
‘นายกรัฐมนตรี’ อารมณ์ดี ควง ‘อุ๊งอิ๊ง’ เปิด Bangkok Design Week
“นายกรัฐมนตรี” ควง “อุ๊งอิ๊ง” เปิด Bangkok Design Week ร่วมเป็นแบบให้นักศึกษาวาดการ์ตูนลายเส้น มองน่ายินดี ทุกฝ่ายขับเคลื่อน-ต่อยอดสินทรัพย์ทางวัฒนธรรม ขณะ “อุ๊งอิ๊ง” ย้ำเทศกาลนี้เสมือนแหล่งรวมแนวคิด ผลิตซอฟต์พาวเวอร์ ลั่น ขอให้มาช่วยกัน ผลักดันนักออกแบบ-ศิลปินไทย
27 ม.ค. 2567 เวลา 14.00 น. ที่อาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก ถนนเจริญกรุง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดงาน “เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2567” หรือ “Bangkok Design Week 2024” (BKKDW2024) ภายใต้ธีม “Livable Scape คนยิ่งทำ เมืองยิ่งดี” โดยมีนางสาวแพทองธารชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ , นายภูมิธรรมเวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ , นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ร่วมงานด้วย
โดยนายกรัฐมนตรีมาถึงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ได้เยี่ยมชมนิทรรศการ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีและนางสาวแพทองธาร จะร่วมเป็นแบบ ยืนให้น้องนักศึกษาคณะศิลกรรมศาสตร์ วาดการ์ตูนลายเส้นผ่านอะคริลิคใส หลังจากนั้น ทั้งสองได้ลงลายเซ็นให้ และถ่ายรูปร่วมกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานว่า ตนมีความยินดีที่ได้มาร่วมเปิดงาน ความยินดีของตนมาจากหลายประการ ประการแรก เราได้เห็นพลังสร้างสรรค์ของคนจากหลากหลายอุตสาหกรรม มากกว่า 1,000 คน ที่มาร่วมกันแสดงผลงาน และที่สำคัญคือมาช่วยกันคิด ทดลองทำในหลากหลายกิจกรรมที่มีเป้าหมายการพัฒนาคุณภาพชีวิตในพื้นที่ต่างๆทั่วกรุงเทพฯ
ประการที่สอง เราจะได้เห็นกิจกรรมและผลงานสร้างสรรค์ที่กระจายอยู่ในกรุงเทพมากกว่า 15 ย่าน ทำให้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน ที่นำไปสู่การสร้างรายได้ การสร้างงานให้กับผู้ประกอบการและชุมชน เช่น การจัดเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพครั้งที่ผ่านมา มีผู้เข้าชมกว่า 2 ล้านคน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มหาศาลถึงกว่า 2,000 ล้านบาท นับว่าช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
ประการที่สาม การทำงานร่วมกันของเอกชนและภาครัฐเพื่อช่วยกันขับเคลื่อนให้เกิดการสร้างมูลค่าให้กับสินค้าและการบริการ ด้วยการประยุกต์ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ที่ช่วยต่อยอดสินทรัพย์ทางวัฒนธรรม อันจะเกิดอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งเสริมศักยภาพด้านการแข่งขันของธุรกิจไทยในระดับสากล
ประการสุดท้าย เราได้เห็นสีสันและการสร้างสิ่งใหม่ๆ ให้กับกรุงเทพที่จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงวัฒนธรรมในแต่ละย่าน นับเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวประเทศไทยในภาพรวมด้วย ดังนั้น การจัดเทศกาลในครั้งนี้จึงเป็นหนึ่งในเทศกาลที่หลากหลาย ทำให้เราได้เห็นภาพและ กลไกที่จะส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ชัดเจน สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยที่จะส่งต่อต่างประเทศได้
“ผมขอขอบคุณภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน พื้นที่ นักสร้างสรรค์ สถาบันการศึกษา องค์กรระหว่างประเทศ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านที่มาร่วมกันทำเรื่องของเราให้ดีขึ้น และหวังว่าความสำเร็จจากการจัดงานในครั้งนี้ จะเป็นพลังให้เกิดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตให้กับประเทศไทยต่อไป”
ด้านนางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ตนได้มางานนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ ในครั้งนี้ภายใต้แนวคิด Livable Scape คนยิ่งทำ เมืองยิ่งดี เป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับแนวทางการทำงานของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ที่กำลังชวนทุกคนมาร่วมกันลงมือทำ เพื่อผลักดันให้เกิดการต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยไปสู่ตลาดโลก
“เทศกาลฯ จึงเป็นเสมือนแหล่งรวมแนวคิดและผลผลิตใหม่ ๆ ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมของเมือง ที่เป็นเหมือนวัตถุดิบให้ภาครัฐและเอกชน ได้นำไปส่งเสริมและต่อยอดให้เข้มแข็ง และเมื่อสามารถทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ก็ย่อมจะช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศไทยมีพลังดึงดูดผู้คนให้สนใจและกระตุ้นให้เกิดการเชื่อมต่อตั้งแต่ระดับการค้า การลงทุน ไปจนถึงการเดินทางมาท่องเที่ยวและอยู่อาศัยในประเทศไทยมากขึ้น” นางสาวแพทองธาร กล่าว
“งานนี้อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้นักออกแบบไทย หรือศิลปินไทย ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะมาร่วมกันนะคะ ร่วมกันผลักดันให้ความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยไปสู่เวทีโลก” นางสาวแพทองธาร กล่าว
หลังจากเปิดงานเสร็จ นายกรัฐมนตรีและนางสาวแพทองธาร ได้เข้าเยี่ยมชมนิทรรศการภายนอกอาคาร
สำหรับงานเทศกาลนี้ จัดโดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ร่วมกับกรุงเทพมหานคร หน่วยงานภาครัฐและเอกชน สถาบันการศึกษา องค์กรระหว่างประเทศ และภาคีเครือข่ายย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ใน 15+ ย่านทั่วกรุงเทพฯ
โดยจัดตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค. - 4 ก.พ. 2567 พร้อมกิจกรรมกว่า 500 โปรแกรม คาดว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 350 ล้านบาท นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศไม่น้อยกว่า 300,000 คน