บันเทิง

ประมวลประโยควรคทองในละครบ้านเรา

ประมวลประโยควรคทองในละครบ้านเรา

06 มิ.ย. 2554

เชื่อขนมกินได้เลยว่า ใน 365 วัน คอละครบ้านเรา คงมีละครที่โปรดปรานสักเรื่องถึงสองเรื่อง และถ้าจะให้ลึกซึ้งไปกว่านั้น คงมีคนอีกจำนวนไม่น้อย เมื่อดูละครจบแล้วย้อนคิดถึงตัวเอง โดยสิ่งที่กระตุ้นให้กลับมามองตัวเองอีกครั้งนั้นก็คือ ข้อคิด หรือบรรดาวรรคทองต่างๆ

จากกระแสความแรงของละครเรื่อง “ดอกส้มสีทอง” ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมมากมาย เริ่มต้นตั้งแต่พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของ “เรยา” ที่กระทำต่อ “แม่” รวมไปถึงความต้องการในเรื่องคู่ครองซึ่งไร้ขีดจำกัด ยอมแม้กระทั้งทำผิดศีลธรรมในสังคมไทย และที่ถูกพูดถึงอีกเรื่องหนึ่ง คือในแง่ของความประทับใจ นั่นก็คือ คำพูดเด็ดจากปากของหลายๆ ตัวละคร 

"คุณดี๋น่ะ ดอกมะลิ หอมจริง แต่ไว้บูชาพระบนหิ้ง คุณใหญ่มันไม่เคยเจอดอกชบาก็หลงเอาไปทัดหู เพราะสีมันฉูดฉาด แต่...ทัดหูอวดคนเล่นได้เฉยๆ แต่ไม่ชื่นใจเพราะมันไม่หอม... ดีที่ยังไม่เหม็นเท่านั้น" เต้ เพื่อนคุณใหญ่

"เด่นไม่เชื่อคำพังเพยเชยๆ ที่ว่า เสียทองเท่าหัว ไม่ยอมเสียผัวให้ใคร เด่นจะเอาทั้งผัว จะเอาทั้งทอง!!!!" - เด่นจันทร์

"ไม่มีผู้ชายคนไหนเสียใจที่มีเมียน้อย อาม้าอยากให้ลื้อเป็นผู้ชายคนแรกที่จะเสียใจถ้ามีเมียน้อย" -- เม่งฮวย

“ถ้าเธอจะพูดว่า เสียใจ เธอต้องรู้สึกเสียใจจริงๆ ไม่อย่างนั้น เธอเองนั่นแหละที่จะต้องเสียใจ” คุณนายแหม่ม

"ความรักมันไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ มันต้องมีอะไรมาทำให้รัก ถ้าไม่มีก็คือไม่รัก" คุณใหญ่

"บางที เราก็ต้องมองข้ามไปบ้าง เวลาที่เพื่อนทำไม่ดี ไม่ใช่เลิกคบกันไปเลย ไม่งั้น เราคงไม่เหลือเพื่อนเลยสักคนเดียว มีใครล่ะที่เพอร์เฟกท์ ไม่เคยทำผิดอะไรเลย" นัท

 ขยับมาที่ละครเรื่องที่ 2 ที่ถือว่ามีแง่คิดโดนใจ นับเป็นละครอีกเรื่อง ที่ถือว่าเป็นละครที่แฝงไว้ในเรื่องการใช้ชีวิตคู่ “365 วันแห่งรัก” เป็นแง่คิดที่ ธุม (พ่ออี๊ด- สุประวัติ) พ่อของ “ตุลา”หรือ “ตุลย์” คอยพูดเตือนสติทุกครั้งที่ ตุลย์ และ ลัลมีปัญหากัน

“วันนี้…แกปล่อยให้ผู้หญิงอื่นมาเดินอยู่ในบ้าน แล้วเมียแกล่ะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน” -ธุม
 
“ตุลย์ ถ้าการกระทำของเมียแก ทำให้แกไม่ศรัทธาในตัวเมียแก แล้วตัวแกมันน่าศรัทธาหรือยัง…” -ธุม

“พ่ออยู่ช่วยแกไม่ได้ทุกวันหรอกนะ แกไม่ได้หมุนโลก..จะให้ทุกคนรู้สึกและคิดอย่างที่แกคิดไม่ได้หรอกนะตุลย์ ถ้าแกไม่สนใจความรู้สึกของคนที่แกบอกว่าเป็นเมีย…แกรู้ใช่ไหมว่าคดีมีวันหมด อายุความ…ความรักก็เหมือนกัน…”  -ธุม

 ขยับมาดูกันในเรื่องของ “ทาสรัก” กันบ้าง ถึงแม้เนื้อเรื่องส่วนใญ่จะพูดถึงความรัก แต่ยังได้แอบแฝงถึงเรื่องราวความทะเยอทะยานของคนในชนชั้นไพร่ในปลายยุครัชกาลที่ 4

“ข้าเกิดเป็นลูกทาส ทาสในเรือนเบี้ย แต่ใจข้าจะไม่ยอมใครหน้าไหนเป็นอันขาด” -- นางวาด

“เป็นทาสรัก ยอมสละทั้งชีวิต เพื่อให้คนรักมีความสุข โดยไม่หวังวาจะได้คนรักมาครอบครอง เป็นทาสริษยา ยอมสละทั้งชีวิต ยอมทำลายทุกอย่าง เพื่อได้คนรักมาครอบครองเท่านั้น เจ้าเลือกเอา ว่าเจ้าจะเป็นอย่างไหน” - อองดิน

 ส่วนในละครเพลงแนวเดอะ มิวสิคคัล อย่าง “ข้ามเวลามาหารัก” นับว่าเป็นละครอีกหนึ่งเรื่อง ที่ทำให้ผู้ชมได้เห็นถึงความรักอันมั่งคงและบริสุทธิ์ของพระเอกที่มีต่อนางเอก ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานขนาดไหนก็ตาม ซึ่งละครเรื่องนี้ก็มีประโยคกินใจเช่นกัน

 "ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ผมยังจำพิมพ์ของผมได้เสมอ” - เพชร

 ต่อด้วยละครแนวพีเรียดเรื่อง “มาลัยสามชาย” ชีวิตของสตรีที่บริสุทธิ์ดุจดั่งมาลัย แต่ต้องพลิกผันเพราะ 3 ชาย และแรงริษยา วรรคทองของเรื่องนี้เป็นประโยคที่เกี่ยวกับความรู้สึกลออรที่ต้องทนทุขก์ทรมานที่สามีคนแรกอย่าง ยศ พลาธร ที่มีเมียน้อย

 “พี่สงสารแม่ทองไพรำ แล้วไม่สงสารน้องบ้างหรือ ทุกข์ที่สุดของสตรีคือผัวมีเมียน้อยนะคะ น้องคิดว่าพี่ยศไปเรียนเมืองฝรั่งมังค่า จะไม่ถือทำเนียบคนรุ่นเจ้าคุณพ่อ” --- ลอออร

 “แม่ลอออรฟังป้านะหลานที่โบราณเขาว่ามีผัวผิดคิดจนตัวตายนั้น ป้าไม่อยากให้เกิดขึ้นกับหลาน เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับแม่ของหลานเลย” -- จรวย

 ทั้งนี้ยังมีข้อคิดดีๆ ไว้ในการปฏิบัติตัวในทางที่ถูกที่ควร และไม่ควรยึดติดกับสิ่งของที่ไม่ใช่ของเรา เริ่มต้นจากเรื่อง “เพลิงพรหม”

 “หยุดสะเถอะ เวรกรรมจะติดตามตัวเราไป คนเราจะหนีอะไร หนีได้ แต่หนีใจตัวเองไปไม่ได้ ตราบที่ใจยังยึดติดในความลุ่มหลงและยึดติดกับของที่ไม่ใช่ของหนู ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหน หนูก็จะไม่มีความสุข” --- เป็นคำสอนที่แม่ชีพูดให้อินตราฟัง

 รวมไปถึงในละครเรื่อง “เรือนซ่อนรัก” เป็นคำพูดในตอนอวสานของเรื่อง ที่สอดแทรกในเห็นการไม่เกรงกลัวต่อตำนานของเรือนซ่อนรัก พร้อมทั้งยังจะลุกขึ้นมาพลิกตำนานใหม่อีกครั้งและไม่ควรปล่อยชีวิตให้อยู่กับอดีต

 “เขายังคงกลัวตำนานเรือนซ่อนรักกันนะครับ แต่ละคนที่มาอยู่ที่นี่มีแต่ทุกข์ระทม ขมขื่น ไม่สมหวังในความรัก แล้วเราจะไปกลัวมันไปทำไม เราต้องเป็นผู้สร้างตำนาน สร้างประวัติศาสตร์ไม่ใช่ให้ประวัติศาสตร์มานำชีวิตของเรา ให้มันรู้ไปว่าผมจำไม่ได้ ค่อยดูนะครับผมจะเปลี่ยนตำนานเรือนซ่อนรัก ให้เป็นรักมิรู้ดับ ดอกรักไม่รู้โรย” -เกียรติเกรียงไกร

 ปิดท้ายที่ “ละครมนต์รักแม่น้ำมูล” ยังเป็นละครที่ได้พูดถึงความผูกพันสำนึกรักบ้านเกิดได้เป็นอย่างดี และยังได้กล่าวถึงภัยอันตรายที่ฉาบไว้ในเมืองหลวง เนื่องจากว่าในยุคที่เต็มไปด้วยการแข่งขันผู้คนจากต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงานในเมืองหลวง

 “บางคนก็ไปถึงฝัน บางคนฝันสลาย บางคนโดนหลอกไปขาย กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ใหญ่ มีทั้งมุมที่ดีและมุมที่แย่ ในช่วงเวลาเดียวกัน บางคนมีความสุขสนุกสนาน ส่วนอีกหลายคน ก็ตกระกรรมลำบากอยู่อย่างยากไร้ขึ้นอยู่กับโชคชะตากรุงเทพฯ” --- คำแปง

 “ตามหาความฝันไงครู!!” --- แคน

 “ตามหาฝัน ตามหาที่บ้านเราก็ได้ แคน จะมีที่ไหนอบอุ่นเท่ากับบ้านเราเอง ครูจะช่วยให้เด็กน้อยมีการศึกษา จะนำความรู้ที่ได้มาพัฒนาหมู่บ้านของเราเอง เด็กจะไม่ต้องมาผจญเวรผจญกรรม” - พิณ