"ลูกหนัง ศีตลา" ปล่อยโฮปม #แบนลูกหนัง โอดเพื่อนยังขอเลิกคบ ท้อจนไม่อยากอยู่

ออกมาเปิดใจเป็นครั้งแรกหลังเกิดดราม่ามากมายปม #แบนลูกหนัง สำหรับ "ลูกหนัง ศีตลาวงษ์กระจ่าง" ลูกสาวของนักร้อง นักแสดง "เปิ้ล หัทยา" และ "ตั้ว ศรัณยู" โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้ก็ล่วงเลยมานานกว่า 1 ปี เธอไม่เคยออกมาเคลื่อนไหวใดๆเลย จนกระทั่งล่าสุดดูเหมือนว่าเธอจะพร้อมแล้ว จึงได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ ON THAT DAY ช่อง THE STANDARD POP งานนี้เธอตอบเคลียร์ชัดทุกประเด็นเป็นเวลาร่วม 1 ชั่วโมงเต็ม แต่จากฟีดแบคของคนดูแล้ว ส่วนใหญ่ก็ยังไม่เปิดใจยอมรับและให้อภัยเธอในสิ่งที่ทำไว้ในอดีต ส่วนน้อยเท่านั้นที่บอกว่าจะลองเปิดใจกับเธอดู หลังจากได้ฟังสัมภาษณ์จนจบ

โดยบางช่วงบางตอนของการสัมภาษณ์มีดังนี้

วันนั้นที่เกิดปมร้อน #แบนลูกหนัง แม่โทรมาร้อยมิสคอล ครั้งแรกที่คุยคุณแม่ร้องไห้ แล้วก็อธิบายว่ามีเรื่องแบบนี้นะ เราก็เข้าไปดูในทวิตเตอร์ เข้าไปอ่านทุกอย่างที่เกิดขึ้น ถามว่าช็อกไหม ก็เถียงไม่ได้ว่าเราช็อก แต่เราพยายามทำความเข้าใจว่ามันมีเหตุมีผลนะที่เกิดแฮชแท็กนี้

เราเตรียมใจไว้ว่าจะไม่เจ็บ เพราะมันเป็นแอ็กชั่นในอดีต เราต้องรับผลให้ได้ ในสิ่งที่เราทำ ไม่ว่าจะลบหรือบวก ถามว่าเราเสียใจไหม ก็ปฏิเสธไม่ได้แหละว่าไม่เสียใจ แต่ถามว่าเราเข้าใจไหม เราเข้าใจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราไม่ได้รู้สึกกับสิ่งที่เขาแสดงความคิดเห็น

แอ็กชั่นที่เราทำในอดีต ทำให้คนกลุ่มไม่น้อยได้รับผลกระทบ เราไม่เคยอยากให้แอ็กชั่นของเราไปทำให้ใครต้องรู้สึกไม่ดี ต้องรู้สึกเสียใจ ต้องรู้สึกว่าเขาเจ็บปวด เราไม่เคยอยากให้เป็นแบบนั้น แต่เราก็ไปแก้อดีตไม่ได้ ณ ตอนนั้นเราทำไปด้วยความคิดว่าเราเข้าใจแบบนั้น แต่สิ่งที่เราเสียใจ เราเสียใจตรงที่ไม่คิดว่าสิ่งที่เราทำมา จะทำให้คนอื่นเสียใจ

การไปร่วมชุมนุม ณ วันนั้น ความรู้ ความเข้าใจของเรา เราไปเพราะเราเชื่อแบบนั้น เราแค่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เราคิดแค่นั้นเลย เราไม่พูดว่าเราไปเพราะยังเด็ก วันนั้นเราไม่คิดว่าจะมีคำว่ารัฐประหารเกิดขึ้น เราคิดว่าควรมีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้น  ถ้ารู้ว่าจะมีรัฐประหารเกิดขึ้นเราก็คงไม่ทำแอ็กชั่นนั้น แต่เราไม่มีเครื่องย้อนเวลากลับไปแก้ ถ้าเรามีเครื่องย้อนเวลากลับไปได้ เราก็อาจไม่เทคแอ็กชั่นตรงนั้น 

หลังเกิดดราม่ามีเพื่อนที่เป็นทั้งคนในวงการและนอกวงการ มาบอกเราว่าไม่อยากเป็นเพื่อนกับเรา บางคนขออันฟอลโลว์ บางคนขอลบรูปที่ถ่ายด้วยกันนะ บางคนโดนแคนเซิลงานเพราะเราหรือถึงขั้นบางคนไปทะเลาะกับคนที่บ้านเขา และปฏิเสธยากมากที่จะไม่เกิดเอฟเฟกต์กับคนในวง มีทั้งเอฟเฟกต์ที่เกิดกับน้องแค่ 3 คนที่เขาไม่รู้เรื่อง แล้วค่ายด้วย ครอบครัวน้องด้วยครอบครัวเราด้วย

ซึ่งพอคุณพ่อเสีย คุณยายก็เสีย แล้วเราก็บินกลับมาเตรียมตัวเดบิวต์ ก็เจอเรื่องดราม่าอีก มันเยอะเหมือนกันนะสำหรับมนุษย์คนนึง เลยทำให้เรากลับมาคิดในบางที ว่าเราเป็นตัวปัญหาหรือเปล่า ถ้าวันนึงเราหายไป ทุกอย่างอาจจะดีขึ้นหรือเปล่า (ร้องไห้) ปัญหาจะจบหรือเปล่า