บันเทิง

'อเล็กซ์ เรนเดลล์' โดนวิจารณ์ไม่เหมาะเป็นพระเอก จนเกิดจุดเปลี่ยนชีวิต

'อเล็กซ์ เรนเดลล์' โดนวิจารณ์ไม่เหมาะเป็นพระเอก จนเกิดจุดเปลี่ยนชีวิต

23 ก.พ. 2566

"อเล็กซ์ เรนเดลล์" เผยเรื่องสุดเฟล โดนวิจารณ์ไม่เหมาะเป็นพระเอก จนเกิดจุดเปลี่ยนชีวิต ปฎิเสธคนไม่เป็น ชอบช่วยเหลือคนอื่นเกินลิมิต

นักแสดงและนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตัวยง "อเล็กซ์ เรนเดลล์" เปิดใจในรายการ WOODY FM เล่าถึงเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกเฟลเมื่อเจอคำวิจารณ์ โดนกระแสตีกลับ ว่าไม่เหมาะสมที่จะรับบทพระเอก ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิต และบทเรียนครั้งใหญ่ของการปฎิเสธคนไม่เป็น ชอบช่วยเหลือคนอื่นเกินลิมิตจนไม่มีเวลาให้กับตัวเอง

 

"อเล็กซ์ เรนเดลล์" ในวันนี้พอใจกับตัวเองหรือยัง ?
อเล็กซ์ : ผมคิดว่าผมมาได้ไกลกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลยครับ คือปกติตอนนั้นที่มันอยู่ในช่วงที่เราจะประสบความสำเร็จในวงการนี้หรือไม่ ช่วงมหาวิทยาลัย 18-19 ปี แล้วเราก็เห็นคนรุ่นเดียวกันเขาไปได้ไกลกันแล้ว แต่เราก็ยังค่อยๆ เป็นค่อยๆไป  อาจจะเป็นด้วยว่าเราเดินไปในทางของการเป็นนักแสดง ที่มองว่าไปในทิศทางที่ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆสะสมไป เป็นสิ่งที่ถ้าเราแสดงเก่ง ตั้งใจแสดง วันข้างหน้ายังไงเราก็จะมีอาชีพในด้านการเป็นนักแสดงอยู่เรื่อยๆ ณ จุดนี้ผมคิดว่าผมมาได้ไกลมาก ไกลกว่าที่คิด คิดว่าประสบความสำเร็จแล้วในระดับหนึ่ง ชีวิตส่วนตัวในการงานก็ประสบความสำเร็จ ด้วยความที่เราเป็นคนอยากจะพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด 

"อเล็กซ์ เรนเดลล์"

คำว่า เฟล ที่หมายถึงบทเรียน คุณนึกถึงเหตุการณ์ไหนที่สุด ?
อเล็กซ์ : รู้สึกว่าเราเฟลอยู่ตลอดเวลานะครับ แต่ว่าด้วยความที่เราเป็นคนมองว่าทุกความผิดพลาดมันคือการเรียนรู้ เราไม่ใช่คนที่ฟังคนง่ายๆ นอกจากเจอกับตัวเอง เหมือนบทเรียนรู้อะไรบางอย่างที่บอกตัวเองว่าห้ามเฟลเรื่องเดิมซ้ำ 2 รอบเท่ากับว่าเราไม่ได้เรียนรู้ แต่ถามว่าเฟลที่สุดน่าจะเป็นช่วงที่เราเล่นละครเรื่องสุดแต่ใจจะไขว่คว้า เราคิดในตอนนั้นว่าเราจะมาเป็น คือคนรอบตัวเราในช่องเขาพูดว่าคุณจะเป็น เคน ธีรเดช คนต่อไป เราก็แบบเหรอ

 

แล้วตอนนั้นพี่เคนดังมาก เราก็คิดว่าคงไปในทิศทางนั้นแล้วเรากำลังจะได้เล่นเป็นพระเอกเรื่องแรก พอละครออนไปเสร็จตอนนั้นถูก Pantip กระหน่ำมาก ไม่พร้อม ไม่ใช่ ยังไม่ถึงเวลา แล้วมันก็เป็นเหมือนการทดสอบความจริงอะไรบางอย่างที่เราต้องมาเช็กตัวเอง ตอนนั้นมันก็เศร้านะพี่ เพราะเราไม่รู้เลยว่ามันจะมีผลกับเรา แต่ตอนนั้นเราอายุ 18-19 แล้วคิดว่าเราจะขึ้น แล้วเหมือนมีคนมาทำให้เราลงมาอย่างงี้ เลยเป็นบทเรียนที่ดีมากๆ ที่เป็นจุดเปลี่ยนของหลายๆอย่าง  ฉะนั้นผมอยากที่จะเป็นนักแสดงที่เก่งอยู่ตลอด ศึกษาอะไรเอง ทำอะไรเองได้ พยายามจะไปเรียนการแสดง แล้ว ณ ตอนนั้นก็ยังไม่ได้มีชื่อเสียง ก็เลยศึกษากับตัวเองจนเข้าใจในการแสดง เลยรู้ว่าถ้าไปทางที่เราถนัดจริงๆ คือแสดงให้มันดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มันจะเป็นอาชีพของเราไปได้เรื่อยๆ 

"อเล็กซ์ เรนเดลล์"

สิ่งที่คุณทำ ทางเดินของคุณโฟกัสมันชัดมาก และให้กลับคืนสู่สังคม เขาจึงวางคุณว่าเป็นคนดีของสังคม ดังนั้นชีวิตส่วนตัวต้องระวังเยอะไหม ?
อเล็กซ์ : จริงๆ ชีวิตผมไม่ค่อยมีอะไรยกเว้นงานครับ ผมไม่ได้มีสังคมที่เป็นเพื่อนนักแสดงแบบสมัยก่อนแล้ว ผมจะมีกลุ่มเพื่อนกลุ่มเดียว ที่แบบพอหลังจากการทำงานเราก็จะเจอกันแต่กลุ่มนี้ เพื่อน ครอบครัว แฟน แค่นี้ครับ รู้สึกว่ายิ่งเติบโตวงกลมของเรามันเล็กลงเรื่อยๆ แต่มันแน่นขึ้น ความสัมพันธ์ของคนรอบตัวมันดีขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกว่ามีแค่นี้มันแฮปปี้มากๆ แล้ว ไม่ค่อยชอบใช้ชีวิตที่มันแบบอะไรเยอะแยะมากมาย เวลาว่างก็อยากจะอยู่กับคนที่เรารู้สึกดีด้วย 100%

 

ในอดีตที่ต้องเข้าสังคม อะไรที่คุณต้องทำบ่อยมาก แล้วมารู้ตัวอีกทีว่าเราไม่น่าทำเลย ? 
อเล็กซ์ : มีครับ อย่างแบบการอยู่กับสังคมวงการ คือแยกไม่ออกระหว่าง ความสัมพันธ์ในการทำงาน กับ ความสัมพันธ์ส่วนตัว เมื่อก่อนมันจะถูกรวมเป็นสิ่งเดียวกัน แล้วรู้สึกว่าพอทำไปสักพักแล้วมันไม่ใช่ พอเราไปอยู่ในโลกวงการบันเทิงเยอะๆ มันจะดึงเราไปเป็นในสิ่งที่เราไม่ได้อยากที่จะเป็น  อยู่ที่ว่าเราจะดึงตัวของเราออกมาได้หรือเปล่า ผมเป็นคนที่ค่อยข้างใจดี ปฎิเสธคนไม่ค่อยเป็น ซึ่งเป็นบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่หลังๆ มานี้

 

คือผมทำงานด้านสิ่งแวดล้อม คนจะมองว่าเราใจดี ซึ่งเราคิดว่าเราเป็นคนใจดีนะ พอเวลาเราใจดีมากๆ สุดท้ายคนที่ต้องมาเหนื่อย ต้องมาเป็นเหยื่อก็คือตัวเรา มีความคิดว่าอยากที่จะไปช่วย อยากที่จะไปทำ จนมารู้อีกทีมันเหนื่อยกับการที่เอาความรู้สึกคนอื่นมาอยู่ข้างหน้าเราตลอด ทำเพื่อคนอื่นไว้ก่อนเดี๋ยวเราค่อยว่ากันได้ ซึ่งมันมีลิมิต ทำได้แต่พอทำทุกวันมารู้ตัวอีกทีทำไมเราเหนื่อย เหมือนมันไม่ได้ดูแลความรู้สึกของตัวเอง ยอมที่จะแบกความรู้สึกของคนอื่นมาอยู่ที่เรา เพื่อที่จะให้เขารู้สึกโอเค พอมาสักพักหนึ่งมันเริ่มไม่ใช่แล้ว 

 

จุดไหนที่รู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว ?
อเล็กซ์ : จุดที่เราช่วยคนอื่น จนกระทั่งไม่มีเวลาทำอะไรเป็นของตัวเอง อย่างผมทำเรื่ององค์กรช่วยหน่วยงานเยอะแยะมากมาย ช่วยด้วยความที่อยากจะช่วย แต่สุดท้ายองค์กรของเราไม่เดิน เพราะเราไม่มีเวลามาประชุม ไม่มีเวลาที่จะมานั่งจัดแจงโน้นนี่นั่น แล้วทุกปัญหาที่มันเกิดขึ้นถ้าเกิดเราย้อนกลับไปเรื่อยๆ มันจะรู้ว่าจุดกำเนิดของปัญหาคืออะไร แล้วมักจะเป็นเพราะว่าเราไม่มีเวลาหรือเราไม่ได้ไปใส่ใจกับรายละเอียดตรงนั้น เพราะเอาเวลาของเราไปมอบให้กับสิ่งที่ทั้งดีกับไม่ดีบ้าง   
 

คุณมีกระบวนความคิดที่เปลี่ยนไปยังไง หลังจากนั้น ?
อเล็กซ์ : คิดว่าต้องเอาคนของเราก่อน ณ ตอนนี้ผมอายุ 33 มีความรับผิดชอบเยอะแยะมากมาย เรามี 2 บริษัท มีครอบครัว มีละครที่ต้องเล่น ต้องทำให้ตรงนี้ทุกคนมันแน่น ทุกคนแฮปปี้ให้ได้ก่อนที่เราจะไปให้ความสุขกับคนอื่นๆ ครับ หลังๆ ก็กล้าปฎิเสธขึ้น คิดว่ามาถึงจุดที่เราโตพอที่จะรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีหรือไม่ดีสำหรับตัวเราเอง ไม่จำเป็นต้องรอการประเมินของคนรอบข้าง เราทำงานหนัก ทำงานเต็มที่ ให้ใจกับทุกอย่างที่เราทำ เพราะฉะนั้นจะรู้เองว่าสิ่งที่เราทำดีหรือไม่ดี 

 

สามารถติดตาม Woody FM ได้ที่ช่องทาง Podcast : WOODY FM , Facebook: Woody, Youtube: Woody ทุกวันพุธ เวลา 19.00 น. 

"อเล็กซ์ เรนเดลล์"

"อเล็กซ์ เรนเดลล์"