ทำอาหารเลี้ยงผี "แบมบี้" หลังเลิกแฟน ควง อาย สงครามนางงาม

อาย สงครามนางงาม หรือ อาย วราไพรินทร์ ควงน้องแบมบี้ เดอะสตาร์9 หรือ แบมบี้ สิรินโสพิศ ปัจฉิมสวัสดิ์ มูเตลูชุดใหญ่ ทำอาหารเลี้ยงผีที่วัดกระซ้าย กรุงเก่าอยุธยา หลังอาจารย์แอนนี่ สัมผัสจิตพาทำบุญนั่งสมาธิถูกหวย3งวดติดพร้อมสื่อเจ้าที่ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ต้องการให้คนมานั่งสมาธิ-เวียนเทียนเยอะๆ เสริมบุญเฮงๆปังๆต้องบอกว่าวัดกระซ้ายเป็นวัดเก่าที่เหล่ารายการท้าผีมักจะมาลองของและต้องเจอดีกันเป็นแถว ซึ่งงานนี้ 2ดาราสาว อาย สงครามนางงามและ แบมบี้ เดอะสตาร์ ได้เปิดเผยกับทีมข่าวว่า

"ส่วนตัวอายสายมูอยู่แล้ว ที่ไหนใครว่าดีไปหมด เพราะเราทำงานในวงการบันเทิง รวมถึงธุรกิจส่วนตัว ก็ต้องการความปัง พอดีรู้จักกับอาจารย์แอนนี่สัมผัสจิต ชวนมานั่งสมาธิ ทำอาหารเลี้ยงผีเพราะถูกหวย3งวดติด ก็เลยตามมาอายไม่ได้ถูกหวยอะไรนะ อายมาเพื่อรับบุญจะได้ปังๆยิ่งขึ้น" อาย วราไพรินทร์กล่าว ด้านแบมบี้ เดอะสตาร์9 เผยต่อว่า"ปรกติก็จะไปกับอาจารย์แอนนี่บ่อย ปังดีนะ เงินไหลมาเทมา และวันนี้ก็ถือเป็นครั้งแรกที่ได้มาทำอาหารเลี้ยงผี เพราะที่ผ่านมาก็ถือว่าโชคดีมาตลอด ใครจะว่าเรางมงายก็แล้วแต่ ถ้าเราทำแล้วสบายใจมันก็เป็นสิทธิ์ของเรา ส่วนความรักจบไปปล่อยไปตามธรรมชาติ โฟกัสที่งานและเงินดีกว่า"

ด้านแอนนี่สัมผัสจิตเผยว่า "เจ้าที่ต้องการให้พาทุกคนมานั่งสมาธิ มาเวียนเทียน อยากให้วัดกระซ้าย มีคนมาทำบุญเยอะๆ เจ้าที่ ที่นี่แรงมาก และมีเทวดาปกป้องรักษาที่นี่เยอะ จากที่สื่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เขาต้องการให้คนมานั่งสมาธิกันเยอะๆ เพราะในอดีตที่นี่เป็นค่ายทหารด้วย ก่อนออกรบหรือทำศึกเขาจะทำพิธีพิชัยสงครามกันที่นี่ด้วย" แอนนี่กล่าว 

วัดกระซ้าย สันนิษฐานว่าเป็นวัดที่สร้างในสมัยอยุธยาตอนต้น ราวพุทธศตวรรษที่ ๒๐ – ๒๑ อาจจะเป็นวัดสมัยเดียวกันหรือใกล้เคียงกันกับวัดสามปลื้ม วัดสุวรรณาวาส วัดนางคำ วัดจงกลม วัดหลังคาขาว และวัดพระรามที่อยู่บริเวณทุ่งขวัญ เพราะต่างมีเจดีย์ซึ่งมีรูปแบบคล้ายกัน กล่าวคือเจดีย์ทรงสูง ก่ออิฐไม่สอปูน ฐานแปดเหลี่ยม ระฆังกลมบัลลังก์แปดเหลี่ยม ข้างในกลวง

มีการกล่าวถึงวัดนี้ในสมัยอยุธยาตอนปลายแล้วในหนังสือ “คำให้การขุนหลวงหาวัด” เกี่ยวกับการประหารชีวิตพระศรีศิลป์ซึ่งเป็นพระราชนัดดาของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ความว่า “มีพระราชนัดดาองค์หนึ่งเป็นโอรสของพระเชษฐา ชื่อพระศรีศิลป์กุมาร ชันษาได้ ๑๕ ปี จึ่งคิดเป็นขบถกับพระปิตุฉา จักมาสังหารชีวิตให้บรรลัย เอาพระแสงจะแทงพระนารายณ์ พระองค์จึ่งฉวยปลายกั้นหยั่งไว้ได้ทันที จึ่งจับตัวไว้ที่ทิมดาบ พระองค์ทรงแต่กำราบมิให้ตายพระองค์สงสารกับกุมารนั้นว่า ไร้ปิตุเรศมารดา แล้วเห็นแก่พระไชยาทิตย์ด้วยรักใคร่สนิทสนมกัน เพราะเป็นเชษฐาได้ฝากพระศรีศิลป์ไว้แต่เมื่อใกล้จะสิ้นชีพพิราลัย จึ่งสั่งให้ออกจากโทษ พระองค์โปรดเลี้ยงไว้ตามที่ ครั้นอยู่มาวันหนึ่งพระศรีศิลป์จึ่งคิดร้ายอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพระนารายณ์เสด็จออกว่าราชการเมืองอยู่ที่สีหบัญชร จึ่งพระศรีศิลป์ใจหาญนั้นถือพระแสงแล้วแฝงใบบานประตูอยู่ที่ห้องเสด็จเข้าไป ผู้ใดมิได้ล่วงรู้เห็น อันพระนารายณ์นั้นออกไปว่าราชการ จึ่งเรียกช้างพระที่นั่งเข้ามาดู พระองค์ก็เสด็จทรงช้าง แล้วเสด็จเข้ามาทางหนีง อันพระศรีศิลป์นั้นยืนแอบประตูอยู่ จนพนักงานนั้นเชิญเครื่องเข้ามา จึ่งเห็นพระศรีศิลป์ถือพระแสงและแฝงประตูอยู่ อันพนักงานเครื่องนั้นจึ่งกราบทูลตามที่เห็น พระองค์จึ่งเสด็จตรงออกมา แล้วก็จับตัวกุมารได้ทันใด จึ่งตรัสสั่งนายเพชฌฆาตให้สังหารเสียให้ตักษัย นายเพชฌฆาตจึ่งให้คุมตัวพระศรีศิลป์ไป จึ่งเอาตัวนั้นมัดผูกพัน แล้วใส่ลงใสแม่ขันสาคร แล้วจึ่งเอาใส่ลงในถุงแดง แล้วก็แห่หามไปยังวัดกระซ้าย แล้วจึ่งขุดหลุมฝังเสียทั้งเป็น…”