บันเทิง

นางเอกสู่มาดาม ‘แองจี้ เฮสติ้ง’ แต่งกับเศรษฐีน้ำมัน ตื่นมาไม่ต้องทำอะไร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดชีวิต แองจี้ เฮสติ้ง จากอดีตนางเอกชื่อดังสู่มาดาม หลังแต่งงานกับ ทารีก สามีชาวคูเวตเศรษฐีน้ำมัน ชีวิตดีมาก มีลูกน้องในบ้าน 14 คน ตื่นมาไม่ต้องทำอะไรเลย

อดีตนักแสดงสาว แองจี้ เฮสติ้ง ล่าสุด 4 สิงหาคม 2566 ได้มาเปิดชีวิตหลังอำลาวงการไปแต่งงานกับนักธุรกิจเศรษฐีบ่อน้ำมัน ชาวคูเวตกว่า 8 ปี พร้อมบทบาทใหม่เป็นคุณแม่ลูก 2 

 

แถมเล่านาทีชีวิต รกพันคอลูก ต้องคลอดก่อนกำหนด ผ่านทางรายการคุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์และบูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

 

ตั้งแต่แต่งงานจนถึงตอนนี้กี่ปีแล้ว?

 

               แองจี้ : ประมาณ 8 ปีแล้ว คือเราแต่งงานไป เราตั้งใจแล้วว่าเราลาวงการ แล้วยังไม่มีโอกาสได้กลับมาออกรายการด้วย ไปอยู่ที่นู้นด้วย โควิดด้วย คือไม่พร้อม

 

ก่อนแต่งคบมานานเท่าไหร่ ?

 

       แองจี้ : กว่าจะได้แต่ง กว่าจะให้เขารู้ตัวว่าเราเป็นโซลเมตใช้เวลานานมาก 10 ปี บวกอีก 8 ปี เป็น 18 ปี

 

นางเอกสู่มาดาม ‘แองจี้ เฮสติ้ง’ แต่งกับเศรษฐีน้ำมัน ตื่นมาไม่ต้องทำอะไร

 

นางเอกสู่มาดาม ‘แองจี้ เฮสติ้ง’ แต่งกับเศรษฐีน้ำมัน ตื่นมาไม่ต้องทำอะไร

 

ย้อนไปตอนนั้นพี่ทำยังไงให้เขารู้ว่ายูคือโซลเมตของฉันนะ ขอฉันแต่งงานได้แล้ว ?

 

               แองจี้ : ตอนนั้นคบได้ 9 ปีแล้ว ก็บอกเขาถึงเวลาแล้วนะ ยูควรจะตัดสินใจเพราะว่าในตอนนั้น เรา 35 แล้วเราต้องตัดสินใจว่าจะไปทางไหน จะเป็นนักแสดงเต็มตัวเลย หรือว่าเป็นเวิร์กกิ้งวูแมนไปเลย ไม่ต้องแต่งงานก็ได้ คือ35 เราต้องตัดสินใจแล้วว่าเราจะมีครอบครัว แต่งงานหรือเปล่า เลยบอกสามีว่าฉันให้เวลาอีกปีนึงนะ ถ้าไม่ขอฉันแต่งฉันจะตัดขาด ตั้งใจที่จะทำงานต่อ แล้วเขาก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วถ้าเขาเลิกกับเราจริง ๆ เราจะทำยังไง แต่เราก็มั่นใจว่าเขาต้องขอเราแน่ ๆ

 

แล้วทำยังไงอยู่ ๆ เขามาขอเรา ?

 

               แองจี้ : ตอนเขามาขอเรา เราคิดเลยว่าเขาต้องจัดฉากโรแมนติกนู้น นี่นั่น แต่ตอนเขาขอแต่งงานเขาไม่ได้จัดฉากอะไรเลย เราก็ไม่รู้ตัวด้วยว่าเขามาขอ เหมือนเขาจะหลอกเราไปถ่ายรูป เขาเป็นคนชอบถ่ายรูป เขาพาไปถ่ายที่แบบเหม็น ๆ ที่คูเวต เขาบอกยูมาถ่ายรูปหน่อย รอนานแล้ว ยูจะผูกรองเท้าอะไรนักหนา แล้วเขาก็ดึงแหวนออกมาจากรองเท้า แล้วหน้าเราก็แบบ โอ้โห..

 

ถ้าย้อนไป 8 ปีที่แล้ว MTV และละครบูมมาก อะไรที่ทำให้พี่ยุติวงการบันเทิง ?

 

               แองจี้ : ตอนที่แต่งงานกับเขาจี้ยังไม่ได้ย้ายนะ ยังถ่ายละครอยู่ ยังรับงานอยู่ประมาณปีกว่าเกือบ 2 ปี เขาบอกว่ายูแต่งงานนะ ยูเป็นภรรยาของฉันนะ ทำไมยูยังไม่ย้าย ทำไมยังถ่ายละครอยู่ เราก็ลืมไป ไม่ได้คิดว่าแต่งงานเสร็จเราต้องย้าย เราคิดว่าแต่งงานก็คือแต่งงาน

 

มันเป็นกฎของครอบครัวคนคูเวตหรือเปล่าต้องย้าย ?

 

               แองจี้ : คือเราแต่งงาน เราต้องอยู่ด้วยกันใช่ไหม จี้ลืมไป ไม่ได้คิดว่าเราแต่งงาน เราต้องย้าย เพราะเราอยู่แบบนี้มา 10 ปี ลืมไปเลย

 

พอละครปิดกล้องก็ไป ?

 

               แองจี้ : ก็กลับไปเลย เขาแต่งงานกับเราเนี่ย เขาขอร้องให้เราย้ายไปอยู่กับเขา มันก็ต้องตัดสินใจย้ายไปอยู่ก็ทำใจเราชอบการแสดงมาก พอตัดสินใจเราต้องเด็ดขาด

 

บางคนก็บอกว่าเราโชคดีจังเลย สามีมีฐานะ หนูตกถังข้าวสาร ตอนนั้นตัวเราเองที่รักกันมา 10 ปีกว่าจะได้แต่งงาน เรารู้สึกยังไง ?

 

               แองจี้ : ตอนที่ย้ายไปอยู่ที่คูเวต คิดเหมือนกันว่านี่คือชีวิตเราเหรอ อยู่บ้านใหญ่โต ตื่นมาสามีก็ไปทำงานแล้วเราก็เดินแบบทำตัวไม่ถูกจริง ๆ มันไม่ใช่เราไง เราเป็นคนทำงานตั้งแต่เด็ก มันชินกับชีวิตประจำวันที่เราต้องตื่นไปถ่ายละครแต่เช้าแล้วกลับบ้าน ล้างหน้าแล้วกลับไปนอน เช้ามาก็ไปทำงานเหมือนเดิม คือมันเปลี่ยนไปเยอะเลย เราไม่รู้จะทำอะไรกับตัวเองพอไปอยู่ประเทศที่ไม่เหมือนบ้านเรา ไปอยู่ประเทศที่มีแต่ทะเลทราย ไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติ ไม่มีพ่อ แม่

 

จริงไหมที่สามีคุณคือเศรษฐีบ่อน้ำมัน ?

 

               แองจี้ : ทำงานน้ำมัน แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของบ่อน้ำมัน

 

ไปอยู่วันแรกเจ้าหญิงเลย ?

 

               แองจี้ : ลงมาก็มีคนดูแล ที่บ้านเขาจะเรียกเรามาดาม จี้มีพนักงานประมาณ 14-15 คน ที่บ้านอยู่กันมีแองจี้สามี พ่อสามี ทั้งหมด 3 คน

 

แล้วมีพนักงาน 14 คน ?

 

               แองจี้ : ก็มีกุ๊ก มีคนละชั้นกัน บ้าน 4 ชั้นครึ่ง

 

อาทิตย์นึงหรือเป็นเดือนกว่าจะปรับตัวได้ ?

 

               แองจี้ : ก็นาน เดินไปเดินมา ตายแล้วสามีจะให้เราทำผมทุกวันเลยเหรอ ทำเล็บทุกวันเลยเหรอ มันไม่ใช่เราแล้ว เราต้องหาอะไรทำ แต่เราก็ไม่รู้ไง ภาษาเราก็ไม่ได้ อะไรที่ถนัดก็คือความสวยความงาม ก็เลยหาธุรกิจที่ไม่เหมือนคนอื่นแล้วทำ นั่นคือคือนำเข้าแบรนด์จากเกาหลีมาขายที่คูเวต และเป็นเจ้าแรก ตอนนั้นไม่มีตลาด มันยังใหม่ เมื่อ 5 ปีที่แล้วเขายังไม่รู้เลยว่าเกาหลีคืออะไร

 

ตอนแรกยากไหม ?

 

               แองจี้ : ยาก แต่ก็ไม่เท่าไหร่ เพราะจี้มีพาร์ตเนอร์เป็นอินฟลูฯ ที่ดังมากอยู่แล้ว เขาช่วยสื่อสารภาษาให้กับฟอลโลเวอร์ว่ามันเป็นของเกาหลี ราคาก็ได้ ราคาก็ดีเทียบกับ Luxury Brand

 

แล้วสามีที่เขาคาดหวังให้เราทำเล็บทุกวัน ทำผมทุกวัน ?

 

               แองจี้ : ก็อธิบาย สามีบอกเธอไม่อยากเป็นมาดามเหรอ เธอแปลกมากเลยนะคนอื่นเขาอยากเป็นมาดาม ไม่ต้องทำอะไร แต่เราเป็นคนทำงานตั้งแต่เด็ก

 

แล้วอย่างนี้ขัดใจสามีไหม ?

 

               แองจี้ : เขาคงงง ๆ จริง ๆ ที่นู้นเขาไม่อยากให้ผู้หญิงทำงาน เราก็อธิบายแล้วเขาก็เข้าใจแหละว่าเราอยู่อย่างนั้นไม่ได้เราต้องทำงาน เพราะถ้าอยู่อย่างนั้นเราเครียดนะ ไม่มีเพื่อน ไม่มีใครเลย ไม่มีสังคม จะอยู่บ้านกับสามี เราก็อยากออกไปทำงาน มีรายได้นิด ๆ หน่อย ๆ ก็ยังดี แต่ตอนนั้นยังไม่มีลูก

 

แล้วอะไรที่ตัดสินใจว่าคุณสามีเราต้องมีลูก ?

 

               แองจี้ : เราก็นอนกระดิกเท้ากัน นี่พ่อแม่ฉันมาพูดแล้วนะว่าเมื่อไหร่จะมีลูกสักที อยู่ด้วยกันมา 2-3 ปีแล้วนะแล้ว ทำไมยังไม่มีทายาทสักคน ยูก็แฮปปี้ ไอก็แฮปปี้ ทำไมต้องมีลูกด้วย เขาพูดมาว่าเนี่ย เขาขอร้อง

 

ฝั่งครอบครัวเขาอยากได้ เราก็เปลี่ยนใจตามเขา แต่การขอร้องไม่ธรรมดา เขามาเป็นแพ็กเกตโรงพยาบาล ?

 

               แองจี้ : ใช่ เขานัดหมอให้เรียบร้อยเลย แล้วเขาก็พาแองจี้ไปด้วย ให้ไปตรวจร่างกาย ไปตรวจเลือดทุกอย่าง

 

ฝากไข่มีไหม ?

 

               แองจี้ : ใช่ เขาเร่งไง เขาบอกว่าไม่ต้องธรรมชาติแล้ว จี้ทำ IVF 9 รอบ ใน 2 ปี ถามว่าเจ็บไหม ไม่นะ แต่มันเป็นการเดินทางที่เหงา โดดเดี่ยว ฮอร์โมนเราปรับขึ้น ๆ ลง ๆ บางวันเราร้องไห้ไม่อยากทำ มันทำให้เราปั่นป่วน คือหมอที่เราทำ ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นผู้หญิงคุณต้องมีลูกแล้ว หมดหนทางแล้ว มันทำให้เราคิดว่าตายแล้ว เราแก่เหรอ มันทำให้เราเศร้านะ หมอจะพูดเลยว่าสุดทางแล้วนะ แก่แล้วนะ รีบ ๆ แล้วจี้ก็กลับมาทำหมอที่เมืองไทยด้วย

 

พอติดก็พาน้องไปคลอดที่อังกฤษ ?

 

               แองจี้ : จี้รู้สึกว่ามันปลอดภัยกว่า แล้วเราเป็นลูกครึ่งอังกฤษ อยากไปคลอดโรงพยาบาลที่เราคุ้นเคย แล้วอยากพาครอบครัวเราไปอยู่กับเราด้วย จี้ไม่อยากให้พ่อ แม่จี้มาอยู่ที่คูเวต

 

แล้วฝั่งสามีไปอังกฤษไหม ?

 

               แองจี้ : เขาไม่ได้ไปค่ะ เพราะว่าเขาทำงานหนัก เขามีงานที่ต้องทำไปไม่ได้ ดีแล้วสำหรับจี้ จี้อยากอยู่กับคุณพ่อ คุณแม่

 

จริงไหมที่ท้องได้ 7 เดือน คนนี้ต้องรีบออก ?

 

               แองจี้ : ใช่ ถ้าเราเดินทาง มันจะมีระยะเวลาที่เราเดินทางบนเครื่องบินได้ ถ้าเลย 7 เดือนเขาจะไม่ให้ขึ้นเครื่อง แต่จี้ก็เลยมาแล้ว เลยบอกเขาว่าท้อง 5 เดือน

 

พอไปน้องคลอดตอน 7 เดือนมันมีภาวะยังไง ?

 

               แองจี้ : มันจะมีกำหนดผ่า เพราะถ้าเราเลย 40 แล้วเขาจะไม่ให้เราคลอดธรรมชาติ เขาให้เรากำหนดวันเลยว่าจะผ่าวันไหน ประมาณ 35 วีค ตกเลือด ตกใจเหมือนกัน เลยบอกแม่เลือดออกมาเยอะมากเลย ทำยังไงดี เราตกใจช็อก คุณแม่บอกว่าเราต้องรีบไปหาหมอ เขาบอกว่าลูกไปโดนสายสะดือ แช้วมันทับสะดือแล้วมันก็ขาด เลยรีบผ่าด่วน

 

ตอนนั้นหมอได้บอกไหม มีภาวะอันตรายอะไร ?

 

               แองจี้ : เราเสียเลือดเยอะ เราอาจจะช็อก ตัวเด็กเนี่ยก็ขาดออกซิเจน เพราะหัวใจเขาก็เริ่มชาลง เขาเลยรีบผ่าออก

 

พอทราบข่าวเราจะคลอด คุณสามีว่ายังไงบ้าง ?

 

               แองจี้ : ตอนนั้นจี้ไม่ได้พูด เพราะจี้อยู่ในห้อง ให้คุณแม่กับน้องสาวคุยกับสามี เขาก็คงตกใจและตื่นเต้นแหละ แต่พูดไม่ออก

 

บินตามมาเลยไหม ?

 

               แองจี้ : เขาก็บินตามมาภายใน 2 วัน เพราะที่คูเวตถ้าเราจะบิน เราต้องทำวีซ่าก่อน ไม่ใช่ว่าจะไปขอแล้วได้เลย ต้องทำออนไลน์

 

พอมีน้องแล้วอยู่ที่อังกฤษแป๊บนึงแล้วค่อยบินกลับไปที่คูเวต คุณพ่อสามีว่ายังไงบ้าง ?

 

               แองจี้ : หลานคนแรกที่เป็นผู้ชาย แล้วเป็นทายาทของทางครอบครัวคนแรกด้วย

 

คนนี้มาด้วยวิทยาศาสตร์ แต่คนที่สองธรรมชาติล้วน ๆ ?

 

               แองจี้ : ใช่ ช่วงโควิดมั้ง เขามาเอง เพราะว่าผู้หญิงไม่ควรจะเครียด อารมณ์ดี นอนหลับเพียงพอ กินดีอยู่ดีร่างกายมันจะสมบูรณ์

 

แต่พอมีลูกแล้วอาการซึมเศร้าหนักกว่า ?

 

               แองจี้ : เพราะว่าเรากลัวไปหมด กลัวว่าลูกจะเป็นอะไรหรือเปล่า เราเลี้ยงดีหรือเปล่า เราให้นมได้หรือเปล่า มีนมหรือเปล่า มันหลาย ๆ อย่าง มันก็เครียด หนักก็คือทั้งบ้านเป็นโควิดหมดเลย 14 คน รวมสามีด้วย ช่วงสามีเป็น เป็นโควิดสายพันธุ์แรกที่แรง เขาโดนไปอยู่โรงพยาบาลเลยเป็นหลายอาทิตย์

 

ตอนนั้นก็หนักเหมือนกัน มีภาวะยังไงบ้าง ?

 

               แองจี้ : มันชา ไม่มีความรู้สึก เหมือนเรารักเขานะ แต่เหมือนเราไม่เต็มที่ เรานอนน้อยด้วย แล้วอะไรหลาย ๆอย่างทำให้เราชาไปหมดเลย ไม่มีความรู้สึก

 

6 เดือน เอาครูมาสอนลูกแล้ว ?

 

               แองจี้ : ใช่ สอนการสื่อสาร การดูรูปภาพ การฟัง แล้วก็ให้ไปเรียนว่ายน้ำด้วย จี้ยอมรับว่าตัวเองไม่ได้เป็นซูเปอร์มัมและไม่คิดที่จะเป็นซูเปอร์มัม และไม่คิดว่าแม่บ้านหรือแด๊ดดี๊ต้องมาสอนลูก ก็เลยเอาครูมาสอน เพราะเรารู้สึกว่าเราเป็นแม่ที่ไม่ดีพอ แล้วการเรียนตั้งแต่ 6 เดือนช่วยนะ เขาพูดเก่งมาก

 

ทำไมถึงกลัวลูกคนที่ 2 เป็นผู้หญิง ?

 

               แองจี้ : จี้รู้สึกว่าที่คูเวตยังไม่พร้อมสำหรับเพศหญิง คือจะไม่เท่าเทียมกัน จี้รู้สึกว่าผู้หญิงน่าจะเลี้ยงยากกว่าผู้ชาย

 

คำว่าไม่เท่าเทียมคืออะไร หมายถึงสิทธิเหรอ ?

 

               แองจี้ : ถูกต้องค่ะ ผู้ชายจะได้มากกว่าผู้หญิง มันยังไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งพอหมอบอกว่าเป็นผู้ชายก็โล่งอก อย่าลืมนะที่คูเวตผู้ชายสามารถมีเมียได้ 4 คน แต่สามีมีคนเดียว แต่เขาก็จะขู่เหมือนกัน มีได้นะ 4 คน เราก็ขู่กลับ ขออนุญาตก่อนไหม

 

อยากมีลูกต่ออีกคนไหม ?

 

               แองจี้ : ไม่ค่ะ พอแล้ว แต่จี้ฝากไข่ สามารถที่จะมีเมื่อไหร่ก็ได้ แต่สามีบอกว่า 2 คนโอเคแล้ว พอแล้ว

 

              ติดตามชมรายการ คุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

 

นางเอกสู่มาดาม ‘แองจี้ เฮสติ้ง’ แต่งกับเศรษฐีน้ำมัน ตื่นมาไม่ต้องทำอะไร

 

นางเอกสู่มาดาม ‘แองจี้ เฮสติ้ง’ แต่งกับเศรษฐีน้ำมัน ตื่นมาไม่ต้องทำอะไร

 

นางเอกสู่มาดาม ‘แองจี้ เฮสติ้ง’ แต่งกับเศรษฐีน้ำมัน ตื่นมาไม่ต้องทำอะไร

 

นางเอกสู่มาดาม ‘แองจี้ เฮสติ้ง’ แต่งกับเศรษฐีน้ำมัน ตื่นมาไม่ต้องทำอะไร

 

นางเอกสู่มาดาม ‘แองจี้ เฮสติ้ง’ แต่งกับเศรษฐีน้ำมัน ตื่นมาไม่ต้องทำอะไร

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ