"ปราปต์ปฎล" เครียด Forex ทำพิษ งานหด คนไม่กล้าจ้างเพราะกลัว ท้อใจ ไม่มีรายได้ แต่มีรายจ่ายเพียบ ต้องเอาเงินเก็บมาใช้ ไม่อยากอยู่ในวงการบันเทิงแล้ว
ยังคงคาราคาซัง ไม่จบไม่สิ้น สำหรับเรื่องราวของ "ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง" นักแสดงรุ่นใหญ่ หลังก่อนหน้านี้ถูกโยง คดี Forex 3D แม้ว่าจะเคยยื่นเอกสาร หลักฐานต่างๆ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ที่ DSI แล้วก็ตาม โดยเจ้าตัวเปิดใจที่งานแถลงข่าวละครเวทีแห่งปี พิษสวาท เดอะมิวสิคัล ณ เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์ ว่า ทุกวันนี้ได้รับผลกระทบ มีคนเข้าใจผิดจนไม่กล้าจ้างงาน จนทำให้ไม่อยากอยู่ในวงการบันเทิงแล้ว
ตอนนี้ก็กลับมารับงานแสดงเต็มๆ แล้ว?
จริงๆ งานนี้เป็นงานที่คุณบอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ ท่านเมตตาให้ผมทำ อย่างที่ทราบกันว่าละครเรื่องนี้ถูกเลื่อนทุกคนก็รอคอยกันมานานมาก ถือว่าเป็นการเก็บที่เรามีอยู่แล้ว ส่วนงานที่ทำอยู่ก็มีปิดไปหลายเรื่อง
ข่าวที่เกิดขึ้นเป็นผลกระทบไหม?
กระทบครับ กระทบเต็มๆ (ยิ้ม)
โดนแคลเซิลไปเยอะแค่ไหน?
ปกติชีวิตผมถ่ายละครประมาณ 5-6 เรื่องต่อสัปดาห์ ละครใหม่ๆ และภาพยนตร์ที่เข้ามาที่ติดต่อไว้ก็ยกเลิก ผลกระทบจากข่าวที่นำเสนอไป 2 เดือนช่วงนั้นแหละ(ยิ้ม) เหมือนกับว่าผมถูกพิพากษาไปแล้วในโลกของโซเชียล ตัวอย่างของผมมันชัดเจนว่าเมื่อเราไม่ผิดเราก็พยายามต่อสู้เรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเอง
ถ้านับการสูญเสียรายได้จะประมาณเท่าไหร่?
ช่วงเวลาที่ผ่านมาที่ผมโดนผลกระทบเวลา 6 เดือนได้ ซึ่งนั่นก็คือล็อตหนึ่งของละคร ก็หลายล้านอยู่ครับ (ยิ้ม)
กระทบถึงเรื่องบ้านและชีวิตส่วนตัว?
ภาระประจำเดือนของผมจะมีการผ่อนทุกอย่าง ไม่ได้มีธุรกิจอื่น เพราะฉะนั้นรายจ่ายประจำเดือนของผมมีรถ คอนโดฯ ตัวเอง บ้านที่ลูกๆ ผมอยู่ พ่อที่อยู่นครสวรรค์ แล้วก็ครอบครัวของคุณแม่น้องจิ๊กกี๋ที่จันทบุรีที่ผมต้องดูแลรับผิดชอบอยู่ ตอนนี้คุณพ่อผมก็ดูแลไม่ได้แล้วต้องปล่อยให้ตามมีตามเกิด คุณแม่กี๋ก็ต้องปล่อย บ้านของลูกๆ ผมก็ไม่ได้ส่งให้ 3-4 เดือนแล้ว ตอนนี้ก็ประคับประคองชีวิตตัวเองให้รอดไปวันๆ ก่อนครับ
ต้องเอาเงินเก็บมาใช้?
ไม่เหลือแล้วครับ ละครที่ทยอยปิดไปเขาจ่ายมา คือลักษณะการทำงานของละครมันจะเป็นแบ่งจ่าย 5% 10% เป็นงวดๆ ซึ่งนั่นคือค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน ละครเก่าปิดไปเรื่อยๆ มันเหมือนหมุนไปเรื่อยๆ ตอนนี้ไม่มีงานใหม่เข้ามาทดแทนเพราะถูกแคนเซิลไป จะนัดวันถ่ายแล้วอะไรแล้วก็ถูกยกเลิกไป โดยเฉพาะที่ผมเสียใจมากๆ คือภาพยนตร์ ผมรักภาพยนตร์มาก ผมมีการติดต่อจากค่ายใหญ่ หนังน่าเล่นมากก็ตกลงเรื่องคิวถ่าย เริ่มทุกอย่างเรียบร้อยไปแล้ว เหตุผลหลักๆ เขาเห็นข่าวนี้เขากลัวว่าถ่ายๆ อยู่จะมีเรื่อง
คนไม่รู้ความจริงคืออะไร ทีนี้การนำเสนอบ้านเราเป็นระบบการกล่าวหา คือกล่าวหาไปก่อนถ้าไม่ผิดก็ไปแก้ตัวเอาเอง แต่ผมเข้าใจว่าสื่อได้รับข้อมูลมาจากหน่วยงานราชการก็เลยมั่นใจว่านั้นคือข้อมูลจริงเลยนำเสนอไป มันคือการพิพากษาผมว่าผมโดนแบบนี้ พอถูกจ้างงานก็บอกให้ไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อน วันนี้เลยไปทวงถามว่าเมื่อไหร่จะจบ ชีวิตผมพังมาครึ่งปีแล้ว ถ้าเกิดแบบนี้ไปเรื่อยๆ เราจะทำยังไงต่อ
หลังจากนี้คิดว่างานจะเริ่มกลับมาไหม?
ผมคาดเดาไม่ได้เลย แม้แต่ผมไม่เคยคาดเดาว่าชีวิตผมจะเป็นแบบนี้ จากคนที่มีงานตลอดมันยังเกิดวิกฤติแบบนี้กับผมเลย
วางแผนอะไรไว้ต่อไหมถ้างานยังไม่มี?
ไปแล้วครับ ผมก็คิดว่าวงการมันคงไม่เหมาะกับผม
ทำไมถึงมีความคิดนี้?
ผมมาจากลูกชาวไร่ชาวนาเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง ก็ไม่เป็นไรที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม”
ให้เวลาตัวเองถึงเมื่อไหร่?
เดี๋ยวคำตอบมันจะมาเอง เมื่อมันได้คำตอบจากสิ่งที่เราประสบอยู่ ทุกอย่างมันจะบอกเองว่าควรไปได้หรือยัง
แสดงว่ามีโอกาสหันหลังให้วงการ?
ผมมีความรู้สึกว่าก็ตรงนี้เขามองว่าผมไม่ใช่ความสุขของที่นี่ ไม่ใช่สิ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่แล้ว เพราะข่าวที่นำเสนอออกไปพิพากษาผมแบบนี้แล้ว ผมรู้สึกว่ามันโหดร้ายจัง 30 กว่าปีแสดงว่าความดีงามที่เราทำมาตลอดมันปกป้องเราไม่ได้ เราก็ต้องไปอยู่ในมุมที่…ไม่ต้องไปอยู่ในสังคมกว้างๆ ก็ได้ ไปอยู่ที่แคบๆก็ได้
คิดว่าต้องใช้เวลาพิสูจน์อีกนานไหม?
ผมไม่แน่ใจ คือคนที่กำหนดว่านานไม่นานได้ คือคนที่มีอำนาจในมือครับ เพราะเขาเป็นคนกล่าวหาผม และก็มีคนส่งข้อความให้ผมทั้งๆ ที่วันนี้ผมเพิ่งคุยไปนะครับ จริงๆ มันมีการชี้แจงมาอย่างชัดเจนตลอดเวลาอยู่แล้ว เรื่องรถยนต์ผมฝากไปถึงพี่สรยุทธนะครับ ที่บอกว่ารถคันนี้อยู่ในการครอบครองของปราปต์ปฎลเนี่ย ผิดนะครับพี่ ผมไม่เคยครอบครองรถคันนี้ รถคันนี้ ไม่ใช่รถผมนะครับ ไปทำความเข้าใจใหม่นะครับ พี่พูดออกไปแล้วมันทำให้ผมรู้สึกว่าเนี่ยมันเกิดประเด็นอีกแล้ว เพราะคนที่พูดเนี่ยน่าเชื่อถือไง
เพราะฉะนั้นผมถึงบอกว่า เช็กดีๆ ครับถ้าพี่อยากรู้ส่วนตัวกับผม พี่เรียกหาผมได้ตลอด ผมทำงานอยู่ช่อง3 มากี่ปีแล้ว เพราะฉะนั้นผมเหมือนน้องที่เจอกันตลอดอยู่แล้ว ใครไม่เข้าใจผม หรืออยากรู้เรื่องส่วนตัวผม
จริงๆ ผมเบื่อจะพูดเรื่องนี้แล้ว คนอย่างผมคือถ้าไม่สาหัสจริงๆ ผมไม่ค่อยพูด ผมเป็นคนนิ่งๆ ผมรู้ว่าผมเหมาะกับอะไรมากกว่า ผมเหมาะกับการอยู่นิ่งๆ และทำงานไป ผมเหมาะกับการที่จะแอบทำงานที่ผมทำมาตลอด 30 กว่าปี ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าผมทำอะไร ผมไม่เหมาะกับการที่จะต้องมาเป็นกระแส มาเป็นข่าว ผมไม่ถนัดครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง