บันเทิง

ช็อก 'แอนนา' เล่านาทีคิดสั้น ซึมเศร้า จิตตก กินยา 100 เม็ด กรีดแขน ฆ่าตัวตาย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ช็อก "แอนนา" เปิดใจเล่านาทีคิดสั้น กรีดแขน - ฆ่าตัวตาย เจ้าตัวเผยก่อนหน้านี้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า คิดว่าตัวเองอาการดีขึ้น เลยหยุดกินยา แต่สุดท้ายกลายเป็นจิตตก ชอบกินยา-ฉีดยาแก้ปวด จนอาการเพี้ยน เหมือนคนติดยาเสพติด อารมณ์ดาวน์ดิ่งสมองเบลอ

ทำเอาหลายคนช็อก หลัง "แอนนา" เปิดใจเล่านาทีคิดสั้น กรีดแขน - ฆ่าตัวตาย โดยเธอได้ควงเพื่อนสาวคนสนิท "พุดเดิ้ล" เปิดใจ พร้อมเล่าเตรียมทำศัลยกรรมใหม่ทั้งหน้า เปลี่ยนหน้าชายให้เป็นหญิง หลังทนไม่ไหว ถูก AI ใน TikTok บูลลี่ เล่นโหมดฟิลเตอร์ทีไร หน้าเป็นชายตลอดอีกด้วย 

 

"เราเพิ่งฆ่าตัวตายมา จากภาวะจากการติดยาเสพติด คือเราติดยาจิตเวช เราเข้าใจว่าเราไม่ได้เป็นแล้ว ก็รู้สึกว่าเราไม่เป็นเราก็ไม่ต้องกินป่ะ เวลามีน้องๆเอายามาให้ก็จะกินบ้างไม่กินบ้าง และก็ใช้วิธีฉีดยาตัวอื่น ที่เป็นยาเสพติด ฉีดเข้าเส้นเลย คือมันเป็นยาแก้ปวด เราก็จะบอกหมอว่า เราปวด เราก็ไปตามคลีนิก บอกปวดนั่นปวดนี่ คือจริงๆแล้วเราไม่ได้ปวด แต่เราไม่รู้ว่าเราติดยาเสพติด คือมันเป็นการติดยาเสพติดอย่างนึง จากที่เราเคยทำงานได้ปกติ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เราทำงานไม่ได้ เราไม่มีฟิลลิ่งในการทำงาน เราไม่เคยรู้เลยว่าสภาพเรามันจะขนาดนี้ จนกุมภาเริ่มดาวน์ มีนาเริ่มดาวน์ เมษาคืออยู่ไม่ได้ไม่รู้ตัวเลยนะ เขาเรียกว่าฆ่าตัวตายไม่รู้ตัว วันนั้นให้น้องซื้อพารามาให้ แล้วให้ทุกคนกลับบ้านให้หมด เรารู้สึกเบื่อหน่ายโรคนี้ไม่มีความสุขเลย ก็ไปซื้อพารามา 30 มีอยู่แล้ว 25 ก็กินหมดเลย แต่ก็ไม่ตาย"

"แอนนา"

กินเสร็จแล้วหลับเหรอ ?
ไม่ มันมีเรื่องมากกว่านี้อีก คือพูดง่ายๆ เราติดยาแก้ปวดโดยไม่รู้ตัว คือเราจะไปบอกหมอว่าเราปวดนั่นนี่ เพื่อที่เราจะได้ฉีดยา 

 

ฉีดแล้วเป็นยังไง ?
มันสบาย เคลิบเคลิ้ม แต่เราไม่รู้ว่ามันคือยาเสพติด คือมันคือการติดยาแก้ปวด คือมีภาวะจิตตกแล้วก็ดิ่งดาวน์ จนกลายเป็นว่า 28 เมษา เราคิดสั้น แรงสุดก็คือนี่ (ชี้ไปที่แขน) เรากรีดที่แขน เราไม่รู้ตัวว่าเราทำอะไรลงไป แต่เรารู้สึกว่าอยู่ไม่ได้มันรนราน ธุรกิจธุรการอะไรเราทำไม่ได้เลย เพิ่งมาดีขึ้นวันที่ 29-30 พอเราดีขึ้นแม่เราก็พาไปที่วัด แล้วเลิกฉีดยาตัวนั้นเราก็หาย และก็กลับไปหาหมอจิตเวช หมอก็บอกว่าไม่ควรทำแบบนั้นตั้งแต่แรก เราเป็นโรคซึมเศร้า การที่เราหยุดยาเอง มันเป็นเรื่องที่อันตรายมาก มันทำให้เราขาดภาวะความรู้ตัว 

 

กลับไปหาหมอจิตเวชกลับไปรับยายังไง ?
ก็เพิ่มปริมาณ กลับมาสดใส กลับมาทำงานได้ 

 

อะไรที่ทำให้รู้สึกว่าไม่อยากอยู่บนโลกนี้ ?
ความประมาท คิดว่าไม่เป็นไรหรอก แค่ยาแก้ปวด คือจะพูดยังไง ทุกคนมีปัญหาในชีวิตหมด แต่ปัญหาจะเล็กหรือใหญ่มันขึ้นอยู่กับจิตใจเรา ว่าเรารับได้แค่ไหน บางทีอาจจะเรื่องแค่แฟนทิ้ง แต่บางคนคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก จนต้องตายแล้ว ซึ่งตอนนี้ภาวะจิตใจเรา เราใช้ยาประมาณ 2 เดือน เริ่มจากความไม่รู้คือเห็นคนอื่นฉีด เราก็ฉีดบ้าง มันสบายเหรอ นอนแล้วหลับสบายใช่ไหม แบบดีจังเลยเราได้ลดยาจิตเวช แต่กลายเป็นว่าเราติดยาแก้ปวด คือไม่อยากบอกชื่อยามันไม่ดี คือมันเหมาะกับคนที่ผ่าตัดศัลยกรรม มันมีความเจ็บปวดและมีความเบลอ 

"แอนนา"

ทำไมทำแบบนั้นทั้งที่ประสบความสำเร็จทุกอย่าง ?
คืออย่างนี้ค่ะ เราวางแผนธุรกิจผิดพลาด เราก็เลยรู้สึกว่ามันดิ่งๆ แล้วในภาวะที่เราคิดสั้น มันไม่ใช่แบบคนร้องไห้แล้วเสียใจ แต่มันเหมือนภาวะคนเป็นบ้า เหมือนโรคจิต ไม่อยากอยู่แล้วเบื่อจังเลย คือมันแค่นั้นเลย

 

ไม่ได้มีปัจจัยอื่น ?
คือมันแค่นั้นเลย คือถามพุดเดิ้ลสิ คือวันที่ไปเจอกันเลือดเต็มเลย ขับรถออกไปนอกบ้านคือไม่มีสติ 

 

กรีดเสร็จแล้วทำอะไรต่อ ?
ขั้นตอนมันเยอะอย่าเล่าเลย 

 

พุดเดิ้ล : คือพุดเดิ้ลพานางไป คือไม่รู้เรื่องเลย ทุกคนติดต่อไม่ได้ โทรศัพท์ปืดหมด แต่ในคอมพิวเตอร์เหมือนตามจีพีเอสนาง ก็เลยรู้ว่านางอยู่ที่โรงแรมนี้ คือเราจะต้องมาหานางทุกเช้า แล้วปกตินางไม่ไปไหนคนเดียว 

 

แอนนา : คือวันนั้นไม่ได้มีอาการร้องไห้เหมือนคนจะตายนะ ปกติสดใสร่าเริง ซึ่งเราเพิ่งรู้ว่าเราเป็นจิตเวชขั้นหนัก 

 

กินยาวันละกี่เม็ด ?
8 ค่ะ ปกติกินวันละ 3-4 เม็ด หมอบอกว่าถ้าเราหยุดยาเองเราจะมีความคิดนั้นเข้ามาอีก เราก็เลยแบบเราจะทำยังไงเราถึงจะไม่ตาย 

 

ทุกวันนี้ยังมีความคิดนั้นในหัวไหม ?
ไม่มี เพราะเรารับยาเหมือนเดิม คือเราเปลี่ยนไปเลยจากที่เราซึมเศร้า คือปัญหาที่ผ่านมาจริงๆเราจัดการได้ตลอด แต่เราทำไม่ได้ มองว่าคนรอบตัวไม่รัก ฟุ้งซ่าน อีกนิดนึงจะหลุดคำว่าคนปกติแล้ว รู้ป่ะว่านาทีสุดท้ายแอนนาคิดอะไร เชือกที่มันเป็นเชือกเสื้อโรงแรม เราเอามาผูก แล้วเราก็ผูกคอ แล้วเลือดที่แขนก็ยังไหลอยู่ เราไม่ได้คิดว่าเราโชคดีที่รอด แต่คิดว่าเราเป็นบ้าหรือเปล่า ก็ตกใจพอหล่นมาจากที่ผูกคอ เชือกมันรับน้ำหนักตัวไม่ไหว เพราะเราตัวใหญ่พอสมควร ก็หล่นลงมา 

 

พุดเดิ้ล : ตกใจมากตอนที่เจอแอนนา แอนนาไม่รู้ตัว แอนนาไม่เสียบคีย์การ์ด ห้องคือมืด ไม่มีอากาศหายใจ แอนนาใส่เสื้อแขนยาว นอนอยู่ ไม่มีความเจ็บปวดเลย แล้วเขาถ่ายรูปในโทรศัพท์เราก็เปิดดู คือมันเป็นเนื้อไขมันปลิ้นออกมา แล้วเขาก็ยังไม่บอก นางบอกว่านางล้ม เราก็พานางไปหาหมอ คุณหมอก็บอกว่านี่มันรอยเหมือนคนแทงตัวเอง เราก็ไม่ได้คิด แอนนาก็ไม่ได้บอก ถึงบ้านก็ยังเบลออยู่ จนอีกวันนึงนางก็มาสารภาพ 

 

แอนนา : คือตอนทำไม่รู้ตัว เหมือนคนดีดนิ้วแล้วตื่น แบบ งง ฉันทำอะไรลงไป เลยเล่าให้คุณหมอจิตเวชฟัง หมอเลยบอกว่าคุณติดยาเสพติด และลดยาจิตเวชเอง 

 

คือตอนนั้นที่รับยาจิตเวชเรารู้สึกว่าเราไม่ได้ป่วยแล้ว ?
เรารู้สึกว่าเราเป็นถึงขนาดนั้นได้ยังไง ไม่ใช่แค่ยาพารานะ มียานอนหลับ 4 ชุด ประมาณ 30 กว่าเม็ด เรากินยาไปเกือบ 100 เม็ดนะ แล้วยาทั้งหมดเป็นยาเกี่ยวกับสมองหมดเลย ตอนนั้นความจำมันไม่มีเลยนะ แต่เรามาเจ็บคอตรงที่เราผูกคอ ที่บ้านก็ร้องไห้ คือเราเคยทำก่อนหน้านี้เมื่อ 5 ปีก่อน ตอนที่เราไม่ได้รับยา คือเราเป็นโรคซึมเศร้า เราไม่ได้เอาเรื่องนี้มาเป็นคอนเทนต์ มันคือชีวิตคน เราผ่านมาได้ด้วยดี ตอนนี้กลับมารับงานหลังหายไป 3 เดือน เพราะตอนนั้นไลฟ์สดไม่ได้ เราลิ้นแข็ง 

"แอนนา"

ประเด็นทำศัลยกรรม 

 

"ก็คุยกับคุณหมอ ที่ The Art Clinic ว่าตอนนี้หุ่นเราเปิดมายังไงก็คือผู้หญิงแล้ว แต่หน้าเราน่ะ เราชอบเล่น AI บ่อย แล้วมันชอบจับเราเป็นผู้ชาย เราก็ไม่เข้าใจ จับมามีหนวดทุกรอบเลย จริงๆ ก็มีคลินิคติดต่อมาเยอะ ทั้งที่เกาหลีก็มี แต่ด้วยความที่เราศึกษามานานพอที่เราจะรู้ว่าที่ไทยก็ทำได้พอๆ กับเกาหลีเลย ไม่แน่อาจจะดีกว่าด้วย และต้องยอมรับว่าที่นี่จะมีหมอเฉพาะทางเยอะ ซึ่งถ้าหมอจบทั่วไปแล้วจะมาทำหน้าให้เรา เราก็ไม่มั่นใจนะ เราก็ศึกษาจากประวัติของหมอ ซึ่งส่วนใหญ่ที่นี่จะใช้หมอศัลยกรรมตรงทั้งหมด

 

คือเราต้องทำหน้าม้าตลอดเลย แต่บางทีเราก็ร้อนนะ และถึงจะแต่งหน้าเป็นผู้หญิงยังไงก็ตาม เครื่องสำอางค์ก็ยังไม่สามารถช่วยได้ ก็เลยมาปรึกษาคุณหมอว่าเราอยากลดความเป็นผู้ชายบนหน้าเราลง ปัญหาของเราคือหัวเถิก หน้าผากมาก่อนเลยอันดับแรก อยากทำเอ็นโดรไทน์กับลดหน้าผากลง ซึ่งถามแล้วที่ไทยไม่มีใครทำได้ เพราะมันยาก แต่คุณหมอต๊ะเขาจะรู้เลยว่าต้องดึงตรงไหนหน้าจะได้หวาน

 

ก็ค่อยๆ ทำค่ะ คือเราไม่อยากเดินออกมาจากโรงพยาบาลศัลยกรรมแล้วทุกคนเป็นแฝดเหมือนกันหมด โจทย์เราบอกหมอเลยว่าเราไม่อยากมีญาติพี่น้องเยอะ เราก็ลองเซิร์จแล้วว่าที่นี่คือทำตัวเราให้เป็นตัวเรา แต่ในเวอร์ชั่นที่สวยขึ้น อันนี้เราชอบ แต่ถ้าทำตัวเราเป็นคนอื่นและมีญาติเยอะแยะไปหมด

 

ส่วนตัวเราชอบคิม คาร์เดเชี่ยน แต่เรามองว่าอยากสวยเหมือนจีจี้ ฮาดิด คนก็มองแล้วหัวเราะว่าเป็นไปได้เหรอ ก็เดี๋ยวรู้กัน (ยิ้ม) เบื้องต้นเอารูปที่เอามาให้คุณหมอดูแล้ว จริงๆ เราจะไปเกาหลีนะ เราเทียบรีวิวเกาหลีกับที่นี่เลยนะ แล้วเปอร์เซ็นความรับผิดชอบในประเทศไทย สมมติถ้ามีอะไรเรามาหาหมอได้ แต่ถ้าในเกาหลีเราต้องผ่านเอเจน ถ้าเราหลุดจากเอเจนไทยเราจะเหนื่อยมาก ก็ทำที่นี่ดีกว่า ซึ่งการผ่าตัดครั้งนี้ก็จะประมาณ 4 ชม. คุณหมอบอกว่าถ้าทำทั้งหน้าก็ 8 ชม. แต่เรามองว่าด้วยอายุเรากลัวจะเกิน 8 ชม. (หัวเราะ) แต่เรื่องเจ็บเราไม่กลัวเลยนะ เพราะความเจ็บที่สุดคือไม่สวย (ยิ้ม) คาดหวังแค่ไหนเหรอ ก็เหมือนเวลาเราจะซื้อรถหรือจะซื้อบ้านแหละ เราก็ต้องดูรีวิว ดูข้อมูลมาก่อน และที่นี่ก็กำลังจะเป็นโรงพยาบาลแล้วด้วย

 

เรื่องการโกอินเตอร์เราโกไปแล้วค่ะ แต่ปีนี้เราอยากจะเปลี่ยนตัวเองก่อน เพราะสองรอบที่เราไปมา เราไปออดิชั่นการเดินแบบ คือเราไม่ใช่หุ่นนางแบบที่แท้จริง เราก็เลยกลับมาทำหุ่นเราใหม่ ทำหน้าเราใหม่ ไปรอบหน้าก็คิดว่าน่าจะช็อกค่ะ (ยิ้ม) หลังจากนี้ก็ขอแค่ว่าเราเข้าเฟซแอพแล้วมันไม่ดึงหนวดให้เราก็พอแล้ว แอนนาขอไม่พูดว่าที่อื่นดีหรือไม่ดีแล้วกัน แต่ที่นี่แอนนาศึกษามาแล้วโดยรวมแอนนาชอบที่ใช้หมอเฉพาะทาง ที่เป็นหมอศัลยพลาสติกโดยตรง อย่างน้อยเขาก็เรียนด้านนี้มา เราก็มั่นใจว่าการทำศัลยกรรมของเรามันจะประสบความสำเร็จ และด้วยจำนวนลูกค้าและรีวิวที่นี่ค่อนข้างเยอะมาก และเขาดูแลและพูดตามความเป็นจริง เราอยากได้แบบจีจี้ คุณหมอก็จะบอกเลยว่าเราสามารถทำได้กี่เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ว่าจะเป็นจีจี้ออกไปจากโรงพยาบาลเลย"

"แอนนา"

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ