รีวิว 'หุ่นพยนต์' สู่ 'ปลุกพยนต์' ทลายกรอบ สะท้อนสังคม กล้าเล่นกับความเชื่อ

กลายเป็นประเด็นร้อนแรงอยู่สักพักใหญ่ สำหรับภาพยนตร์ไทยเรื่อง "หุ่นพยนต์" ที่โดนเซ็นเซอร์มาแล้วหลายครั้ง และมีการตัดฉากไปแล้วถึง 2 รอบ ล่าสุด กลับมาอีกครั้ง พร้อมปล่อยถึง 2 เวอร์ชั่นให้ทุกคนได้รับชมพร้อมกันทั่วประเทศ เวอร์ชั่นแรก "หุ่นพยนต์" ที่ถูกจัดอยู่ในเรตติ้ง ฉ.20- และเวอร์ชั่นที่ 2 มาในชื่อ "ปลุกพยนต์" ถูกจัดอยู่ในเรตติ้ง น.18+ และลงจอภาพยนตร์ทั่วประเทศในวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ คมชัดลึกบันเทิง มีโอกาสได้ดูในรอบสื่อที่ผ่านมา เลยถือโอกาสมารีวิวฉบับย่อๆ พร้อมทำความรู้จักภาพยนตร์เรื่องนี้ 

เรื่องย่อ : "ธาม" ออกเดินทางตามหาพี่ชาย "พระธี" ที่บวชเป็นพระอยู่ที่วัดบนเกาะดอนสิงธรรม จนได้เจอกับ "เจษ" ช่างปั้นหุ่นพยนต์ที่ปลุกเสกหุ่นด้วยคาถาอาคม ธาม รับรู้ถึงข่าวลือจากพระและชาวบ้านว่าพระธีได้หนีหายสาบสูญหลังจากลงมือฆ่าเจ้าอาวาสวัด แต่ธามไม่เชื่อว่ามันคือเรื่องจริงพอๆกับไม่เชื่อลัทธิประหลาดที่ชาวบ้านนับถือหุ่นปั้นพ่อปู่สิงธรรม จนกระทั่งเกิดเหตุร้ายในหมู่บ้านเมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่งหายสาบสูญ มีคนตาย และซ้ำร้ายที่สุดคือหุ่นปั้นพ่อปู่สิงธรรมที่ชาวบ้านนับถือกลับถูกทำลาย ชาวบ้านโกรธแค้นเตรียมตั้งพิธีกรรมสาปแช่ง และตามล่ามือมืด

1> ทำความรู้จัก หุ่นพยนต์ VS ปลุกพยนต์ : หลังจากที่กลายเป็นประเด็นร้อน ในเวลาต่อมา ได้มีการเปลี่ยนชื่อ และจัดเรตใหม่ โดยมีทั้งหมด 2 เวอร์ชั่น คือ "หุ่นพยนต์" จัดเรท ฉ.20+ และปลุกพยนต์ จัดเรท น.18+ ซึ่งมีความยาวกว่า 4 นาที อย่างไรก็ตาม ทางผู้กำกับภาพยนตร์ได้มาเปิดเผยว่า ทั้งสองเวอร์ชั่นนั้นไม่ต่างกัน ยังคงความเค้าโครงเรื่องรวมถึงใจความสำคัญของเรื่องไว้เช่นเดิม

2> ความหมาย "พยนต์" : พยนต์ คือ สิ่งที่ผู้ทรงอาคมปลุกเสกให้มีชีวิตขึ้นมาเพื่อใช้งาน หุ่นพยนต์ คือ รูปที่ผู้ทรงอาคมเอาวัตถุมาผู้ขึ้นแล้วเสกเป่าใหเเป็นเหมือนรูปที่มีชีวิต เป็นความเชื่อทางด้านไสยศาสตร์โบราณ เรียกว่า วิชาผูกหุ่น สิ่งที่ทำเป็นหุ่นอาทิ ขี้ผึ้ง ดินเหนียว ไม้ไผ่ ทั้งนี้หุ่นพยนต์มีทั้งสายขาว และสายดำ เหมือนในเรื่องที่มีการยกภัยพยนต์ อาทิ หุ่นที่ใช้ทำเสน่ห์ ซึ่งเป็นวิชาสายดำ

3> กล้าที่จะเล่นกับความเชื่อ และการสะท้อนสังคม : 

• สิ่งที่ชอบที่สุด : สะท้อนให้เห็นถึงสังคมที่แท้จริง กล้าที่จะจับความเชื่อมาใส่ไว้ในเรื่อง พร้อมสั่งสอนได้อย่างแยบยล จิกกัดความไม่มีสติ และความหย่อนยานของสังคม และกฏหมาย นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่า ความเชื่อนั้นมีอำนาจเหนือกว่าเงิน ยศศักดิ์ และฐานะเสียอีก

• ต่อให้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ : หากอยู่ในสังคมนั้น การที่คุณไม่เชื่อ คุณจะกลายเป็นคนนิสัยไม่ดี ถึงขั้นที่กลายเป็นผู้ก่อการร้ายทางความเชื่อของผู้คนทั้งหลายที่กำลังหลงใหลในสิ่งนั้นได้เลย

• สะท้อนผ่านความคิดตัวละคร : เฉกเช่นในเรื่อง ตัวละคร พระธี ที่ไม่เห็นด้วยกับการหากินกับรูปปั้นพ่อปู่ แต่เมื่อชาวบ้าน หรือ กลุ่มที่ไร้ซึ่งความสามารถในการรับรู้ หรือ ไตร่ตรอง ถูกยัดมายาคติใส่หัวไปก่อนหน้านั้นแล้ว จนกลายเป็นความเชื่อ ที่หากใครไม่เชื่อต่างต้องมองว่า งมงาย ยิ่งผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากสิ่งนี้ ยิ่งหอมหวาน จึงไม่แปลกที่ตัวละครพระธีจะถูกยัดความเป็นฆาตกร ทั้งที่ไร้ซึ่งหลักฐาน รวมถึงตัวละครผู้ทำหุ่นพยนต์ (แสดงโดย : นิค) แม้จะไม่เห็นด้วยที่ชาวบ้านถูกยัดความเชื่อจอมปลอม ทั้งที่ตัวเองเป็นคนมีวิชาคาถา แต่ก็ต้องปิดหูปิดตา ปลีกวิกเวก เป็นคนไร้ซึ่งความเห็ฯ เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่รอดในสังคมได้

4> เส้นทางการเล่าเรื่อง : เรื่องราวดำเนินไปอย่างกระชับ แม้จะมีการหักมุมสลับกันไปมาให้ลุ่นระทึกอยูาตลอด แต่ก็มีการบอกใบ้เรื่องราวตามสัญลักษณ์ต่างๆ ผ่านฉากอยู่ตลอด หรือ การจับผิดสิ่งเล็กๆน้อยๆที่จงให้จับผิดได้ แม้จะจบด้วยปลายเปิด แต่สามารถเข้าใจเรื่องราวได้ไม่ยาก ซึ่งข้อดีอีกอย่างคือ ไม่บังคับให้คนดูต้องมีความเชื่อ ให้คนดูใช้วิจารญาณตัดสินจากสิ่งที่สะท้อนผ่านาพยนตร์

5> ตัวละครชูเรื่อง :

• "อัพ ภูมิภัทร" รับบทเป็น เต๊ะ ฉีกบทยิ่งกว่าเดิม ตีบทแตกจนแทบอยากจะจิกหมอน ทั้งสีหน้าแววตา ที่เรียกว่าเกินความคาดหมาย นับได้ว่ามาเนื้อเมฆ 

• "นิค คุณาธิป" รับบทเป็น เจษ รู้สึกทึ่งกับการแสดงของนิคมากที่สุด เป็นตัวละครอีกคนที่เข้ามาแล้วทำให้เรื่องมันอิ่มกว่าเดิม

• "ภูวิน ภูวินทร์" รับบทเป็น ธาม นับได้ว่า ทำได้ดีพอสมควร สำหรับการแสดงในภาพยนตร์ครั้งแรก และยังขึ้นแท่นเป็นบทนำที่ต้องคอยผูกเรื่องราวทั้งเรื่อง