'อุ้ม ลักขณา' โสดแล้วแซ่บ เตรียมอัปอึ๋มอีกรอบ เรื่องขนาดคงไม่ใหญ่เท่าเดิม

"ตอนนี้ก็กลับสู่เมืองกรุงค่ะ มาอยู่เป็นสาวกรุงเทพฯ เหมือนเดิม เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ดูแลลูก คัมแบ็กกลับมาทำงานเสื้อผ้าขนกลับ รถ 6 ล้อกลับมา เสื้อผ้า ของใช้ที่เป็นของเรากับลูก แต่ก็มีบางอย่างที่เอาไว้ที่เชียงใหม่ เผื่อปิดเทอมลูกกลับไปเที่ยวบ้าง

 

 

ตัดสินใจนานค่ะ ทุกอย่างใช้เวลา ไม่ใช้แค่อารมณ์ในการตัดสินใจ ต้องใช้สติและคิดไตร่ตรองให้ดี เพราะมันเป็นเรื่องที่ว่าไม่ใช่อนาคตอุ้มคนเดียว มันคืออนาคตของลูกด้วย อย่างที่บอกว่าไม่มีใครอยากให้ลูกไม่อยู่ครบพร้อมหน้าครอบครัว สุดท้ายมันก็ถึงทางที่เราทั้งสองคนตัดสินใจร่วมกันแล้ว คุยกันก็ 3 เดือนกว่าที่ได้พยายามทุกอย่างแล้วค่ะที่จะให้มันออกมาสวยงามที่สุดสำหรับความสัมพันธ์ของเราสองคน ที่มันจะไม่ท็อกซิกใส่กัน ไม่โกรธ ไม่เกลียดกันสามารถทำหน้าที่ของการเป็นพ่อแม่ได้เพื่อลูก 

ส่วนปัญหาในการตัดสินใจคิดว่าไม่น่าจะต้องพูดถึงแล้วค่ะ เพราะคิดว่าทุกคนน่าจะพอรับทราบเรื่องราวที่มันเกิดขึ้นแล้ว เหตุผลที่ตัดสินใจก็อย่างที่พูดไปเยอะแล้วเหมือนกันในรายการ สุดท้ายแล้วมันคือเรื่องของคนสองคนที่คิดไปคนละทาง เลือกคนละทาง แล้วก็หาจุดจบว่าจะเป็นยังไง สุดท้ายจุดจบมันก็คือการที่เรามาทำหน้าที่ของพ่อกับแม่ให้ดีที่สุดเพื่อลูกดีกว่า

 

 

เหตุผลที่เรายอมรับไม่ได้ อุ้มว่ามันก็มีแค่ไม่กี่เรื่อง สำหรับหัวอกคนเป็นเมีย หัวอกคนเป็นแม่ที่จะรับไม่ได้ (มีหลายครั้ง?) เราคงไม่ต้องลงดีเทลขนาดนั้นว่าจะมีกี่ครั้ง แต่มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วมันยาด ก่อนตัดสินใจเรารับรู้ปัญหาและทบทวน เราตั้งสติก่อน อันดับแรกพอรับรู้เราก็มีการคุยกัน เรากลับมาอยู่บ้าน กลับมาอยู่ในที่เซฟโซนของเราก่อน พอเราสองคนสงบในเรื่องของอารมณ์ทั้งคู่ เราก็มาใช้เหตุผลคุยกันว่าเหตุที่เกิดขึ้นเพราะอะไร การแก้ไขคือยังไงทางออกคืออะไร สุดท้ายมันก็จบตรงที่เราสองคนจดทะเบียนหย่ากันเรียบร้อย

แทบทุกครั้งเวลาที่มีปัญหาอุ้มไม่มีใครเลย เพราะว่ามีแค่เขาอยู่แล้ว เราไม่ได้มีเพื่อนหรือสังคมที่โน่น แต่อุ้มจะคุยกับพ่อแม่ตลอดทุกเรื่อง พอมีเรื่องอะไร คุณพ่อ คุณแม่ น้องสาว น้องชาย โชคดีที่ตอนนั้นมีปัญหาน้องชายอยู่ด้วย อย่างน้อยเราก็มีน้องชายที่เป็นคนในครอบครัวเราตรงนั้นค่ะ

 

 

ถามว่าเขาขอโอกาสในการแก้ตัวไหม ขอโอกาสไหมเหรอคะ อืม…มันไม่ได้มีการกระทำที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ทำให้เราสัมผัสได้ ว่ามันคือการขอโอกาสแก้ตัว มันเป็นเพียงแค่คำพูดเฉยๆ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับการกระทำไหมคะ เหตุที่มันเกิดก็คือการกระทำ เพราะฉะนั้นการแก้ไขมันก็ต้องเป็นการกระทำ ทุกอย่างเราดูที่การกระทำ เขายอมรับความผิดตอนที่คุยกัน

 

 

ที่เขาโพสต์ว่าอยากซ่อมบ้าน คนก็ตีความว่าเหมือนจะง้อเรา คือเขาก็ลงโซเชียลของเขาเอง แต่เขาไม่ได้มาพูดอะไรกับอุ้ม คือเราไม่ได้ฟอลฯ กันและกันค่ะ อุ้มก็ไม่ได้ทราบว่าตัวเขาจะโพสต์อะไรเมื่อไหร่ ยังไง แล้วอุ้มก็ไม่ได้ติดตามกันตอนย้ายกลับมากรุงเทพฯ ก็คุยกันเรื่องลูกค่ะ ทุกอย่างก็คือคุยเรื่องลูกอย่างเดียว เพราะว่าเขาก็เป็นคนดูแลน้องดิสนีย์ ตามสัญญาที่เราตกลงกัน

 

 

ถามว่าเขาอยากซ่อมบ้าน เรารู้สึกยังไง อย่างที่อุ้มบอกค่ะ บ้านใหม่ Only (หัวเราะ) โน รีโนเวทค่ะ รีโนเวทมันก็มีรอยร้าว รอยร้าวนั่นจะให้ทำยังไงอ่ะคะ ยาแนวเราเห็นอยู่ดี ทุบบ้านทำบ้านใหม่ เราก็ยังอยู่ตรงนั้น เพราะฉะนั้นเราก็บ้านใหม่ Only ค่ะ (หัวเราะ) อย่างที่อุ้มบอกค่ะ ทุกอย่างต้องดูที่การ กระทำ ระหว่างทางก่อนที่เราจะย้ายกลับมา มันมีเรื่องของการกระทำ เราดูที่การกระทำอย่างเดียว คำพูดใครๆ ก็พูดได้ เขาพูดได้ทุกอย่าง ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับการกระทำเพราะฉะนั้นเราเชื่อการกระทำมากกว่า ณ วันนี้วันที่เราได้มูฟออกมากแล้ว เราก็ดูที่การกระทำเหมือนกัน

 

 

ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งนะคะ เราต้องรักตัวเองค่ะ เราต้องเห็นคุณค่าของตัวเอง เพราะอุ้มรู้สึกว่าอุ้มอาจจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีที่สุด ไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ไปทุกเรื่อง แต่เรื่องความรักความซื่อสัตย์ ความใส่ใจ การเสียสละทุกสิ่งทุกอย่าง อุ้มถือว่าอุ้มได้มอบให้กับเขาไปหมดแล้ว หมดทั้งหัวใจจริงๆ หมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นที่เราไม่ได้อยู่กับครอบครัวเรา ทิ้งครอบครัว ทิ้งงานในวงการ พี่ๆ สื่อก็ไม่เคยเจออุ้มเลยตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เราทิ้งแล้วก็ฝากทุกอย่างไว้กับเขาจริงๆ แต่ในเมื่อเขาไม่ได้เห็นคุณค่า และมันได้ทำลายลงไปแล้ว จบไปแล้ว เพราะฉะนั้นทางออกที่ดีที่สุดก็คือเราต้องเป็นพ่อและแม่ที่ดีให้ลูกแค่นั้นเอง

 

 

สภาพจิตใจเอาจริงๆ มันก็ดีขึ้นนะคะ เพราะว่าอุ้มมียาใจก็คือน้องดิสนีย์ แล้วเขาเป็นเด็กที่ซัพพอร์ตเราตลอดทุกเรื่องทุกอย่าง อุ้มเลี้ยงดิสนีย์มาด้วยมือของอุ้มเองด้วยน้ำพักน้ำแรงด้วยใจของอุ้มจริงๆ เพราะฉะนั้นเขาอยู่กับเราเสมอเลยเรามีกำลังใจในทุกๆ ที่จะใช้ชีวิตต่อไป เพียงแต่ว่า ณ วันนี้สถานะภาพของเราสองคนไม่เหมือนกันเดิมแล้ว ดิสนีย์ก็เข้าใจนะคะ ตอนแรกบอกว่าบ้านพัง (ยิ้ม) เขาก็ถามทำไมต้องย้ายบ้านทำไมต้องมาเรียนที่กรุงเทพฯ เพราะเมื่อก่อนเวลามากรุงเทพฯ คือมาเที่ยวหาอากง อาม่า แต่บ้านเขาเพื่อนเขาโรงเรียนเขาอยู่เชียงใหม่ทำไมหม่าม้าต้องพาเขาออกมาจากตรงนั้น ก็บอกเขาว่า เห็นไหมบ้านรอยร้าวเต็มไปหมดเลยลูก บ้านจะพังแล้วเราต้องซ่อมบ้าน เขาก็บอกแล้วปะป๊าล่ะ ทำไมปะป๊าไม่มาด้วย ก็บอกอ่อปะป๊าอยู่ซ่อมบ้านกับเจ่เจ้นะ ดิสนีย์ไปอยู่กับหม่าม้ากับอากงที่กรุงเทพฯซึ่งเขาก็ค่อนข้างเข้าใจ (ให้น้องรู้แค่นี้ไปก่อน?) ใช่ค่ะ เพราะเขาก็ยังเด็กอยู่ก็ไม่ได้ลงรายละเอียดลึกมาก

จริงๆ ดิสนีย์เขาติดอุ้มอยู่แล้วค่ะ เพราะว่าอุ้มนอนกับเขามาตลอดเลี้ยงเขามาตลอด เขาเลยไม่ได้พูดถึงอะไรเยอะ การที่ต้องแยกทางกันเราเป็นห่วงลูกในอนาคตไหม เอาจริงๆ ตอนแรกเป็นห่วงมากว่าเขาจะมีปัญหาไหมแต่พอสุดท้ายแล้วเราได้พูดได้คุยได้บอกเขาอธิบายให้เขาฟังจริงๆ เด็กเขาค่อนข้างเข้าใจและโตมากๆ คือเขาได้เห็นโมเมนต์ที่อุ้มทุกข์ร้องไห้เศร้าเขาก็ใจไม่ดีแต่พอวันที่อุ้มเข้มแข็งไม่ร้องไห้แล้วและมีพลังในการที่จะดูแลเขาได้เหมือนเดิมเขาก็มีความสุขเหมือนเด็กได้พลังที่เราส่งไปให้เขามันมีผลต่อเด็กมาก ถ้าพ่อแม่มานั่งทะเลาะต่อหน้าลูกจะดีไหม เสียงดัง ด่ากันต่อหน้าลูกให้ลูกเห็น ลูกไม่มีความสุขแน่นอน ลูกก็จะอยู่ในสิ่งท็อกซิกและผลกระทบจะตกถึงลูกแต่ถ้าวันนี้เราเป็นพี่น้องกันเราเป็นเพื่อนเป็นแค่พ่อกับแม่ให้ลูกกลายเป็นว่าบรรยากาศในบ้านมันก็ไม่ตึงเครียดแล้วลูกเขาก็แฮปปี้เขาก็จะได้พลังดีๆ ในการใช้ชีวิตของเขา (ยิ้ม)

 

 

ตั้งแต่ย้ายกลับมากรุงเทพฯ เขายังไม่ได้มาหาลูก แต่ว่าเขาจะมาตอนดีสนีย์จะเปิดเทอม เขาจะมาส่งดีสนีย์เข้าโรงเรียนด้วย ก็มีการคุยกันว่าถ้าเขาอยากจะมาหาลูกบ้าง ช่วงศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ อุ้มก็ไม่ได้กีดกันไม่ให้มา ไม่ให้เจอดูตามวาระความเหมาะสม ถ้าเราว่างเราพาลูกไปเจอเขาได้ เขาก็ซื้อคอนโดที่กรุงเทพ เพื่อเวลามาหาลูก ลูกจะได้ไปอยู่กับเขาบ้าง ส่วนเราเจอได้ ตอนที่อยู่เชียงใหม่ก็อยู่บ้านหลังเดียวกัน อยู่ด้วยกันในระหว่างที่มีปัญหาที่เราเลิกรากันแต่เราแยกส่วนกัน เขาอยู่อีกหลัง อุ้มอยู่อีกหลัง ณ วันนี้ให้อภัยเขาหรือยัง ทุกอย่างต้องใช้เวลาค่ะ ที่แน่ๆ ก็คือมูฟออนค่ะ บ้านที่ดีคือบ้านใหม่ ก็อยากจะมีแต่ยังไม่มี ยังไม่ได้เปิดใจ อุ้มยังไม่ได้เข้มแข็ง ยังไม่แข็งแรงพอจะมีความสัมพันธ์ครั้งใหม่ รู้สึกว่าเรายังไม่อยากเอาใครเข้ามาในความสัมพันธ์ตอนนี้ในขณะที่เรายังไม่เข้มแข็งพอ มันจะทำให้ทุกอย่างมันไม่ราบรื่น มันจะไปได้ไม่สวย 

 

 

อุ้มไม่ได้โฟกัสเรื่องความรักเลยค่ะ โฟกัสแต่เรื่องลูก เรื่องงาน เรื่องชีวิตดีกว่าอนาคตต่อไปเป็นอย่างไรเพราะเราก็อายุมากขึ้นทุกวัน ถ้ามัวนั่งคิดเสียดายอดีต ทำไมอย่างนั้นอย่างนี้ เราจะไม่ได้เดินหน้า ตอนนี้ต้องเดินหน้า ต้องทำงานต้องหาเงิน ต้องเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด และมีความสุขที่สุด ส่วนตัวก็ต้องสวยที่สุด แซ่บที่สุด ไอ้เรามันก็คนคลั่งรักซะด้วยเราก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นคนคลั่งรัก แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาต่อไปนี้ก็จะไม่คลั่งรักแล้วค่ะ ต้องมีสติ เราเอาลูกเป็นหลักถ้าจะมีใครสักคนเข้ามาคนๆ นั้นต้องรักลูกเรา และลูกเราต้องรักเขา และดีสนีย์บอก มะม้า ดีสนีย์ขอโอปป้านะ เขาชอบเกาหลีเพราะอุ้มดูซีรีส์เกาหลีเขาก็จะบอกว่าเอาแบบคังโฮได้ไหม คือสายเกาก็โอเค แต่คนเชียร์ไปสายฝอเยอะ อยากรู้ว่าหาที่ไหนคะ ต้องหาที่ไหนกัน

 

 

ด้วยความที่อายุแม่ก็ขนาดนี้แล้ว ก็คิดไม่ออกเลยจะกินเด็กจะยังไง (หัวเราะ) เด็กเขาว่าเรามีลูกแล้วไหม เอาจริงก็ยังคิดไม่ออกเลย แต่ต่อไปนี้ขอให้เจอคู่บุญคู่บารมี ถามว่ามูไหม ก็ไม่ได้มูเรื่องความรักเลย ขอคู่บุญบารมี ขอหมดเวรหมดกรรมกับคู่เวรคู่กรรมแค่นั้น ไม่ได้สาป เราสายบุญไง แต่เราไม่ได้ I told พระแม่ลักษมีนะ แต่ที่บูชาที่บ้านเลย มีหลายองค์ เกือบร้อยองค์ค่ะ ตอนนี้ก็กลับมารับงานแล้วนะคะ ก็มีติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ เราก็อยากทำงาน แต่ต้องดูเรื่องเวลาด้วย ลูกเราก็เลี้ยงเขามาตลอด เราเองก็คิดเยอะ กลัวเขาน้อยใจ เสียใจ เรื่องว่าเราไม่มีเวลาให้ไหม ก็ต้องบอกเขาว่าแม่จะไปทำงาน ก็มีงอแงบ้างตามประสา ไม่แน่นะอาจจะผลักดันลูกเข้าวงการเลย (ยิ้ม)

 

หลังถอดหน้าอกออกจะไม่แซ่บเหมือนเดิมไหม รอดูแล้วกันอาจจะคัมแบ๊กกลับมา ถอดเข้าถอดออกเป็นเรื่องง่าย(หัวเราะ) มีความคิดค่ะ คืออย่างที่บอกคนเราต้องรักตัวเองเมื่อก่อนรักผู้ชายมาเยอะแล้วแล้วก็คิดว่าแขวนๆ ไปเถอะยังไงก็ไม่คิดจะมีใหม่อยู่แล้วและเขาก็เคยเห็นเรามาหลายเวอร์ชั่นแล้ว ด้วยเรื่องสุขภาพเราด้วยแต่ ณ ตอนนี้ถ้าเราต้องกลับมาทำงานเราจะนมห้อยนมเหี่ยวไม่ได้เราจะมานมใส่เสื้อผ้าแล้วไม่อยู่เราก็อาจจะต้องคัมแบ๊กคืนวงการกลับมาด้วยความที่เราต้องขายความเป็นอุ้ม ลักขณา ความเป็นคาแร็กเตอร์เราด้วย อย่างที่ผ่านมาเราไม่ได้รับงานแต่ในเมื่อตอนนี้กลับมารับงานอุ้มก็จะกลับมาคัมแบ็กค่ะ จะกลับมาไซส์เดิมเลยไหม ไม่เท่าเดิมค่ะ เดิมมันใหญ่เกินไป(หัวเราะ) ไม่ไหวปวดหลังอาจจะแค่มินิมอลมินิใจ รอชมเลย (ยิ้ม)"