
ประวัติ "ต้าเอส" สวีซีหยวน นางเอก F4 ไต้หวัน ส่องผลงานชิ้นสุดท้าย
เปิดชีวิต "สวีซีหยวน" หรือ "ต้าเอส" นางเอกไต้หวัน จากซีรีส์ F4 เวอร์ชั่นแรกของโลก สู่วันที่จากไปตลอดกาล เปิดสาเหตุการเสียชีวิต ส่องผลงานชิ้นสุดท้าย
เรื่องราวช็อกวงการ อีกหนึ่งการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ "สวีซีหยวน (xúxīyuàn) หรือที่รู้จักกันในนาม "บาร์บี้ สวี" (Barbie Hsu) และที่แฟนคลับเรียกว่า "ต้าเอส" (Da s) นักแสดง นักร้อง และพิธีกรชาวไต้หวัน ที่โด่งดังจากบทบาท "ซานไช่" จากซีรีส์ไต้หวันเรื่อง "Meteor Garden รักใสใส หัวใจสี่ดวง หรือ F4" ออริจินอลเวอร์ชั่นแรกของโลก
ประวัติ ต้าเอส :
- เกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 1976 ในเมืองไทเป ประเทศไต้หวัน
- จบการศึกษาจากTaipei Hwa Kang Arts School
- เสียชีวิตในวัย 48 ปี (เปิดสาเหตุการเสียชีวิต จากภาวะปอดอักเสบจากไข้หวัดใหญ่)
จุดเริ่มต้นในวงการบันเทิง
ต้าเอสเคยเป็นนักร้องก่อนจะมาเป็นนักแสดง โดยเป็นหนึ่งในสมาชิกวงดูโอ้ "S.O.S (Sisters of Shu)" ร่วมกันกับน้องสาว เสี่ยวเอส โดยมีอัลบั้ม Abnormal Girls เป็นอัลบั้มสุดท้าย แต่ด้วยความหมายของชื่อ S.O.S พวกเธอจึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่อวงเป็น ASOS (A Sisters of Shu)
ต้าเอส เป็นที่รู้จักจากซีรีส์เรื่อง "Meteor Garden รักใสใส หัวใจสี่ดวง" หรือ "F4 ไต้หวัน" ที่สร้างมาจากการ์ตูนญี่ปุ่น ทำให้เธอมีชื่อเสียงมาก ต้าเอสได้แสดงภาพยนตร์จีนเรื่อง The Ghost Inside เป็นเรื่องแรก ก่อนจะปรากฏตัวในซีรีส์เรื่อง "Mars"
ผลงานซีรีส์
- 2007 Corner with Love
- 2005 Phantom Lover
- 2004 Mars
- 2004 Say Yes Enterprise (Story 3: Love Letter)
- 2003 A Chinese Ghost Story
- 2002 The Monkey King
- 2002 รักใสใสหัวใจ 4 ดวง ภาค 2 (Meteor Garden II) (CTS)
- 2001 รักใสใสหัวใจ 4 ดวง (Meteor Garden)
ผลงานภาพยนตร์
- 2008 My So Called Love
- 2008 Connected
- 2006 Silk รับบท Su Yuan
- 2005 The Ghost Inside
เปิดชีวิตส่วนตัว
- ต้าเอสเป็นสาวมังสวิรัติ และถูกจัดอันดับเป็นสาวมังสวิรัติที่เซ็กซี่ที่สุดจากการจัดอันดับของ PETA
- เคยออกหนังสือเกี่ยวกับความสวยความงามและเครื่องสำอาง
- เมื่อปี 2021 มีรายงานว่า "ต้าเอส" ได้ประกาศหย่าสามีนักธุรกิจ "หวังเสี่ยวเฟย" ยุติชีวิตแต่งงานที่อยู่กินด้วยกันมานานเกือบ 11 ปี (แต่งงานเมื่อ 22 มีนาคม 2011) มีบุตรด้วยกัน 2 คน ซึ่งในตอนนั้น สื่อต่างจับตาการแบ่งสินสมรส เพราะทั้งคู่มีทรัพย์สินรวมๆกันแล้วสูงถึง 950 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือประมาณ 1.12 พันล้านบาท ก่อนที่ในปีต่อมา จะมีข่าวเรื่องทวงค่าเลี้ยงดูบุตร