เหตุเรือ"หลวงสุโขทัย"อับปาง เหมือน"ไททานิค"? ภาพยนตร์จากเรื่องจริง

เหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัย อับปาง ณ น่านน้ำอ่าวไทย บริเวณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ขณะที่แล่นเรือเพื่อไปร่วมพิธีสำคัญ แต่ด้วยเคลื่อนลมแรงทำให้เกิดเรื่องที่หลายคนตกใจอย่างมากทั่วทั้งประเทศ ด้านที่ผู้สูญหายเจ้าหน้าที่และประชาชนที่เฝ้าติดตามก็ยังส่งกำลังใจและมีความหวังว่าจะได้พบเจอและปล่อยภัย

ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการช่วยเหลือก็ออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยความเศร้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งมีการวิเคราะห์เชื่อมโยงไปถึงเหตุการณ์ครั้งอดีตกับการอับปางของเรือไททานิค ว่า "ก่อนที่เรือหลวงสุโขทัย จะดำดิ่งลงสูงก้นทะเลนั้น มีลักษณะคล้ายกับการอับปางของเรือไททานิค ที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ นั่นคือดิ่งลงสู่ก้นทะเลรูปแบบ 90 องศา"

สำหรับข้อมูล "เหตุการณ์ไททานิค" เรือโดยสารหรูของอังกฤษ ที่จมลงสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก ในเดือน เม.ย. ปี 1912 นั้นมีระบุว่า  "เรือได้ชนกับภูเขาน้ำแข็ง เนื่องจากไม่สามารถเลี้ยวหลบได้ทัน ส่งผลให้เรือได้รับความเสียหายจากการชนแฉลบที่กราบขวาของเรือ และสร้างรอยรั่วในหกห้องจากสิบหกห้องเรือ นั่นจึงกลายเหตุการณ์หนึ่งในภัยพิบัติทางทะเลที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตมากมาย นำไปสู่การพูดถึงกันมาจนถึงปัจจุบัน

จากการจำลองที่มีปรากฎและภาพยนตร์ที่ถูกนำเสนอนั้น ชี้ให้เห็นว่ารูปแบบการอับปางของ เรือไททานิค นั้นค่อย ๆ จมลงจากส่วนที่ได้รับความเสียหายจากการชนภูเข้าน้ำแข็ง น้ำเลได้ทะลักเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำให้เรือถึงขั้นตั้งตรงประมาณ 90 องศา ก่อนที่จะหักโค่นลง และดิ่งสู่ก้นทะเล"

ขณะที่รูปแบบของการอับปางของ เรือหลวงสุโขทัย นั้นตามข้อมูลระบุชัดว่า "เกิดจากเคลื่อนลมแรงที่สูงนับ 6 เมตร ในท้องทะเล "เรือจึงมีอาการเอียง" มีน้ำทะเลไหลเข้าระบบเครื่องไฟฟ้า ทำให้ไฟฟ้าดับ เครื่องจักรใหญ่หยุดทำงาน ควบคุมเรือไม่ได้ และน้ำเข้าภายในตัวเรืออย่างรวดเร็วจนเรือเอียง ซึ่งเริ่มเอียงจากฝั่งที่มีน้ำทะลักเข้ามาในลักษณะของแนวนอน ดังภาพที่ปรากฎตามข่าว ซึ่งได้นำเสนอไป"

หากย้อนกลับไปในวงการบันเทิง ภาพยนตร์ถือเป็นอีกหนึ่งมุมสะท้อนสังคมได้เป็นอย่างดี หลากหลายเรื่องราวถูกนำตีแผ่ เป็นอุทาหรณ์ให้เห็นกัน อย่างเรื่อง "ไททานิค" ตำนานเหตุภัยพิบัติทางทะเล

ส่วนภาพยนตร์ในบ้านเราที่หยิบเหตุการณ์จริงมานำเสนออย่างเรื่อง"ตะลุมพุก" เหตุการณ์วาตะภัย ที่เกิดขึ้นกับคนในชุมชน อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อปี 2505 ก็ถูกตีแผ่ให้เห็นเช่นกัน 

ซึ่งแต่ละเรื่องราวก็สะท้อนมุมมองนอกจากประวัติศาสตร์แล้ว เพื่อให้ผู้ชมได้ตระหนักและเฝ้าระวังรับมือกับความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้น