรือไม่ใช่ก็ตาม แต่ถ้าวันไหนพิสูจน์ได้ ก็ต้องยอมรับกับการกระทำนั้นค่ะ

 

แหวด : จริงๆ เราก็ไม่ได้อยากเป็นข่าว เราพยายามเงียบแล้ว แต่พี่สาวเป็นคนให้ข่าวก่อน พี่ฮายรับรู้จากพี่จอย หนูไม่ได้เล่าอะไรให้พี่ฮายฟังเลย จนเกิดเรื่อง พี่จอยก็บอกว่าทำไมไม่เล่าให้พี่สาวฟัง หนูว่าหนูน่าจะเคลียร์ได้

 

จอย :   เราก็ไม่ได้เล่าให้เขาฟัง พี่เล่าให้ครูบอยฟัง

 

แหวด : ครูบอยก็เอาไปสื่อสารกับพี่ฮาย หนูก็บอกว่าหนูเคลียร์ได้ ไม่ต้องถึงเจ๊ เขาก็บอกว่ามันว่าอะไรบ้าง หนูก็เลยเล่า หนูไม่ต้องด่าแล้วเนอะ เขาก็พูดว่ามึงยอม แต่กูไม่โอเค เหมือนมันเหยียบหน้ากูเลยนะ มันด่ามึงก็เหมือนด่ากู ทำกับจอยก็เหมือนทำกับศิลปินคนอื่น เขาบอกว่าเดี๋ยวต้องทำให้เป็นตัวอย่าง จริงๆ เขาไม่ได้อยากเปิดเผยชื่อหรอก แต่ ณ วันนั้นเชื่อว่าพี่ฮายก็ต้องโกรธ 

 

จอย : คำมันรุนแรงมาก

 

แหวด : เอาตรงๆ หนูรับได้นะ เพราะหนูก็พูดคำหยาบอยู่แล้ว  แต่ ณ ตอนนั้นมันหยาบจน พี่กูก็ไม่เคยทำ แม่ก็ไม่เคยด่าขนาดนี้

 

จอย : มันอยู่ในช่วงอารมณ์ การชี้หน้าการโมโหมันแรง

 

แหวด : หนูเสียใจตรงที่ว่าเขาพุ่งเข้ามา ถ้าไม่ได้พี่อาปาเช่ดึงเขาไว้ หนูก็อาจเจ็บตัว 

 

จอย : โดนไปก่อนหน้านั้นนิดนึง 

 

แหวด : หนูโดนไปก่อนหน้านั้นนิดนึง ก่อนที่ทุกคนจะเห็น เพราะจอยอยู่กับหนูก่อนหน้านั้น

จอย บียอนด์ - แหวดศรี
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ