เปิดปาก “บิ๊กเอ็ม” วันที่ไร้สังกัด “แม่” ปล่อยโฮกินข้าวทั้งน้ำตา ฟ้าหลังฝนลุยละคร 3เรื่อง ผันตัวเป็นทำเพลงอีสานอินดี้
เคยตกเป็นข่าวใหญ่โต คดีถูกล็อตเตอร์รี่ทิพย์ จนโดนต้นสังกัดเก่ายกเลิกสัญญาแบบฟ้าผ่า
ล่าสุดพระเอกสายบู๊ “บิ๊กเอ็ม กฤตฤทธิ์” เดินหน้าเป็นนักแสดงอิสระ ซุ่มรับงานละครฟอร์มใหญ่ช่องดังเพียบ แถมยังผันตัวทำเพลงเอง แนวฉบับฮอตฮิตลูกทุ่งอีสาน ซิงเกิ้ลเพลง “เจ็บแล้วเจ็บอีก”
พร้อมมาเปิดใจย้อนเล่าถึงวิกฤตชีวิตผ่านรายการ “โต๊ะหนูแหม่ม” กับพิธีกรตัวแม่ “หนูแหม่ม สุริวิภา” ถึงวันที่ไร้งานไร้สังกัด และจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตที่ทำให้ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้
ย้อนไปถึงตอนที่โดนฟ้าผ่ายกเลิกสัญญาช่อง สถานการณ์ตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง?
“ตอนนั้นผมไปเที่ยวกับคุณแม่ที่แก่งกระจาน เริ่มมีข่าวออกมาแล้ว ผมก็ยังเที่ยวกับคุณแม่ ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายคิดว่าคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง สักพักนึงก็เริ่มมีโทรศัพท์โทรเข้ามาหาคุณแม่เยอะขึ้นๆ เครียดจนขนาดที่ว่าไปเที่ยวทริปนั้นไม่มีความสุขเลย แล้วแม่ก็เข้าไปหลบในรถแล้วก็ร้องไห้ ข้าวก็ไม่กิน แล้วก็เที่ยวด้วยน้ำตา พอกลับมาก็เป็นข่าวใหญ่โตเลย แต่ก็ผ่านมันมาได้ ทำให้เราต้องคิดเรื่องรับงานและไว้ใจคนรอบข้างมากยิ่งขึ้น”
ผันตัวมาเอาดีด้านร้องเพลง ทำเพลงเองปล่อยซิงเกิ้ลออกมาให้แฟนๆฟัง?
“คือผมเป็นคนที่ชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก แล้ว เวลาไปอีเวนต์หรือไปโชว์ตัวจะได้ออกไปร้องเพลงเยอะมาก ได้ไปคอนเสิร์ตเยอะมาก การแสดงผมมาที่หลัง ถ้าถามถึงพรสวรรค์ของผมแต่เด็กเลยคือผมชอบร้องเพลงมากกว่ามาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่มีใครรู้ครับ ที่ผ่านมาที่ผมร้องจะเป็นเพลงประกอบละคร อันนี้เป็นซิงเกิ้ลเดียวทื่ทำขึ้นมาใหม่หมดเลยเป็นเพลงแนวอีสานร่วมสมัย ดนตรีทันสมัยแต่เนื้อเพลงจริงๆเป็นเพลงอีสาน”
ตอนนี้วางแผนชีวิตในวงการยังไงบ้าง?
“ผมกำลังจะเปิดกล้องนะครับ มีงานละคร 2เรื่อง และเมื่อวานก็เพิ่งมีติดต่อมาอีกเรื่องนึง เป็นฟอร์มใหญ่หมดเลยสำหรับเรื่องงานเพลงก็มีแพลนที่อยากจะทำเพิ่มเหมือนกัน ก็กำลังดูแนวๆกันอยู่”
เห็นว่าเป็นสายมู มูหนักมากเลยมีงานเข้ามาตลอด?
“ผมคิดว่าของผมน่าจะไปตรงกับพ่อพระพิฆเนศ เพราะว่าองค์พ่อเคยช่วยชีวิต เคยเปลี่ยนชีวิตผมมาแล้ว ก่อนจะเข้าวงการเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ก่อนที่จะเข้าสู่วงการบันเทิงผมทำงานบริษัทมาก่อน แล้วผมก็มีความจำเป็นที่ต้องออกจากงาน เพราะว่างานในวงการมันเริ่มเข้ามาเยอะแล้ว ตอนนั้นยังเป็นแค่นายแบบอยู่ก็เลยตัดสินใจ แล้วตอนนั้นเป็นเดือนสุดท้ายที่ผมจะต้องทำงาน เราก็เลยไปขอพระพิฆเนศที่ห้วยขวาง ไปแบบงงๆเลย ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าเทพฮินดูคืออะไรตอนนั้นไปกินแล้วก็เลยลองแวะดูไปไหว้ ตอนนั้นเงินเหลือติดในบัญชีอยู่ 5,000 อีกซัก 4วันจะถึงสิ้นเดือนแล้ว ที่นี้ผมไปเจอพระพิฆเนศองค์นึง เป็นองค์เล็กๆองค์นึงแล้วผมอยากได้มาบูชา ราคาองค์ประมาณสี่พันนิดๆ ก็คิดว่าถ้าบูชาไปต้องไม่มีเงินกินแน่นอน ก็เดินวนอยู่ตรงนั้นประมาณสองสามรอบ จนคนขายเค้าก็บอกว่าเอาไปเถอะพ่อเลือกแล้วเนี้ยเอาไปบูชาเถอะ ก็เลยตัดสินใจลองเสี่ยงดู กำเงิน 5,000 จัดเลยบูชากลับมา แล้วมาไหว้ที่บ้าน หลังจากนั้นผมไปแคสงานโฆษณาแล้วก็ได้เลย ตอนนั้นค่าตัว 80,000บาท”
ติดตามถึงเรื่องฮอต ประเด็นดัง “รายการโต๊ะหนูแหม่ม” ปรับเวลาใหม่ ย้ายเวลาเป็น 11 โมงตรง
ทุกวันจันทร์-ถึง วันศุกร์ ทางช่องเวิร์คพอยท์ 23
ข่าวที่เกี่ยวข้อง