บันเทิง

เขิน 'ณเดชน์' ไม่เหมือนเดิม รับความรู้สึกเปลี่ยน หลังขอ 'ญาญ่า' แต่งงาน

27 มิ.ย. 2566

"ณเดชน์" เล่านาทีขอ "ญาญ่า" แต่งงาน บอกตอนนี้ความรู้สึกเปลี่ยน อยากผูกมัดมากขึ้น เผยที่มาและความหมายของแหวนขอแต่งงาน ส่วนฤกษ์แต่งยังไม่ใช่ปีนี้ บ้านหลังนั้นไม่ใช่เรือนหอ ส่วนจะเป็นหลังไหน ว่ากันอีกที

เปิดใจ ว่าที่เจ้าบ่าว "ณเดชน์ คูกิมิยะ" หลังคุกเข่าขอแฟนสาว "ญาญ่า อุรัสยา" แต่งงาน ที่ประเทศอิตาลี โดยเจ้าตัวเผยที่งานเปิดตัวภาพยนตร์ Indiana Jones and the Dial of Destiny – อินเดียน่า โจนส์ กับกงล้อแห่งโชคชะตา ว่า มันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะจริงๆ 

 

ว่าที่เจ้าบ่าว รู้สึกอย่างไรบ้าง?
โล่งเลย เตรียมการนานพอสมควร เตรียมทุกอย่างทั้งสถานที่ ทั้งกับบริษัททัวร์ที่เราให้เขาเป็นคนจัดการวางแผนการท่องเที่ยวให้ แล้วที่สำคัญก็คือเพื่อนๆ ที่ไป จริงๆ จะขนไปเยอะกว่านี้แต่ว่าหลายๆ คนอาจจะติดงานเพื่อนๆ มหาวิทยาลัยของญาญ่าด้วย แต่ว่าทุกอย่างก็ออกมาด้วยความสุขราบรื่น ดีใจมาก (ยิ้ม)

 

เขาจับโป๊ะได้?
จริงๆ ผมเก็บความลับไม่ค่อยเก่งอยู่แล้ว จะมีอาการที่ล้นๆ เกินๆ เกิดขึ้นในวันนั้น เขาก็คงไม่ได้คิดว่ามีอะไร แต่ว่าผมก็จะมีอาการนิดนึง

ทำไมถึงเลือกขอทริปนี้?
ผมว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะจริงๆ เราก็มีเวลาได้พักผ่อน ได้เที่ยวค่อนข้างเยอะ แล้วอีกอย่างที่อิตาลีเป็นสถานที่ที่หนึ่งที่รู้สึกว่ามันโรแมนติก และมันก็เหมาะที่เราจะมอบโอกาสนี้ให้กับเขา เขาเหมาะสมกับสถานที่แบบนั้น เราก็อยากให้เขาอยู่ตรงนั้น อยากจะให้โมเมนต์บรรยากาศแบบนั้นมันอยู่ตรงนั้น

 

มีอะไรที่เป็นที่จดจำ?
ผมก็รู้สึกว่าการได้ไปขอเขาตรงนั้นเหมือนเราจะเป็นอ่างน้ำที่โอบอุ้มเขา นี่คือความหมายของสถานที่ ในความคิดของเรา แต่ว่าจริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม จะอยู่ไทยหรือในร้านอาหารก็ตาม ถ้าคนมันรักกันจริงๆ รู้สึกว่ามันใช่คนนี้ ผมว่าก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะขอ เรียกว่ามอบหัวใจที่บริสุทธิ์ให้แก่กัน

"ณเดชน์" เล่านาทีขอ "ญาญ่า" แต่งงาน

วินาทีนั้นบอกเขาว่าอะไร?
ผมพูดอะไรผมไม่รู้เรื่องเลย (ยิ้ม) ผมเตรียมทุกอย่างไปหมดเลย เตรียมว่าผมจะพูดแบบนี้ เรามีโอกาสได้ไปสถานที่ต่างๆ ที่เที่ยวในอิตาลีแล้วมันมีความหมายดีๆ เกิดขึ้น ผมก็แพลนในหัวแล้วว่าผมจะพูดหนึ่งสองสามสี่ แล้วก็จะคุกเข่า หยิบแหวนออกมา แต่พอถึงเวลาจริงๆ พูดอะไรก็ไม่รู้ เลยบอกว่า เนี่ย คุยกับที่บ้านแล้วนะ อะไรที่เป็นคำพรรณนาที่สวยงามหายหมด แต่ผมก็รู้สึกดีใจที่เราก็พูดอะไรบางอย่างที่มันไม่ใช่ละคร มันคือชีวิตจริงๆ ความรู้สึกแบบนี้มันไม่เหมือนในละครที่เราพูดว่า ฉันรักเธอ ขอแต่งงานแล้วคุกเข่า ไม่มีอะไรเหมือนเลย มันเป็นความตื่นเต้น ประหม่า ดีใจ อะไรก็ไม่รู้ที่เราเข้าใจพี่หมากด้วยเหมือนกันว่าทำไมตอนที่เขาขอกับคิมแล้วเขาถึงสวมผิดมือ

 

เห็นมีจังหวะร้องไห้?
ไม่ร้องไห้ กรี๊ดกร๊าดกันอย่างเดียว โดยเฉพาะว่าที่คู่หมั้นของผม (ยิ้ม) เขากรี๊ดกร๊าดมีความสุข ผมก็มีความสุขมากๆ ผมไม่ได้ร้องไห้ คือมันตื้นตัน มันดีใจครับ แต่ว่าก็ไม่ได้มีน้ำตา

 

ญาญ่าแอบจับโป๊ะเราได้?
ผมว่าเขาน่าจะรู้ ผมว่าผู้หญิงมีเซ้นส์ พอดีเราลงไปว่ายน้ำกันในอ่างอาบน้ำ แล้วขึ้นมาเปลี่ยนชุด พอขึ้นมาข้างบน เขาก็กำลังเปลี่ยนชุดแต่งหน้า เขาหันมา 3 วิ แป๊บเดียวผมใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้ว ผมก็บอก ที่รักเร็วๆ เปลี่ยนชุดๆ เพราะว่ามันจะใกล้เวลาที่ผมจะต้องนัดเพื่อนๆ มาตรงนี้ พระอาทิตย์จะต้องตก แสงจะต้องเป็นแบบนี้ ผมก็หวังว่าจะไม่มีฝนตกวันนั้น แล้วผมก็ลก เขาก็คงคิดว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ แบบนี้ ผมก็ดูลกๆ ตั้งแต่เช้าด้วย น้องก็คงจะจับได้

 

เขาบอกว่าสวยรอทุกวันเลย?
ใช่ๆ ครับ เขาสวยทุกวันอยู่แล้วครับ สวยทุกวัน ไม่ไปอิตาลีก็สวยครับ เขาทำเล็บไปด้วย แล้วผมก็ทำเล็บไปด้วยเหมือนกัน

 

ประโยคที่เตรียมจะพูดกับเขาตั้งแต่แรก?
อันนี้ขอเก็บไว้เป็นความลับดีกว่า 

 

เขาบอกว่ามีคำว่าแทรกซึมอยู่ในนั้น?
อ๋อ ประโยคที่ผมพูดกับเขาตอนนั้น ผมบอกว่า ผมอยากจะแทรกซ้อนเขาไปอยู่ในชีวิตคุณ ความหมายของผมก็คือ เราควรจะประสานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่ว่าผมตื่นเต้นมากจนผมพูดอะไรไม่รู้

"ณเดชน์" เล่านาทีขอ "ญาญ่า" แต่งงาน

แล้วสิ่งที่เตรียมไปได้บอกเขาหรือยัง ที่ไม่ได้พูดในวันนั้น?
บอกแล้วครับ หลังจากที่หายตื่นเต้น ไปกินข้าวกัน ผมมีโอกาสได้บอกเขาอีกรอบหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี หัวใจไม่ได้เต้นแรง ก็ได้พูดแล้วครับ

 

น้องบอกจำไม่ได้ว่าตอบไปว่าอะไร กรี๊ดอย่างเดียว?
น้องบอกว่า yes of course (ยิ้ม)

 

แหวนมีความหมายอะไรไหม?
ผมเป็นคนที่ชอบเครื่องประดับอยู่แล้ว ก็จะมีดีไซน์อะไรที่ผมชอบๆ และคิดว่าเขาจะชอบ ก็ปรึกษาที่ร้านในความเป็นแหวนที่ผู้หญิงจะใส่แล้วเหมาะสมและสวย ผมว่าก็เหมาะสมกับเขา เป็นแหวนที่สวย

 

ขนาดพอดีไหม?
จริงๆ ตัวเม็ดผมซื้อไว้นานแล้วครับ เพราะรู้สึกว่ามันมีช่วงหนึ่งที่เรารู้สึกเราพร้อมแล้ว แล้วก็พร้อมด้วยงานด้วยอะไรเรารู้สึกว่ายังไม่ใช่เวลาของมัน จนมาถึงวันที่ 1 มิถุนาถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ผมได้ขอน้อง

 

เห็นว่าเป็นร้านเพชรที่ประเทศฮ่องกง?
ใช่ครับ ตัวเม็ดจากฮ่องกงแต่ตัวเรือนขึ้นที่ไทย 

 

ทำไมหาถึงที่นู่น?
ตอนนั้นผมพยายามหาเพชรชนิดนี้มันเป็นเพชรชนิดพิเศษก็คงไม่ได้พิเศษไปกว่าเพชรคนอื่นๆ แต่ว่าเราแค่อินทรูกับเรื่องของจิวเวอร์รี่เฉยๆ เราเลยอยากหาอะไรที่มันพิเศษกับคนพิเศษของเราเท่านั้นเอง

 

แล้วมีความพิเศษยังไง?
ก็ไม่เป็นเพชรธรรมดาแล้วกันครับ เดี๋ยวแฟนผมไปเดินที่ไหนแล้วโดนขโมยโดนกระชาก ไม่ใช่ 12 กะรัตนะครับ ไม่ไหวๆ (หัวเราะ)

 

คนก็โฟกัสเรื่องงานแต่งงาน?
จริงๆ พอกลับมาก็กลับมาทำงาน ก็มีคิดๆ ไว้ไหม แต่ยังไม่มีเวลามานั่งคุยจริงๆจังๆ แต่ถามว่า.. คงยังไม่ใช่เร็วๆ นี้เพราะว่างานแต่ละคน ก็ไปใช้ชีวิตอยู่ยุโรปกลับมาก็ทำงานต่อ ต่างคนต่างทำงานกันหนักมากเลย เมื่อไหร่เดี๋ยวจะได้บอก

 

จะทิ้งระยะไว้นานไหม?
ไม่ได้ซีเรียสเรื่องระยะเวลาแต่ถือว่าเราก็ได้คุยกับที่บ้านทั้งคุณพ่อคุณแม่เขาแล้วก็ทุกคนไม่ได้เร่งรัดหรืออะไรเลยเข้าใจแล้วก็ให้เราทั้ง2คนเป็นคนตัดสินใจเพราะมันเป็นอนาคตของเราสองคน

 

ไม่ใช่ปีนี้แน่ๆ?
ใช่ครับ ไม่ใช่ปีนี้แน่ๆ

 

ทางผู้ใหญ่ได้หาฤกษ์อะไรไว้ไหม?
ฤกษ์เดี๋ยวเราต้องดูอีกที ว่าจะเป็นปีไหนก่อน แล้วค่อยมาหาฤกษ์วันกันอีกทีนึง

 

สำหรับคู่เราอยากแต่งฤดูไหน?
จริงๆไม่ซีเรียสถ้าหนีหน้าฝนได้คงจะดี ในอนาคตนะ

 

แล้วอยากแต่งที่ไหน?
อันนี้ไม่รู้เลยครับ ยังไม่รู้เลยว่าจะจัดอะไรที่ไหน จะจัดแบบไหนด้วย ตอนนี้ผมโฟกัสลูกพี่ผม พี่หมาก

 

อย่างเราขอแต่งงานแล้วหมั้นกันไว้ความรู้สึกเราเปลี่ยนไปไหม?
เปลี่ยนครับ ผมรู้สึกว่าเราผูกมัดกันมากขึ้นครับ เรารู้สึกว่าเราคิดถึงเขามากขึ้นแล้วก็เรารู้สึกว่าไม่อยากห่างกันอะไรแบบนี้ยิ่งตอนกลับมาแรกๆ โอ้ยแบบว่า ต่างคนต้องกลับมาทำงานแบบโอโห แต่เราก็ เข้าใจความรู้สึกของคนที่หมั้นกันแต่งงานกัน

 

ความรู้สึกของการเป็นเจ้าของมันมากขึ้นไหม?
ไม่นะครับ เท่าเดิมครับ แต่เราแค่รู้สึกว่าเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้นแล้วต่อไปเราต้องจับมือเดินไปพร้อมพร้อมกันเวลาจะตัดสินอะไรเวลาจะคิดอะไรคงต้องคุยกันต้องแชร์กันมากขึ้นเพราะว่าแต่ก่อนเป็นเหมือนกับคนละคน แต่พอเราต้องมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้วก็เป็นการเดินไปด้วยกันอันนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เรารู้สึกว่า เราพร้อมที่จะเดินหน้าไปด้วยกัน

 

ทำไมถึงต้องเป็นคนนี้แหละที่เป็นคู่ชีวิตของเรา?
ผมว่าเรามีความคล้ายกันเยอะ แล้วก็เรามีช่วงเวลาที่เราให้ตัวเองแล้วก็มีช่วงเวลาที่เราโหยหากัน ถ้าพูดภาษาสวยงามก็เหมือนกับว่าเราถูกสร้างมาให้เราอยู่ด้วยกันได้ คู่กันอะไรแบบนี้

 

บ้านที่สร้างใหม่เป็นเรือนหอเลยหรือเปล่า?
บ้านที่เพิ่งเสร็จเพิ่งขึ้นบ้านใหม่อันนี้ไม่ใช่เรือนหอแต่ว่าเป็นบ้านที่ผมสร้างอยู่ เป็นบ้านของผมอยู่เองแล้วก็เป็นบ้านที่ให้คุณพ่อคุณแม่แล้วก็ญาติมาจากขอนแก่นอยู่ เพราะว่าบ้านเก่าก็คือเป็นบ้านที่เล็กมากเมื่อเทียบกับอะไรหลายๆ อย่างเรื่องของใช้ที่เยอะขึ้นประมาณนี้ครับ

 

แล้วในส่วนของเรือนหอล่ะ?
อันนี้ก็ยังไม่ได้ดูเป็นจริงเป็นจังว่าจะเลือกโลเคชั่นไหนจะอยู่ที่ไหน ก็เอาสะดวกตอนนี้ก่อน

 

ทริปที่ไปนอร์เวย์เป็นยังไงบ้างไปหาพ่อตา?
จริงๆก็เป็นโอกาสที่ดีที่ได้มีโอกาสไปอยู่กับเขาเพราะว่าปกติเวลาไปนอร์เวย์เวลาเจอคุณพ่อก็จะอยู่กันแบบครอบครัว ปกติก็จะอยู่กับคุณแม่อะไรไป แต่พอเราได้ไปอยู่กับผู้ชายที่อยู่ด้วยกันสองคน กินข้าวเช้าด้วยกันออกไปไหนมาไหนด้วยกันมีเวลาที่ผู้ชายสองคนได้คุยคนหนึ่งเป็นพ่อ คนหนึ่งเป็นคนที่กำลังจะเข้ามาอยู่ในครอบครัวของเขา ผมว่ามันเป็นโอกาสที่ดีที่เรามีอะไรจะได้คุยกันเปิดใจกัน แม้กระทั่งการที่เขาได้สอนเราในหลายๆ อย่าง ทั้งการใช้ชีวิตคู่อะไรแบบนี้มันก็เป็นโมเมนต์ที่ดีมากๆ ผมรู้สึกว่าผมมีความสุขมากที่ได้มีโอกาสออกทริปกับเขา 

 

ได้คุยกับคุณพ่อมากขึ้น?
จริงๆ ก็ได้คุยกันเปิดอกเลยครับ (หัวเราะ)

 

พ่อตาฝากลูกสาวยังไงบ้าง?
เขาไม่อะไรครับ เขาก็แค่เป็นกำลังใจให้ซัพพอร์ตแล้วก็เล่าเรื่องอะไรแบบนี้ให้ฟัง

 

แล้วเราบอกคุณพ่อเขายังไงบ้าง?
คือเราไม่ได้รับฝากอะไรกัน ไม่ได้มีการมอบหมายว่าต้องทำอะไรๆ แค่เราเหมือนคุยกันสัพเพเหระ มองตากันเราก็รู้สึกแล้วว่าความหมายของเขา เขาต้องการอะไรอะไรแบบนี้

 

โดนแซวเรียกว่าพ่อตาเต็มปาก?
ผมก็รู้สึกมีความสุขนะ กับการเรียกว่าพ่อตา (ยิ้ม)

"ณเดชน์" เล่านาทีขอ "ญาญ่า" แต่งงาน