'มาริโอ้' รับคือดารา ม. สะสมรถเก่า พร้อมให้ปากคำ เสียหายกว่าล้าน

กระหึ่มโซเชีบลอีกรอบ หลังจากที่ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รวบ 2 ตัวการใหญ่ แก๊งสวมทะเบียนรถยนต์ พร้อมกับยึดของกลางรถหรู ซากรถ แท่นปั๊ม และแผ่นเพลท โดยจากการขยายผลของชุดสืบสวน พบขบวนการนี้มีลูกค้าเป็นกลุ่มคนที่ชอบสะสมรถเก่า รถโบราณ หนึ่งในนั้นมีดารานักแสดงชื่อดัง อักษรย่อ ม. รวมอยู่ด้วย ซึ่งจะเตรียมเรียกมาสอบปากคำถึงที่มาของรถ

หลายคนต่างพุ่งเป้าไปที่ "มาริโอ้ เมาเร่อ" หนึ่งในดารา ม. ที่ชอบเล่นรถเก่า ล่าสุด ได้ออกมาเปิดใจว่า "โอ้มีโอกาสได้เห็นข่าวแล้ว ตัวอักษรย่อ ม. คือ ตัวผมเองครับ เพราะมีโอกาสได้คุยได้ติดต่อกับทางตำรวจแล้ว เรื่องราวของโอ้เริ่มจากที่ไปซื้อรถจากคนไว้เนื้อเชื่อใจกัน รุ่นพี่ แล้วผมก็ไม่มีโอกาสได้ของ เขาก็คืนเงินผมมา แต่ทะเบียนมันเป็นชื่อผมไปแล้ว ก็คือมีทางตำรวจติดต่อมาว่ารถคันนี้มีปัญหานะ ก็อยากให้ปากคำแล้ว"

"มาริโอ้ เมาเร่อ" กล่าวต่ออีกว่า "เราไม่ได้รถ แต่ทะเบียนเป็นชื่อเรา แล้วก็คุยกับทางรุ่นพี่ เขารับผิดชอบเรา ตอนนี้ทางตำรวจอยากให้โอ้ไปให้ปากคำเพื่อเป็นข้อมูล เราคุยกับทางตำรวจก็บอกว่าเราเข้าข่ายผู้เสียหาย ก็อยากจะให้มาให้ปากคำให้เรียบร้อย ผมก็งงครับ ก็ตกใจ แต่ว่าก็คุยกับทางพี่ตำรวจที่ดูแลคดีนี้ เขาบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง ฟังจากที่โอ้เล่ามาโอ้เป็นผู้เสียหายนะ อยากจะให้โอ้มาให้ปากคำช่วยในรูปคดีหน่อย โอ้ก็โดนหลอก รุ่นพี่ก็โดนหลอกมาด้วย ขั้นตอนหลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรครับ ทางคุณตำรวจที่ดูแลอยากให้โอ้ไปให้ปากคำเพื่อเป็นประโยชน์กับคดีครับ" 

(กังวลไหม) "ไม่ได้กังวลครับ เพราะเราก็เป็นคนปกติอยากไปซื้อรถนี่แหละครับ แต่เราก็ไม่รู้ว่าต้นขั้วเขาไปทำอะไรมา เราก็เห็นว่ารถมีทะเบียน มีอะไรถูกต้อง เราก็ซื้อ เขาก็บอกว่ามันมีการที่ต้นขั้ว ที่ขายมา ที่หลอกเขามาอาจจะไปปรับเปลี่ยนข้อมูลอันนี้ผมไม่ทราบครับ แต่ว่าอย่างตัวโอ้เองก็แสดงความบริสุทธิ์ว่าเราซื้อแบบนี้นะ เป็นแบบนี้นะ หลายทอดกว่าจะถึงโอ้ โอ้น่าจะเป็นคนที่สอง ก็ได้เงินคืนแล้วครับ ผมไม่ได้เป็นผู้เสียหาย แต่ว่าในรูปคดีเรามีชื่อเป็นผู้เสียหาย"
 

(เล่นรถมานาน เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ไหม?) "ไม่มีครับ เพราะเราก็เล่นรถมานาน ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลย ก่อนซื้อเราก็เช็กให้ละเอียดครับ เรื่องของทะเบียน แล้วก็ไปโอนที่ขนส่งหรือเปล่า ผมเช็กประจำอยู่แล้วครับ เคสนี้มันเกิดปัญหาอยู่แล้ว แต่ตัวโอ้เองก็ได้รับค่าเสียหายคืนมาแล้ว โอ้ก็เลยไม่ได้เดือดร้อนอะไร เรื่องเกิดขึ้นประมาณ 2 เดือนแล้ว มูลค่าก็ล้านกว่าบาทครับ เหตุการณ์นี้ก็ทำให้เราระวังมากขึ้น เราไม่รู้ว่ามันเป็นมายังไง บางทีเราเห็นเอกสารมันถูกต้องแล้ว เขาอาจจะไปมั่วอะไรมา ก็ต้องเช็กครับ ปกติคันอื่นผมก็เช็ก ที่มีปัญหาคือคนนี้คันเดียว"
 

"ผมคุยกับทางตำรวจแล้ว แต่ว่ายังไม่มีโอกาสว่างเข้าไปให้ปากคำ น่าจะวันสองวันนี้ครับ กับพี่ที่ดูแลก็คุยและประสานกันอยู่แล้ว คนรอบข้างเขาก็ตกใจ แต่ผมก็อธิบายให้ทุกคนฟังว่าก็แค่ไปซื้อรถ โดนหลอก ผมคงไม่มีโอกาสไปทำอะไรแบบนั้น ถามว่าครั้งนี้เป็นข่าวตกใจที่สุดไหม จริงๆ เคยขึ้นศาลมาแล้ว แต่ก็ไม่อยากไปบ่อยครับ"