หากใครเป็นแฟนเพลงของ "Txrbo" ศิลปินคลื่นลูกใหม่จาก High Cloud Entertainment ที่บริหารงานโดย กอล์ฟ F.HERO ก็คงจะทราบกันดีว่า ทุกเพลงที่เขาปล่อยออกมานั้น ความหมายดี ฟังติดหู และท่วงทำนองฟังง่าย จึงไม่แปลกใจที่หนุ่มคนนี้จะขึ้นเป็นศิลปินในดวงใจใครหลายๆคน และล่าสุดเจ้าตัวก็เพิ่งปล่อยเพลงใหม่ออกมาให้ได้ฟังกัน ซึ่งคราวนี้ไม่ขอฉายเดี่ยว กระโดดจับมือกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว โดยดึงคู่หูดูโอ้คนดังทั้ง "BAY6IX" และ "LALA" มาร่วมฟีเจอริ่งในเพลงนี้ด้วย ซึ่งทั้งสองคนนั้นนอกจากโด่งดังในบ้านเขาแล้ว บ้านเราก็ไม่แพ้กัน เพลงที่ฮิตและติดหูจนคนร้องตามได้มีหลายเพลงทีเดียว ถึงแม้ทั้งคู่จะไม่ได้ร้องภาษาบ้านเรา
ด้วยส่วนผสมทุกอย่างที่ลงตัว ทั้ง Txrbo , BAY6IX และ LALA ทำให้เพลงใหม่ที่ชื่อว่า "นิรันดร์" (NIRUN) นั้นติดหูคนฟังตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยิน ในเพลงนี้มีทั้งกลิ่นอายความเป็น Txrbo และของ BAY6IX , LALA เมื่อนำมาอยู่ด้วยกัน ก็ลงตัวอย่างไม่น่าแปลกใจ สำหรับข้อมูลของเพลงนี้ทาง thestandard ระบุไว้ว่า ทั้ง 3 คน จับมือร่วมงานกันภายใต้โปรเจกต์ ASEAN Sound สร้างผลงานเพลงที่สามารถดึงเสน่ห์ให้ภาษาของอาเซียนทั้งไทยและ สปป.ลาว ออกมาได้เปล่งประกายและทันสมัยในสไตล์ดนตรีป๊อป แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งลวดลายวิจิตรในตัวตนแบบอาคเนย์
ผลงานการคอลแลบนี้โดดเด่นด้วยการเลือกใช้เสียงดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์อย่าง เครื่องสาย มาเป็นจุดเด่นเพื่อดึงตัวตนดนตรีแบบไทย–สปป.ลาวออกมา วัฒนธรรมตะวันออกเฉียงใต้ของเราเป็นดั่งสีสันที่งดงาม วาดลีลาอย่างอ่อนหวานอยู่บนดนตรีป๊อปร่วมสมัยที่เป็นดั่งผ้าใบผืนใหญ่ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมานั้นทำให้เพลงมีความเป็น East Meets West ที่ไม่ขายความ Exotic แต่กลับดึงเอาวัฒนธรรมดนตรี และภาษาของภูมิภาคเราเข้าไปผสมผสานอย่างลงตัว
ด้วยดนตรีสุขุมและเนื้อหาของเพลงที่ลึกซึ้ง พูดถึงการพานพบ หลงรัก และจากลา มิอาจครอบครองได้ หากแต่ ‘รักที่มีนิจนิรันดร’ ความเศร้าหวานปนขมของเพลงนั้นถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน พาร์ตแรกร้องเป็นภาษาไทยโดย Txrbo และพาร์ตที่สองและสามร้องโดย BAY6IX และ LALA ซึ่งภาษา สปป.ลาวที่ใช้ในเพลงนั้นดึงเอาเสน่ห์ความสวยงามของเพลงออกมามากขึ้น ด้วยรสชาติที่หวานละมุนละไม และติดขมปร่าที่ปลายลิ้นด้วยความเศร้าจากเนื้อเพลง
ด้านมิวสิกวิดีโอเลือกใช้ธีมภาพที่มินิมัล และใช้โทนสีหม่นๆ ให้ล้อไปกับความเป็นสากลร่วมสมัยของเพลง ทั้งฉากและเหตุการณ์มีความเป็นโลกอนาคตอันมืดหม่น (Futuristic Dystopia) มีการใช้บุคลาธิษฐาน (Personification) ในการเล่าปมของเรื่อง แทนการเล่าถึงการพลัดพรากแบบตรงๆ ในทุกฉากที่ตัวละครหลักรักกัน จะมีตัวละครไร้หน้าจ้องมองอยู่ไม่ไกล ซึ่งเป็นตัวแทนของ ‘เจ้าโชคชะตา’ ที่ท้ายที่สุดทั้งคู่ก็โดนพรากออกจากกันด้วยคนคนนี้ ดั่งที่บอกในเนื้อเพลง
ความระทมที่คับคั่งอยู่ในหัวใจยังคงเป็นเหมือนเชื้อเพลิงให้ศิลปินก่อไฟแห่งศิลปะมาโดยตลอด และครั้งนี้ก็เช่นกัน ในเพลง นิรันดร์ (NIRUN) ที่ศิลปินทั้งสามสร้างสรรค์ผลงานเพลงที่สามารถนำเสนอความอาดูรจากความรักออกมาได้อย่างงดงาม และยังนำเอาวัฒนธรรมของอาเซียนออกมาเล่าเรื่องราวในบทเพลงได้อย่างร่วมสมัย สวยงาม และน่าภาคภูมิใจ
ติดตาม คมชัดลึก ได้ที่
YouTube: https://www.youtube.com/channel/UCnniqWGq9lOqYd5sGWxVi7w
ข่าวที่เกี่ยวข้อง