สุดซึ้ง 'ชาย ชาตโยดม - มิค บรมวุฒิ' กอดคอเล่า ทั้งน้ำตา ถึงเรื่องในครอบครัว
"ชาย ชาตโยดม" เปิดความสำเร็จในฐานะนักแสดงตัวพ่อของเมืองไทย ขึ้นจุดสูงสุดของอาชีพ ต้องแลกอะไรบ้าง ควงคู่น้องชาย "มิค บรมวุฒิ" เผยนาทีเซอร์ไพรส์ ทำน้ำตาแตกกลางรัชดาลัยเธียเตอร์ มุมลึกๆ พี่น้องสุดซี้ สามารถแก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันได้ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow
สามารถแก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันได้ จริงมั้ย?
ชาย-มิค : จริง
พี่ชายประสบความสำเร็จจุดสูงสุดทางการแสดง?
ชาย : ยังไปได้อีก
ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยตก แต่ปีนี้พีคหลายอย่าง?
ชาย : ด้วยความบังเอิญด้วยแหละด้วยหลายๆ งานถ่ายพร้อมๆ กันมาเรื่อยๆ พอออกอากาศก็มาพร้อมกันทีเดียว กลายเป็นว่าตอนนี้งานเยอะ มันถ่ายมาเรื่อยๆ เป็นช่วงจังหวะมากกว่า
ไม่ใช่แค่เยอะ ที่สำเร็จเป็นเรื่องที่ทุกคนพูดถึง ไม่ใช่แค่คนดูละคร มีคุณพ่อคุณแม่ปู่ย่า แม้แต่ลูกหลานก็ดูละครพี่ชาย และชื่นชมบทบาทพี่ชาย ตีบทแตก รู้สึกยังไง?
ชาย : ดีใจที่งานที่เราตั้งใจ เราเต็มที่กับงานมาตลอด แต่ไม่ได้ไปทัชใจกับทุกคนทุกบทตลอด แต่เรื่องนี้มีอะไรสักอย่าง องค์ประกอบรวมเข้าถึงจิตใจ ไม่ได้ให้แค่ความบันเทิงอย่างเดียว เข้าถึงจิตใจใครหลายคนด้วย ตอนเล่นมันส์มาก ชอบที่อยู่ในกองแล้วได้ปลดปล่อยเต็มที่ (หัวเราะ)
พี่มิคเม้าธ์สิ มีคนเม้าธ์พี่ชายมั้ยกับการรับบทนี้?
มิค : เม้าธ์ในทางที่ดี เช่นเล่นเหมือน แต่ก่อนหน้าจะมาออนแอร์พร้อมกัน เราคุยกันเยอะ พี่ชายรับหลายเรื่อง แต่ปรากฎว่าจังหวะมากกว่าที่ได้มาออกอากาศพร้อมกัน มันเป็นช่วงพีคที่เหมือนกับว่าหมอหลวงกำลังสนุก ก็ต่อด้วยละครเวที ต่อด้วยมาตาลดา เขาโชคดีมากที่มันผลักขึ้นอย่างเดียว มันคุ้มมากกับช่วงก่อนที่ถ่ายทำเยอะ จังหวะชีวิตคือดีมาก
มีอินติดกลับบ้าน?
ชาย : ชายเป็นอย่างนั้นของชายอยู่แล้ว ต้องให้กี้ (วิกกี้ สุนิสา) มาออกอีกคน เขาจะบอกเลยว่าอยู่ที่บ้านก็เป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้เลย เป็นพี่ชายที่เห็นในจอ
มิค : พี่ชายเป็นคนที่มีความเป็นผู้หญิงในตัวสูง
ชาย : กี้จะเป็นคนแมน ชายจะมีความเป็นผู้หญิงสูง เช่นทำกับข้าว เลี้ยงลูก
มิค : ร้องไห้ก็ไปก่อนทุกคน เป็นสไตล์เขา
ชาย : ตั้งแต่เด็ก เวลาเดินจะทิ้งก้น แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันผิดปกติ จนกระทั่งโตแล้วเข้าวงการ ช่วงนายแบบก็โดนทักว่าทำไมเดินทิ้งก้นตลอดเวลา เราก็บอกว่านี่เราเดินปกติ ธรรมชาติที่เดิน จนต้องมาเซ็ตใหม่
ตลอดเวลาที่พี่ชายยังไม่แต่งงาน หลายคนก็สงสัยอยู่แล้วว่าพี่ชายเป็นมั้ย พอมาเล่นเรื่องนี้เหมือนตอกย้ำว่าหรือว่า..?
ชาย : (หัวเราะ) กี้ยังถามอยู่ทุกวันนี้ว่าใช่ใช่มั้ย ถ้าจะบอกอะไรก็บอกตอนนี้ได้เลย เพราะเราสามารถเลี้ยงลูกด้วยกันได้ พี่ชายอยากมีชีวิตในแบบพี่ชายก็ไม่เป็นไร แต่เราเลี้ยงลูกด้วยกัน เวลาทำก็ทำต่อหน้ากี้นั่นแหละ ปัญหาอย่างนึงคือเดินใส่ส้นสูงไม่เป็น พอไปฟิตติ้งมารู้ตัวอีกทีคือเดินไม่ได้เลย ก้าวขาไม่ออก เลยขอรองเท้าส้นสูงเขามาเดินที่บ้าน ก็กี้นั่นแหละที่เป็นโค้ชให้ เดินยังไง แล้วก็สับๆ จนเข้าที่เข้าทาง
มิค : ทุกวันนี้เอาไปคืนหรือยัง
ชาย : ยัง ยังเก็บอยู่ (หัวเราะ)
อาชีพเราทำให้พ่อแม่ภูมิใจได้แล้ว?
ชาย : เมื่อก่อนตอนเด็กๆ เคยคิดเลยนะ เด็กๆ หาจุดมุ่งหมายในชีวิตไม่เจอ โตจนเข้ามหาวิทยาลัย ยังไม่รู้เลยว่าอยากเรียนอะไร อยากไปทางไหน ตอนนั้นคิดอย่างเดียวเลยว่าเราเรียนอะไรที่พ่อแม่ภูมิใจแล้วกัน พ่อแม่ไปคุยกับเพื่อนๆ ได้อย่างสมมติลูกเป็นหมอก็เท่ดีนะ คิดแค่นั้นจริงๆ เลยนะ สาบาน แล้วเลือกเรียนวิศวะ เพราะคิดว่าถ้าพ่อแม่ไปคุยกับเพื่อน ก็คงจะเท่ แต่พอมาเริ่มทำงานในวงการก็ฝังใจอยู่ตลอดเหมือนกันว่าพ่อแม่จะโอเคมั้ย เขาโอเคกับสิ่งที่เราทำหรือเปล่า เพราะมันนานแล้วนะ เราทำจะ 30 ปีแล้วนะ จนเรื่องนี้แหละ คุณแม่ไลน์มาทุกวันว่าเพื่อนแม่โทรมาหานะ เพื่อนพ่อไลน์มาบอกนะว่าดูละครชายแล้วเก่งจังเลย มันเพิ่งได้สัมผัสความรู้สึกตรงนี้ว่าพ่อแม่ภูมิใจในอาชีพของเรา
เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนรักตัวพ่อเกรซมากๆ ทั้งที่ไม่ใช่ตัวละครที่หลายคนจะได้เล่น อยากถามว่าครั้งแรกที่ตัดสินใจรับ?
ชาย : ไม่ได้คิดอะไรเลย ปกติถ้าพี่จ๋า ยศสินี บ้านอาจิ๋ม มยุรฉัตร โทรมา จะเล่นทันที ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งพี่จ๋าบอกว่าให้ฟังก่อน จะเล่นเป็น LGBTQ+ นะ เราก็โอเค สนุกดี เขาบอกใจเย็นฟังก่อน แต่ว่ามีลูกด้วยนะ เราก็เออ ได้ยังไง ฟังก่อน เป็นเจ้าของแดรกโชว์และเป็นแดรกควีนด้วยนะ เราก็เริ่มเอาใหญ่แล้ว (หัวเราะ) เริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ แต่ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าจะสนุก พอได้ทำจริงๆ ก็เต็มที่
พี่มิคเข้าวงการใกล้เคียงกับพี่ชาย?
ชาย : ก็มาคู่กันเลย แรกๆ ชายเริ่มเล่นละคร เริ่มเข้าวงการ มิคก็ไปกองถ่ายด้วยกัน
มิค : ถ่ายโฆษณา
ถามจากใจ เวลาเป็นนักแสดงทำอาชีพเดียวกัน แต่บทบาทไม่เหมือนกัน โดนเปรียบเทียบกับพี่ชาย น้อยใจมั้ย?
มิค : มีเคยโดนเปรียบเทียบเพราะเล่นบทไม่เหมือนกันตั้งแต่แรก พี่ชายเขามีความเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้ว อย่างละครเรื่องแรกที่เล่นด้วยกัน เป็นเรื่องที่สามในชีวิตมิค พี่ชายเล่นเป็นพี่ คู่ที่หนึ่ง เราเล่นเป็นคู่สอง เรื่องนั้นพี่ชายเล่นกับวิกกี้ พี่เล่นกับจอย ชลธิชา ไม่ได้ทับไลน์กันอยู่แล้ว บทที่มิคได้รับก็เฮฮาซะมากกว่า ไม่ค่อยโดนเปรียบเทียบ จะมาช่วงหลังเสียมากกว่า ที่แข่งกันเล่นบท LGBTQ เพราะว่ามันเคยเป็นบทของเรา แล้วทุกคนมาถามเราว่าเสียใจมั้ยไม่ได้เล่นมาตาลดา เราก็เสียดายนะ เพราะจริงๆ มันเป็นบทของเรา
ชาย : เดี๋ยวๆ
มิค : แต่พอดูเขาเล่นแล้ว ให้เขาเล่นเถอะ เหมาะกับเขากว่าเยอะเลย
ชาย : ละครเรื่องแรกในชีวิตเล่นเป็นเกย์นะ กับพี่หมิว รักเล่ห์เพทุบาย
มิค : ถึงได้บอกว่าคนเพิ่งมาคิดไม่แปลก เพราะเขาเข้าวงการเรื่องแรกก็เล่นเป็นเกย์เลย และไม่แปลกไปอีก เพราะเมียเขายังถามเลยว่าเขาเป็นมั้ย ตั้งแต่เกิดน้อยใจมันอย่างเดียวจนถึงวันนี้ คือความสูง ไม่แบ่งความสูงมาให้กูเลย เคืองเรื่องนี้ (หัวเราะ) ทำไมชายสูงแล้วมิคเตี้ย
ชาย : ทุกคนในครอบครัวไซส์มิคหมดเลย
มิค : ซึ่งพ่อแม่เก่งมาก เก็บมาเลี้ยงได้หน้าตาเหมือนคนในบ้านหมดเลย
ชาย : (หัวเราะ) ฝั่งคุณตาจะสูง ข้ามรุ่นมาได้คนเดียว
มิค : แล้วขโมยนมทุกคนกินตอนเด็กๆ ไง รู้งี้ตอนนั้นนอนขโมยนมเหมือนเขาก็คงดี (หัวเราะ)
ตั้งแต่เข้าวงการไม่เคยมีปมในใจ?
มิค : ไม่มี ถ้าเทียบกับพี่เรา แต่ถ้ากับคนอื่น กล้าพูดว่ามี สมมติบทนี้ ผู้จัดติดต่อมาว่า เหลือมิคกับคนนี้อาจเสียใจ แต่ถ้าบทอย่างเรา ขอให้พี่ตั๊ก บริบูรณ์เล่นได้มั้ย อย่างนี้ไม่โกรธ เพราะรู้เลยมันทำดี แต่ถ้าเปรียบเทียบกับพี่ชาย ไม่เคยโกรธเลย เรายิ่งส่งเสริม แต่อาจใส่ยาพิษในน้ำนิดหน่อยให้ขี้แตกบ้าง (หัวเราะ)
เบนซ์ : พี่น้องเขารักกันมา แต่เวลาเราเดินไปกับพี่มิคเขาจะชอบมาแซว ว่าชายเล่นละครดี ทำไมเธอไม่เล่นละครกับเขาบ้าง เขาอาจไม่รู้สึก แต่เราก็แบบ ทำไมต้องมาว่าพี่มิคด้วย เขาไม่คิดมันก็โอเค แต่เราเป็นห่วงนางว่าเขาโอเคมั้ย
มิค : เวลาพี่ชายทำดีเราก็ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
ภูมิใจความเป็นพี่มิคอยู่แล้ว?
มิค : ไม่ต้องเปรียบเทียบกับใคร เหมือนตีกอล์ฟ แข่งขันกับตัวเองดีกว่า อย่าไปแข่งกับคนอื่น เพราะบางทีโอกาสมาไม่พร้อมกัน บทก็อาจไม่เหมาะกับเรา
พี่ชายเคยได้ยินคอมเมนต์แบบนี้มั้ย?
ชาย : ไม่เคยมีคนมาพูดแบบนี้ แต่ถ้าพูดแบบนี้กับชาย ชายรู้สึก เพราะไม่อยากให้ใครมาเปรียบเทียบเหมือนกัน เพราะน้องชายก็สนับสนุนชายเต็มที่ เหมือนทุกคนในครอบครัว ต่างคนต่างสนับสนุนซึ่งกันและกัน ถ้ามีคนพูดก็คงไม่ชอบ แต่ยังไม่มีใครพูด
มิค : ถ้ามีคนมาพูดต่อหน้าพี่ชายว่าพี่ชายเล่นดี แต่มิคเล่นไม่ได้เรื่อง เชื่อว่าพี่ชายจะมีคำพูดดีๆ กับคนนั้นที่มาทัก
เรื่องความสูง รู้มั้ยว่าเขาน้อยใจ?
มิค : ไม่รู้ก็บ้า
ชาย : เราก็ทับถมกันเต็มที่ (หัวเราะ)
เคยบอกพี่ชายหรือยัง หลังละครเวทีประสบความสำเร็จ ปลื้มใจกับเขาแค่ไหน?
ชาย : ตอนขึ้นละครเวทีก็มาเพื่อซัปพอร์ต ไม่ได้มาแค่ครั้งเดียว มาดูละครทีวี 3-4 ครั้ง
มิค : มันจุกมาถึงนี่ วันแรกรอบพรีวิล ไปดู พ่อแม่ไป น้าๆ ไปกันหมด มันจุกตรงคอ พูดอะไรไม่ได้ เพราะร้องไห้แน่ พูดได้คำเดียวพร้อมเบนซ์ว่าโอ้โห รวย หลังจากนั้นก็เดินไปกอดเขา เชื่อว่าพี่ชายรู้อยู่แล้วกับความภาคภูมิใจที่พี่ชายได้ทำ เราให้อะไรเขาไม่ได้หรอก นอกจากกำลังใจ เพราะรู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันยิ่งใหญ่ เหมือนข้ามมาอีกสเต็ป คนอาจจะว่ามิคก็ได้ว่าอวยพี่ แต่ตอนที่เขาเล่นฉากที่เขาจะตาย มิคเห็นภาพพี่ชายเป็นฮิว แจ็คแมน เล่นอยู่บนเวที มิคก็แบบเฮ้ย เด็กๆ ทุกคนอยากมีฮีโร่ในบ้าน แล้วมันเป็นพี่เราเอง เราอยากไปกอดเขาเมื่อไหร่ก็ได้ (เสียงสั่นเครือ) มันภูมิใจและรู้ว่าพี่ชายรู้ เราบอกเขาตลอดสู้ๆ นะเว้ย เพราะคนแบบนี้อยากอยู่กับลูก การอยู่กับละครเวทีต้องใช้เวลาทุกวัน หลายเดือน ไอ้นี่ห่างลูกไม่กี่ชม.ก็ร้องไห้อยู่แล้ว ได้แต่ให้กำลังใจว่าสิ่งที่ยูทำ คนในครอบครัวเป็นสิบกว่าคนเขาเห็นนะเว้ย และเขาโคตรภูมิใจในตัวยูเลย
พูดแล้วน้ำตารื้น?
มิค : เสียลุค (น้ำตาไหล)
ชาย : ครอบครัวสำคัญที่สุดเสมอ ตั้งแต่คุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยาย พี่น้อง รวมถึงภรรยา เป็นสิ่งเดียวที่ชายรู้สึกว่าสำคัญที่สุดในชีวิต จังหวะที่เราพยายามเต็มที่ ในจังหวะที่เราเหนื่อย เรากำลังท้อ ตอนอยู่บนเวทีทุกคนอาจไม่รู้ คนอาจมองภาพว่าชายกำลังสนุกกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ แต่บางทีชายแค่รู้สึกเหนื่อยจังเลย สุดท้ายพอมองลงไป เห็นคนที่เรารักและเขาภูมิใจในสิ่งที่เราทำ เราเห็นแค่นั้น (ร้องไห้) ทำไมต้องมาถึงจุดนี้ทุกครั้งเลย
มิค : วันนั้นถึงได้พูดแค่ภูมิใจในตัวเขา พูดมากกว่านั้นไม่ออก
เบนซ์ : บางคนอาจอยากเล่นละคร อยากเป็นนักแสดง แต่พี่ชายคือรักในอาชีพนักแสดง ภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองทำทุกรายละเอียดทุกๆ งานและทุ่มเทมาก โดยเฉพาะละครเวที และละครทุกเรื่องที่เล่น เราสัมผัสได้ พอไปดูแล้วเราเข้าใจเขาเลย เวลาที่อยากอยู่กับลูก อยู่กับงานทั้งหมดเลย พอได้กำลังใจจากทุกคนก็มีความสุข
พี่เอก พี่ชายคนโต ไม่ได้อยู่เมืองไทย ก่อนหน้านี้กลับมาเดือนครึ่ง?
มิค : เขาทำงานที่โน่น ก่อนหน้านี้ไม่ได้กลับมาเลย 5 ปีเต็มๆ เพราะมีโควิด
ชาย : ก่อนโควิดก็ไม่ได้กลับมา
มีประเด็นที่พี่ชายไม่ได้ไปต่างจังหวัดกับครอบครัว?
ชาย : ช่วงที่พี่เอกกลับมาตลอดเกือบ 2 เดือน ชายทำงานทุกวันเลย เจอกันประมาณ 3 ครั้ง พี่เอกลงเครื่องกลับมา ชายซ้อมละครเวทีเสร็จประมาณเที่ยงคืน ถึงได้ตามมาเจอที่บ้าน หลังจากนั้นก็ทิ้งช่วงกันไป
มิค : เราก็ไปต่างจังหวัด พี่ชายไม่ได้ไป ส่งลูกกับกี้มา แล้วมาเจอเลี้ยงฉลองวันเกิดพี่ชายอีกหนึ่งครั้ง ก่อนพี่เอกบินกลับช่วงสั้นๆ ชม.สองชม.
ชาย : ก็เสียดาย มันเป็นช่วงเวลาที่ในใจชายรู้สึกอะไรหลายอย่างมาก โอกาสที่เราจะรวมตัวกัน เป็นความฝันของชาย คุยกันตั้งหลายครั้งแล้ว อยากให้คุณพ่อคุณแม่พาเราไปเที่ยวทั้งครอบครัวที่ต่างจังหวัด แล้วมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ
มิค : ไม่เคยเกิดขึ้น เพราะพี่เอกไม่ได้กลับมาหลายปี เริ่มมีลูกมีหลาน เป็นครอบครัวที่ใหญ่ขึ้นไม่เคยได้ไป แล้วนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ไป พูดแทนทุกคนในบ้านว่าทุกคนคิดถึงพี่ชาย ช่วงที่เขาไม่ได้มา พี่เอกนั่งอยู่บ้านมิค นอนบ้านมิคทุกวัน คุยกันทุกวันว่าเสียดายที่พี่ชายไม่ได้มา ยูไม่ต้องเสียใจ เพราะคุณพ่อ คุณแม่ พี่เอก รู้ว่าสิ่งที่ยูทำยิ่งใหญ่มากกว่าแค่มาเจอกัน ต่อให้ยังไง เจอกัน 3-4 ครั้งก็มีค่ามากพอแล้ว ไม่ใช่ว่ายูไปเที่ยวไม่ว่างมา สิ่งที่ยูกำลังทำ ยูทำเพื่อทุกคนอยู่แล้ว (ร้องไห้)
ชาย : ความรู้สึกของชาย ทุกอย่างที่เราทำอยู่ มันเหมือนจะเทียบเท่าได้อยู่กับครอบครัวได้ยังไง (เสียงสั่นเครือ) แล้วเราไม่มีโอกาส เราไปไม่ได้จริงๆ (ร้องไห้)
ได้คุยอะไรกับพี่เอกบ้างไม่ได้เจอกันนาน?
มิค : ตอนซ้อมละครเวทีเสร็จแล้วไปเจอพี่เอก เป็นยังไงบ้าง
ชาย : พี่เอกเป็นเหมือนเดิม แค่คิดถึงแหละ เพราะโตมาด้วยกัน พอถึงเวลาแยกกันนาน จนเรารู้สึกว่าเราจะไม่มีโอกาสมาอยู่รวมกันจริงๆ เหรอ เขาอยู่ 2 เดือนถือว่านานมากแล้วนะ เป็น