"ไอซ์ อภิษฎา" โชว์หน้าสด เตรียมคลอดลูกสาวคนแรก ลุ้นจะคลอดธรรมชาติไหวไหม

ทำเอาว่าที่คุณแม่ป้ายแดง "ไอซ์-อภิษฎา เครือคงคา" ลุ้นแบบสุดๆ ว่าตัวเองจะคลอดลูกสาวคนแรก ด้วยวิธีธรรมชาติไหวไหม โดยเจ้าตัวโพสต์คลิปตัวเอง นอนอยู่บนเตียงนอนคนไข้ สวมใส่ชุดของโรงพยาบาล ลงในอินสตาแกรมส่วนตัว ซึ่งในคลิปนั้น ไอซ์ อภิษฎา เผยความรู้สึกว่า "เย้ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงสักที พร้อมแล้วนะคะ ใกล้จะได้เจอหน้าลูกสาวแล้ว มาลุ้นดูว่า จะคลอดธรรมชาติไหวไหม" ท่ามกลางเพื่อนคุณแม่ดารา ที่เข้ามาลุ้น และอวยพรขอให้เธอ คลอดลูกสาวได้ง่ายๆปลอภัย 

สำหรับ "ไอซ์ อภิษฎา" ออกมาประกาศท้อง กับแฟนหนุ่มต่างชาติ ชาวฝรั่งเศส ครั้งแรก เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2565 ซึ่งตอนนั้น มีอายุครรภ์ 3 เดือน 2 สัปดาห์ จากนั้น ไอซ์ อภิษฎา พูดถึงเส้นทางความรักว่า อายุมากกว่าฝ่ายชาย 4 ปี ก่อนหน้านี้ ไปดูดวงกับ "แม่ต๊อกแต๊ก" เขาบอกว่าจะมีผู้ชายเข้ามานะ จะเป็นต่างชาติ จากนั้น 1 อาทิตย์ ก็เจอเลย แต่ยังไม่ได้เจอด้วยตัวเอง พอดีถ่ายรูปเล่นหน้ากระจก ก้อง Hive Salon ก็อยากถ่ายรูปประจานเพื่อน เลยแอบถ่าย หลังจากนั้นผู้ชายก็ส่งมาหาว่า ว้าว จากนั้นก็ได้แนะนำตัวกัน

แต่ก็พยายามจะไม่เชื่อดวง ตอนนั้นได้ไปอยู่หัวหินช่วงโควิด ซึ่งฝ่ายผู้ชายก็พยายามนัด แต่ตนเองก็ปฏิเสธตลอด เพราะตอนนั้นงานแคนเซิล แต่ถ้าจะให้กลับไปกรุงเทพฯ ก็จะไปเฉพาะไปทำงาน ไม่ได้อยากกลับไปกรุงเทพฯ เพื่อไปเจอผู้ชาย แต่บอกปัดไปหลายครั้งมาก จนครั้งที่ 3 ก้องบอกว่าทำแบบนี้น่าเกลียดเกินไป ถ้าไม่ชอบก็ไปเจอจะได้จบๆ กันไป ไม่ใช่ก็ครั้งเดียว คือตนเองเป็นคนที่ไม่ชอบฝรั่งเลย ไม่มีทาง ซึ่งเรื่องที่ไปดูดวงมาไม่ได้บอกใครเลย เพราะรอให้คอนเฟิร์มก่อน ไม่งั้นทุกอย่างจะเคลื่อนไปหมด

"หมอลักษณ์" เคยพูดเรื่องนี้ไว้เมื่อก่อน ว่าตอนนี้ยังไม่มี แต่ปี 2565 ระวังไว้นะ จะมีคนเข้ามา จะจับไอซ์ ทำไอซ์ท้อง แล้วก็เป็นคู่ที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันทุกคืน อย่าจัดงานใหญ่นะ ถ้าจัดงานใหญ่จะพัง ตอนนั้นรู้สึกว่าทำไมชีวิตอาภัพขนาดนี้ และคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ไม่ได้บอกใครมาก 

บอกกับเพื่อนแค่ว่า ถ้าปี 2565 ท้องจริงๆ แปลว่า หมอลักษณ์แม่น และเขาบอกไว้ว่าห้ามจัดงานใหญ่นะ ให้คบเงียบเท่าไรยิ่งดี ส่วนที่ยังไม่บอกใครว่าคบกับแฟนคนนี้ ก็เพราะว่าตั้งแต่ตอนที่เขาขอแต่งงาน ตอนเดือนตุลาคม เราก็อยากจะประกาศเหมือนกัน หลังจากที่เห็นแหวนเพชร ซึ่งก็มาคิดว่าครั้งที่แล้วก็เคยใส่แล้ว มันก็ไม่ได้ ไม่ใช่  พอตัดภาพมาที่คนนี้ ตอนที่เขาขอแต่งงาน เราก็ยังมีความกลัว แต่ก็ปฏิเสธเขาตลอด ว่ายังไม่พร้อม 

จนเขาบอกว่า ถ้ายังไม่พร้อม และไม่ได้คิดเหมือนกับเขาให้บอกกันตรงๆ จะได้ไม่เสียเวลา พอบอกว่าไม่พร้อม เขาก็ถามว่ารออะไร อยากมีเงินเท่าไร อยากทำงานอีกเท่าไร และต้องการอะไรในชีวิต ซึ่งเราก็ตอบไม่ได้ รู้สึกว่าเราก็เต็มอิ่มกับทุกเรื่องแล้ว ซึ่งเราก็บอกว่าเราเป็นคนโตมาด้วยตัวเอง กลัวว่าถ้ามีลูก จะไม่สามารถดูแลตัวเองได้เหมือนเดิม เพราะไม่ชอบขอความช่วยเหลือใคร 

การแต่งงานไม่ใช่จุดเปลี่ยน แต่การมีลูกคือจุดเปลี่ยน ซึ่งตอนนี้ก็พร้อมแล้ว ที่จะมีลูกและเลี้ยงเด็กคนนี้ ซึ่งก็บอกฝ่ายชายว่า มั่นใจแล้ว โอเค ถ้าเธอกลับมาครั้งนี้ เดี๋ยวเราจะลองมีลูก มีครอบครัวกันนะ แล้วก็พาไปเจอพ่อแม่ ไปคุยกันเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องงานแต่ง คงไม่แต่ง เพราะขี้เกียจยืนถ่ายรูป และรู้สึกเฉยๆ กับงานแต่งงานมาก เพราะคิดว่าเหมือนเป็นงานของคนอื่น"