บันเทิง

"หมอสอง" เปิดใจครั้งแรก หลังถูกจับตัวเรียกค่าไถ่ 5.7 ล้าน เหมือนเกิดใหม่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ออกมาเปิดใจเป็นครั้งแรกแล้ว สำหรับ "หมอสอง" หรือ "นพรัตน์ รัตนวราห" ที่ถูกลักพาตัว จับตัวเรียกค่าไถ่ 25 วัน ในต่างแดน หลังเจ้าตัวลัดฟ้าไปเที่ยวต่างแดน แถบเอเชียใต้ และ แอฟริกาตะวันตก เพียงลำพัง ตั้งแต่วันที่ (12 กันยายน 2565) ที่ผ่านมา

เรียกว่ากลายเป็นประเด็นใหญ่ กรณีที่  "หมอสอง" หรือ "นพรัตน์ รัตนวราห" ศัลยแพทย์ชื่อดังของเมืองไทย ถูกจับตัวเรียกค่าไถ่ ระหว่างเดินทางท่องเที่ยวที่ประเทศมาลี แต่ในที่สุดใช้เทคนิคเจรจา และ จ่ายเงิน 5.7 ล้าน ทำให้รอดปลอดภัยกลับเมืองไทย  โดยล่าสุดวันนี้ (27 ตุลาคม 2565) รายการ "โหนกระแส" ของ พิธีกร นักแสดงดัง "หนุ่ม กรรชัย" หรือ "กรรชัย กำเนิดพลอย" ได้สัมภาษณ์ "หมอสอง" เป็นครั้งแรก พร้อมเปิดใจเล่าถึงทุกเรื่องราว เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ในขณะที่ถูกลักพาตัว เรียกค่าไถ่

 

 

 

 

"หนุ่ม กรรชัย" : หมอสองไปเที่ยวที่ไหนมาก่อน?


"หมอสอง นพรัตน์" : บางข่าวออกมาว่าผมไปกับทัวร์เถื่อน ไกด์เถื่อน ต้องบอกว่าผมไปกับบริษัททัวร์ที่ถูกต้อง บริษัททัวร์บริษัทนี้ผมไปกับเขาเป็นประจำ และผมไว้ใจมาก ไปกันมาหลายทริปแล้ว ทุกครั้งผมย้ำเรื่องความปลอดภัย ตรงไหนไม่ปลอดภัยไม่ต้องจัดให้ผม ดังนั้นเขาลิสต์โปรแกรมออกมา ตอนบรีฟโปรแกรมยังย้ำว่าปลอดภัยมั้ย เขาก็บอกว่าปลอดภัย

 

"หนุ่ม กรรชัย" :  ไปที่ไหน?


"หมอสอง นพรัตน์"  :  เริ่มจากอัฟกานิสถาน จริงๆ ตอนนี้ไปได้แล้วเพราะเป็นรัฐบาลตาลีบัน ซึ่งก็เหมือนรัฐบาลปกติ จากนั้นไปประเทศชาด ไปตั้งแต่ 12 ก.ย.เฟร้นฟรายเขาจะทำแม่น แล้วโปรแกรมผมธรรมดาจะเป็น 3 สัปดาห์ แล้วไปที่ชาด , ไนเจอร์, บูร์กินาฟาโซ

 

"หนุ่ม กรรชัย" :  9 ประเทศที่ไป อัฟกานิสถาน ปากีสถาน , ชาด, ไนเจอร์, บูร์กินาฟาโซ, มาลี, แคเมอรูน,อิเควทอเรียลกินี,  เซาตูเม ไปทำไมหลายๆ ประเทศ?


"หมอสอง นพรัตน์"  : คนอาจสงสัยว่าทำไมผมต้องไปเที่ยวประเทศแบบนี้ ผมเป็นหมอศัลยกรรม นอกจากเรามีความสุขในการผ่าตัด อีกอย่างนึงในชีวิตผมคือการท่องเที่ยว ซึ่งต้องบอกว่ามันเป็นแพชชั่นของผมตอนนี้เที่ยวมาทั้งหมด 190 ประเทศ เป้าหมายคือผมต้องเที่ยวให้ครบทุกประเทศในโลก ประมาณ 198 ประเทศ ดังนั้นประเทศท้ายๆ ที่เหลือก็เป็นประเทศแปลกๆ ซึ่งประเทศเหล่านี้ความปลอดภัยก็ต้องระวังเป็นพิเศษอยู่แล้ว แต่ว่าเขาก็มีเสน่ห์ เช่นแหล่งน้ำสวย ๆ วัฒนธรรมแปลกๆ ซึ่งประเทศแบบนี้จะมีเสน่ห์ในตัวเอง การท่องเที่ยวของผม ก็จะเที่ยวให้มันครบ จริงๆ ผมไปทุกประเทศในโลก ตอนนี้เหลืออีกประมาณ 10 ประเทศทั่วโลกที่ไม่ได้ไป

ขอบคุณรายการ โหนกระแส

"หนุ่ม กรรชัย" :  ทำเพจด้วย?


"หมอสอง นพรัตน์"  : ใช่ครับ เพจหมอสองท่องโลก ในคลิปก็จะมีประเทศแปลกๆ ที่หลายคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อด้วยซ้ำ แต่อยู่ตรงไหนของโลกเข้าไปดูได้ ซึ่งแรกๆ ทำไว้ดูเอง หลังๆ มีคนมาตาม ก็รู้สึกแฮปปี้อย่างน้อยเป็นการให้ข้อมูลในการท่องเที่ยว คนอยากไปประเทศนี้ก็หาข้อมูลเพิ่มได้

 

"หนุ่ม กรรชัย" :  หลังเดินทางไป หมอสอง ไปโดนอะไรจุดไหน?


"หมอสอง นพรัตน์"  :  ทริปนี้ค่อนข้างมีอุปสรรค ตอนอยู่ที่ไนเจอร์เอง ก็มีการสไตรล์ในสนามบิน เลื่อนเดือนทางออกไป จริงๆ โปรแกรมผมมันรันอยู่แล้ว ไม่มีโปรแกรมอะไรนอกเหนือ แต่ระหว่างเดินทางออกจากประเทศ บูร์กินาฟาโซ เข้าสู่มาลีเป็นการเดินทางยาวๆ บนถนนใหญ่เลย เราเริ่มผ่านเช็คพอยท์ เตรียมตัวไปแสตมป์เข้ามาลี ซึ่งผมเองไม่สามารถระบุได้ว่าตรงไหนกันแน่เพราะผมเองก็งง และหลับ ตอนนั้นมีคนขับรถ 1 คน และไกด์อีก 1 คน ซึ่งเป็นคนประเทศ บูร์กินาฟาโซ ซึ่งมาทราบทีหลังว่าทั้งคู่ไม่ได้เป็นโปรเฟสชั่นแนล โดยปกติเวลาไปเที่ยวต่างประเทศเราไว้ใจบริษัททัวร์ เราให้เงินเขา ให้ไปประสานงานให้

 
ที่โน่นก็จะเตรียมมาให้ว่าโรงแรมที่ไหน ไฟลต์อะไร ไกด์ คนรถ เอามาให้เรา ซึ่งตอนนี้อาจดูว่าสัมภาษณ์แล้วยิ้ม แต่จริงๆ ก่อนหน้านี้ผมน้ำตาไหลได้ตลอดเวลา มันเศร้ามาก แต่พอเราเข้า ประเทศไทยปุ๊บ ฟีลลิ่งต่างๆ ได้กลับมาเห็นหน้าญาติ ได้กลับมาใช้ชีวิตปกติ ได้มาผ่าตัดเมื่อวาน ก็รู้สึกว่าชีวิตได้กลับมาใช้อย่างปกติ แต่เห็นยิ้มๆ แบบนี้ ผมคิดว่าเดี๋ยวออกไปจะไปพบจิตแพทย์อีกที 

ขอบคุณรายการ โหนกระแส

"หนุ่ม กรรชัย" :  พอถึงจุดแสตมป์ แล้วยังไงต่อ?


"หมอสอง นพรัตน์" : ยังไม่ถึงจุดแสตมป์ ผมนั่งหลับแล้วผมได้ยินเสียงปืนดังมาก ปั้งๆ ก็ตกใจมาก ตื่นมายังงงๆ อยู่ ก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็บอกว่าเขายิง ซึ่งเหตุการณ์ตอนนั้นผมไม่ทราบว่าอยู่ตรงไหน ยังไงหลังจากนั้นรถก็ผ่านตรงนั้นไปได้ แล้วเจอข้างหน้าอีกจุด เจอสองคนจ่อปืนเข้ามาแล้วให้เราจอดรถอาจถูกอะไรสักอย่าง ทำให้เร่งเครื่องไม่ขึ้น ดังนั้นผมตัดสินใจอะไรไม่ได้เลย คนรถกับไกด์ก็ทำตามคำสั่งวกรถกลับไปจุดเดิมจุดแรก จากนั้นไปจอดปุ๊บ เขาก็วิ่งกรูกันเข้ามา 

 

"หนุ่ม กรรชัย" :  ประมาณกี่คน?


"หมอสอง นพรัตน์"  :  ตอนนั้นตื่นเต้นและหัวใจไปอยู่ตาตุ่มเหมือนอยู่ในหนัง อาจจะงงๆ คิดว่าเขาอยู่กันสัก 5-6 คน 

 

"หนุ่ม กรรชัย" :  ลักษณะการแต่งกายเป็นยังไง?


"หมอสอง นพรัตน์"  :  เหมือนในหนัง ลักษณะการแต่งกายอาจบอกไม่ได้ เพราะตกใจและยังงงๆ รู้แค่ว่ามีปืนเข้ามา มันก็เป็นภาษาของเขา ไกด์ก็บอกให้นั่งลงคุกเข่า เอามือประสานท้ายทอย เขาก็เข้ามาจับกุมแล้วผูกตา เอามือไขว้หลัง เขาดันเราขึ้นรถ เราก็ไม่ทราบแล้วว่าไปไหน หลังจากนั้นมาทราบอีกที เขามาเปิดตา แวดล้อมเป็นป่า 

 

"หนุ่ม กรรชัย" :  ตอนเขาปิดตา ใช้เวลานานหรือเปล่ากว่าเขาจะเปิด?


"หมอสอง นพรัตน์"  :  ผมก็กะไม่ถูก ตอนนั้นหัวใจเต้นตุ๊บๆ คิดว่าน่าจะสัก 20 กว่านาที

ขอบคุณรายการ โหนกระแส

"หนุ่ม กรรชัย" :  เขาพาจากจุดนั้นไปอีกจุดนึง จุดนี้เป็นรอยต่อประเทศมาลีกับบูร์กินาฟาโซ เหมือนเป็นชายแดน หลังจากนั้นพอเปิดตามาก็เป็นป่า แล้วยังไงต่อ?


"หมอสอง นพรัตน์"  : เขาขอโทรศัพท์มือถือไปเก็บทุกอย่าง ทรัพย์สินก็อยู่กับเขา เขาก็พาเราไปนั่งใต้ต้นไม้ พาไปพูดคุย แล้วข้อมูลที่เขาแจ้งเข้ามา เขาพูดตลอดเวลาว่าแค่ตรวจเฉยๆ ถ้าไม่ใช่คนที่เขาต้องการค้นหาเขาก็จะปล่อย ในใจตอนนั้นก็คิดตลอดเวลาว่าไม่เกินคืนนี้คงได้ออก เพราะพรุ่งนี้เรามีไฟลต์บินเราก็คิดว่าเรามีความหวังว่าจะได้ออก เพราะห่วงทางบ้านมากว่าเขาจะรู้สึกยังไงถ้าเราหายไป ตัวเราเองก็ไม่รู้ชะตากรรมว่าเขาจะเอาเราไปฆ่าหรือเปล่า หรือเอาไปทำอะไร เขาก็ไม่ยอมบอก ไกด์กับคนขับรถก็ถูกจับไปด้วยกัน แล้วไปนั่งใต้ต้นไม้รอตั้งแต่สายๆ จนกระทั่งดึก วันนั้น 28 ก.ย. 

 

"หนุ่ม กรรชัย" :  หมอไป 12 ก.ย. โดนล็อก 28 ก.ย.?


"หมอสอง นพรัตน์"  : เที่ยวได้ 10 กว่าวันแล้ว แต่โปรแกรมมันยังไม่หมด ยังเหลืออีก 3-4 ประเทศ

 

"หนุ่ม กรรชัย" :  พอ 28 ปุ๊บ เขาพาเราไปที่ไหน?


"หมอสอง นพรัตน์"  : พาไปนั่งใต้ต้นไม้ให้รอจนมืด แล้วเขาบอกว่าเขาแจ้งหัวหน้าแล้วว่ามีการจับตัว อาจต้องเข้าไปคุยกับหัวหน้าก่อนว่าคุณเป็นคนที่เขาต้องการหามั้ย สรุปเขาก็พาเราเข้าไปต่อ ซึ่งผมดูแล้วน่าจะเป็นการเตรียมตัวเดินทางไกลแน่นอน เพราะเขามีการแพ็กกระเป๋าอย่างดีขึ้นมอเตอร์ไซค์ ผมก็ใจแป้วแล้ว ตลอดเวลาคิดว่าถ้ามีจังหวะไหนหนีได้ ผมก็จะหนี หนีเข้าป่าให้หลบรอดจากตรงนั้นให้ได้

 

"หนุ่ม กรรชัย" :  ถ้าหนีคิดว่าหมอตาย เขายิงหมอตรงนั้น?


"หมอสอง นพรัตน์"  : ใช่ๆ มีโอกาส ขับรถเข้าไปปรากฏว่าทางเข้าไปผมก็จำทิศทางไม่ได้เลย แต่รู้ว่าลึกมากเพราะนั่งมอเตอร์ไซค์ไปก็ 8 ชม. แล้วก็จำทางไม่ได้เลย รู้แค่ว่าเป็นป่าบ้าง เป็นไร่ข้าวโพดบ้าง เป็นบ้านหลังเล็กๆ บ้าง บางจุดเหมือนหินๆ จำทางไม่ได้เลย ไม่รู้ไปตรงไหน รู้ว่าลึกมาก บางช่วงต้องข้ามน้ำด้วย ถ้าจำไม่ผิดไปถึงสักตีสาม ไปประมาณ 8 ชม.ได้ ทั้งหมดนี้ก็ถามไกด์ให้ดูนาฬิกาว่ากี่โมง พอไปถึงลึกๆ ผมก็เริ่มถอดใจว่าไม่ได้ เราคงต้องปล่อยตามน้ำ เดินออกมาน่าจะลำบาก เขาพาเราไปจุดนึง ที่เป็นลักษณะเหมือนต้นไม้ต้นใหญ่ต้นนึง ด้านหลังเป็นบ้านดินของคนแถบนั้น เห็นเต็นท์สีส้มๆ เขาเอาเราพักตรงนั้น ซึ่งผมก็คิดว่าเขาคงไม่ปล่อยเราเร็ว เพราะมันเข้ามาลึกมาก

 

"หนุ่ม กรรชัย" :  ตอนนั้นรู้แล้วว่าถูกลักพาตัว?


"หมอสอง นพรัตน์"  :  เรารู้ว่าถูกลักพาตัว แต่ถึงตอนนี้ยังไม่รู้ว่ากลุ่มไหน แต่รู้ว่าเขาคือกลุ่มติดอาวุธ เขาบอกมีหลายกลุ่มมาก เรารู้ว่าเป็นกลุ่มติดอาวุธ เพราะทุกคนมีอาวุธหมดเลย

 

"หนุ่ม กรรชัย" :  เขาดูแลเราดีมั้ย?


"หมอสอง นพรัตน์"  : เขาไม่ได้กรรโชกโฮกฮาก ไม่ได้ทำร้ายร่างกายเรา ไม่เหมือนในหนัง เขาคุยดีทุกอย่าง 

 

"หนุ่ม กรรชัย" :  เขาคุยภาษาอะไร?


"หมอสอง นพรัตน์"  : ประเทศแถบนั้นเขามีภาษาถิ่นเยอะมาก ดังนั้นหลายคนในนั้นคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่คนไหนพูดภาษาฝรั่งเศสได้ หรือภาษาท้องถิ่น ที่ไกด์หรือคนขับรถสื่อสารได้ก็คุยกันได้ ผมพูดเป็นภาษาอังกฤษคุยกับไกด์ ไกด์ก็แปลไปเป็นภาษาถิ่นคุยกับเขาอีกที ซึ่งอึดอัดมากเพราะคุยกับใครไม่ได้นอกจากไกด์คนเดียว ตอนอยู่ในนั้นถามว่ามันลำบากมั้ย ต้องบอกว่าลำบากสุดๆ

 

"หนุ่ม กรรชัย" :  เขากักเรา มีอะไรพันธนาการเรามั้ย?


"หมอสอง นพรัตน์"  : เริ่มต้นเขาเอาเราไปไว้เฉยๆ แต่เนื่องด้วยวันแรกผมกลัวมาก ไม่รูเขาเป็นใคร ไม่รู้เขาจะฆ่าเรามั้ย อีกอย่างคือห่วงคุณแม่มาก ตอนนั้นคุณแม่ปวดหลัง ต้องพาไปรพ.เพื่อผ่าตัด เราเลยคิดว่าเรามีโอกาสหนีรอดมาได้ เราก็จะพยายาม เช้านั้นก็หลบหนีออกมาคนเดียว ซึ่งเราคิดว่าจะหนีไปให้ไกลที่สุดแล้วไปขอความช่วยเหลือข้างหน้า ผมก็หนีไปได้จริง ไปได้สัก 8 กิโลเมตร

 

ผมออกแต่เช้ามืดเขามาจับตัวผมได้อีกทีก็บ่ายๆ เย็นๆ แล้ว เขาจับได้ตัวเพราะผมเดินเข้าไปขอความช่วยเหลือว่าถนนใหญ่ไปทางไหน เราต้องการไปถนนใหญ่ สรุป เขาเป็นพวกเดียวกันหมด เขาก็โทรไปแจ้ง หาคนมาจับกลับไป พอจับกลับไปก็ถูกล่ามข้อเท้า เอาตรวนข้อเท้ามาใส่สองข้าม มีโซ่ตรงกลาง เราก็เดินได้สั้นๆ ใส่กุญแจมือในคืนแรก ผมก็นอนพร้อมกุญแจมือ และข้อเท้าด้วย 

 

"หนุ่ม กรรชัย" :  ถ้าไม่มีเฟร้นฟรายคุณไม่ได้กลับมา?


"หมอสอง นพรัตน์"  : ใช่ครับ ต้องบอกว่าเป็นคีย์แมนสำคัญในการประสานงานต่างๆ 

 

"หนุ่ม กรรชัย" :  ที่หมอสองเอามาวางคืออะไร?


"หมอสอง นพรัตน์"  :  ต้องบอกว่าอยู่ในนั้นเราเครียดมาก เราไม่มีอะไรจะทำ อันนี้คือถุงยังชีพผม คือถุงพลาสติกธรรมดา เอาติดไปด้วยอยู่ในกระเป๋าอยู่แล้ว เวลาออกจากเต็นท์ตอนเช้าก็เอาอันนี้ออกมาวางนอนบนเสื่อ หลบแสงแดดไปเรื่อย กลางคืนก็นอนเต็นท์ กลางวันอยากให้ผ่านไปเร็วก็พยายามหลับเพื่อให้เวลาการรอคอยของเรามันสั้นลง แล้วก็มีพวกยาดม ดมไปเรื่อยๆ แล้วก็ปลอกแขน ยุงกัดเต็มแขน แล้วก็ส้อมพลาสติกที่ใช้จริงๆ  ที่โน่นเวลาเสิร์ฟอาหาร จะมีถาดเหมือนตอนถวายสังฆทาน เขาไม่มีช้อน ใช้มือกิน ผมก็ใช้ช้อนอันนี้ บางทีเขาไม่ซื้อน้ำมาให้ก็กินน้ำบ่อ มีกลิ่นน้ำมัน ก็ค่อนข้างทรมาน

 


"หนุ่ม กรรชัย" :  เขาจะเอาอะไรจากหมอสอง?


"หมอสอง นพรัตน์"  :  เขาไม่ได้บอก ผมไม่แน่ใจว่าเขาไม่ได้แพลนแต่ต้น หรือแพลนแต่ต้น อันนี้บอกไม่ได้ เพราะแพลนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ละวัน เขามีการมาบอกเราว่าเดี๋ยวก็ได้กลับแล้ว เดี๋ยวจะปล่อยแล้วหัวหน้ามาแล้วคุยแล้วก็ปล่อย ให้ความหวังเราไปเรื่อยๆ เราก็รอคอย


"หนุ่ม กรรชัย" :  มีคนอื่นถูกจับนอกจากเราสามคนมั้ย?


"หมอสอง นพรัตน์"  :  อันนี้ขอไม่พูดถึงดีกว่า คนอื่นขออนุญาตไม่กล่าวถึง 

 

"หนุ่ม กรรชัย" :  คุณเอาโทรศัพท์ที่ไหนโทร ทั้งที่เขาไม่ให้ใช้โทรศัพท์ คุณโทรหาเขาได้ยังไง?


"หมอสอง นพรัตน์"  : ระหว่างอยู่ที่นั่น เราพยายามพูดคุยกับคนจับตัวไป สร้างบรรยากาศที่ดีให้กับเขา เจรจา เกลี้ยกล่อมไปเรื่อยๆ ว่าเราป่วยด้วยนะ ยาหมดโน่นนนี่ จนเขายอมให้เราโทรศัพท์เพื่อติดต่อญาติ วันนั้นปลดล็อกชีวิตผมเลย เพราะตอนนั้นผมกังวลเรื่องคุณแม่มากว่าจะเป็นยังไง ไม่อยากคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห่วงพี่ชาย น้องชาย ห่วงเฟร้นฟราย วันนั้นผมได้ปลดล็อก ผมโทรหาคุณแม่ก่อนเพื่อขอเบอร์เฟร้นฟราย แต่ผมไม่ได้อยากบอกรายละเอียดคุณแม่มาก กังวลว่าท่านจะไม่สบาย ก็ขอเบอร์เฟร้นฟรายจากคุณแม่ ผมจำเบอร์เขาไม่ได้และจำเบอร์ใครไม่ได้ เราเมมไว้เป็นชื่อ คุณแม่ก็สบายใจว่า ผมยังมีชีวิตอยู่ แล้วได้เบอร์เฟร้นฟรายก็ให้เขาประสานต่อ ให้เฟร้นฟรายประสาน เพราะเขาภาษาอังกฤษดี ก็ต้องขอบคุณเฟร้นฟรายมากๆ ขอบคุณพี่ชาย น้องชาย คุณแม่ รวมตัวกันช่วยกันเอาผมกลับคืนมาประสานเรื่องราวต่างๆ

 

"หนุ่ม กรรชัย" :  เขาเรียกเงิน?


"หมอสอง นพรัตน์"  :  ใช้คำว่าเจรจาต่อรอง แต่ไม่ขอลงรายละเอียดในจุดนี้ 

ขอบคุณรายการ โหนกระแส

"หนุ่ม กรรชัย" :  ไม่กลัวเขาได้สิ่งที่ต้องการแล้วจะยิงหมอทิ้ง?


"หมอสอง นพรัตน์"  : คิดตลอดเวลา เวลาอยู่ข้างในเราไม่มีช้อยส์ให้เลือก เราต้องทำให้เซฟที่สุด เฟร้นฟรายก็ทำให้เซฟได้ โดยโปรเซสผ่านไปได้ด้วยดี คืนนั้นเป็นคืนต้องปล่อยตัว ในใจก็แอบคิดว่าเขาจะปล่อยตัวเราจริงหรือเปล่า หรือพาเราไปยิงที่ไหนหรือเปล่า แต่เราสนทนาพยายามสร้างสัมพันธ์ที่ดี เวลาเราคุยกับเขา หรือเวลาเราคุยกับคุณแม่ ดูแล้วเขาคงไม่ฆ่าเราหรอก มั่นใจว่าเขาน่าจะปล่อยตัวเรา 

 

"หนุ่ม กรรชัย" :  มีข้อตกลงมั้ย?


"หมอสอง นพรัตน์"  :   ไม่มีครับ เขาก็แค่บอกว่าจะปล่อยตัว แล้วเดี๋ยวจะไปตามขั้นตอน

 


"หนุ่ม กรรชัย" :  เห็นว่าเรื่องนี้ตร.มีส่วนเข้าไปช่วย?


"หมอสอง นพรัตน์"  : หลังเจรจา และได้รับการปล่อยตัวออกมา ก็ต้องขอกราบขอบพระคุณผู้มีพระคุณหลายๆ ท่าน ท่านสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีตผบ.ตร. ท่านเขมรินทร์ พอทราบเรื่องก็ดูแลให้ผมบินกลับมาอย่างปลอดภัย และท่านก็มีพระคุณมากๆ ท่านน่ารักมากๆ อุปทูตที่ดูแลแถบนั้นก็ช่วยเหลือ เพราะพาสปอร์ตผมก็หาย วีซ่าก็ไม่มี ก็กลับมาได้อย่างปลอดภัย รวมถึงหน่วยงานอื่นๆ ที่ช่วย แต่เราไม่ได้ทราบและไม่ได้พูดถึง

 

"หนุ่ม กรรชัย" :  บริษัททัวร์ว่าไงบ้าง?


"หมอสอง นพรัตน์"  :  ยังไม่ได้คุยกัน แต่เขาบอกว่าเขาจะเข้ามาพบ เมื่อวานผมก็ไปผ่าตัดแล้ว เราอั้นมาเกือบ 2 เดือน คนไข้ก็รีเควสมาก  ก็เริ่มรันคิวผ่าตัด เมื่อวานก็เริ่มลุยครับ วันนี้ผมมาเคลียร์ให้ชัดเจนว่าเกิดแบบนี้ เพื่อป้องกันข้อมูลที่อาจเกิดความคลาดเคลื่อนและแหล่งข่าวที่ไม่ชัดเจนแล้วทำให้เกิดความเสียหาย เรื่องความปลอดภัยของผมเองด้วย หลายๆ อย่าง หวังว่าเรื่องราวของผมจะเป็นอุทาหรณ์สอนใจ บางทีไว้ใจบริษัททัวร์มากก็ไม่เพียงพอผมพลาดเองที่ไม่ได้เสิร์จ แต่ยอมรับว่าทุกวันผมเอาแต่ผ่าตัด หาเงินได้ก็เอาไปให้เขาจัดการให้ผม แต่บางทีเราไม่ได้เสิร์จเอง ถ้าเสิร์จเองเราก็จะทราบเลยว่าแถบนี้อันตราย เราก็จะไม่ไป เพราะเราเน้นย้ำเสมอเรื่องการเดินทาง

 

"หนุ่ม กรรชัย" :  อยากฝากอะไรคนที่อาจไปเที่ยว เรื่องแบบนี้วันนึงอาจเกิดขึ้นกับเราก็ได้?


"หมอสอง นพรัตน์"  :  จริงๆ เรื่องการลักพาตัวสำหรับผม มันไกลตัวมาก ไม่น่าเกิดกับเรา แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว และเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ถ้าจะไปแถบแอฟริกา ก็เลือกดีๆ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไป เพราะไม่ปลอดภัยเลย อย่างโซมาเลีย เวลาเราไปก็ต้องมีทหารนำหน้า เวลาไปเที่ยวเช็กให้ดี ประเทศเจริญแล้วก็ตามก็จะมีโจรมาขโมยกระเป๋าเราบนรถไฟฟ้า แต่สิ่งหนึ่งที่ผมได้รับจากตรงนี้ ช่วงที่อยู่ในนั้นทุกข์ทรมานมากๆ ผมก็นั่งสมาธิ ไหว้แผ่เมตตาตลอดเวลา และทำให้เรารู้จักคุณค่าของชีวิต ไม่ต้องรอให้เกิดเหตุการณ์แบบผม ถึงมารักครอบครัว ทำดีกับครอบครัว ทำดีกับครอบครัวตั้งแต่วันนี้เลยครับ ทุกลมหายใจมีค่า
เสมอ

 

"หนุ่ม กรรชัย" :  จะไปอีกมั้ย?


"หมอสอง นพรัตน์"  :  (หัวเราะ) ช่วงนี้ต้องพักก่อน 

 

"หนุ่ม กรรชัย" :  เหมือนเกิดใหม่?


"หมอสอง นพรัตน์"  : ใช่ครับ 

 

"หนุ่ม กรรชัย" :  ยังคุยกับพี่อาร์ตว่า 50-50 อาจโดนยิง คิดว่าจ่ายตังค์ไปอาจยิงทิ้งเลย ไม่ได้กลับมา?


"หมอสอง นพรัตน์"  :  ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เสี่ยงมากๆ เลยครับ

 

"หนุ่ม กรรชัย" :  คุณเก็บโดยไม่ได้แพร่งพราย ไม่งั้นหมอสองอาจโดนหนักกว่านี้หรือไม่ได้กลับมา?


"หมอสอง นพรัตน์"  :  ใช่ เขาบอกว่าถ้าไม่ทำตามตรงนั้น ทุกอย่างก็จะหยุดเลย เขาบอกแบบนี้เลย ผมก็ขอบพระคุณมากๆ กำลังใจส่งมาเยอะมากทุกช่องทาง ขออนุญาตผ่านรายการพี่หนุ่ม ขอบคุณมากๆ ที่ให้กำลังใจ เราใจชื้นมาก

ขอบคุณรายการ โหนกระแส

ขอบคุณรายการ โหนกระแส

ขอบคุณรายการ โหนกระแส

 

 

ติดตามข่าวสาร คมชัดลึก อื่นๆ ได้ที่
Facebook - https://www.facebook.com/komchadluek
LineToday - https://today.line.me/th/v2/publisher/100057
Instagram - https://www.instagram.com/komchadluek_online/

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ