บันเทิง

คมเคียวคมปากกา - มนต์รักเฟซบุ๊ก (จบ)

คมเคียวคมปากกา - มนต์รักเฟซบุ๊ก (จบ)

03 มิ.ย. 2554

เขียนต้นฉบับวันอังคารที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๖

 ทำท่าจะร่ายยาวว่าด้วย “เฟซบุ๊ก” แต่ดูท่าแล้ว เรื่องนี้ยาวไม่รู้จบ  เอาขนาดแค่พื้นที่สมองเล็กๆ อย่างผมก็ยืดยาว นี่ยังไม่ถึงส่วนเสี้ยวสมองของ “โลกไซเบอร์” หรือ “โลกความรอบรู้” ของผู้รู้ทั้งหลาย

 เอาเป็นว่าผมมักคิดเสมอว่า  “ในโลกนี้ยังมีเรื่องมากมายที่เรายังไม่รู้  และในทุกเรื่องที่เรายังไม่รู้นั้น หลายเรื่องเราก็ไม่อยากรู้ แค่เพียงบางเรื่องที่เรารู้ มันก็มากและยากเกินกว่าจะเข้าใจได้ทั้งหมดแล้ว”

 ดูแลสัญชาตญาณ และสามัญสำนึกของตัวเองให้ดี ไม่ว่าโลกจะเปิดช่องทางไหนให้โลดแล่นไป!

 เหมือนจะบ่น รำพึงรำพัน  ก็ประมาณนั้นแหละ สำหรับคนหลายโลกที่ไม่อยากขังตัวเองอยู่ในโลกใดโลกหนึ่ง การเห็นหลายโลกทำให้เห็นทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ที่หล่อหลอมอยู่ในตัวมันเอง  นี่เป็นเพียงบันทึกคร่าวๆ เบื้องต้นของคนเชยๆ ผู้ผ่านมาต้อง “มนต์รักเฟซบุ๊ก”  ที่วันหนึ่งอาจนำไปปรับใช้ต่อ

  “น่าจะลองแต่งเพลงมนต์รักเฟซบุ๊กบ้าง” เพื่อนบางคนแหย่ บอกเพื่อนว่าไม่ถนัด แต่ก็ไม่แน่...

 ชีวิตประจำวันของผม พอลูกเมียไปโรงเรียน ก็อยู่บ้านตามลำพัง ทำธุระส่วนตัว ทำงานในโลกส่วนตัว จากเมื่อก่อนขลุกอยู่กับกองกระดาษ ปากกา พิมพ์ดีด ก็กลายเป็น “โน้ตบุ๊ก”  ที่มี “ไวร์เลส” และคลื่นพิสดารพันลึก เพียงแค่ “คลิก” ไปที่คำว่า “หน้าแรก”  ก็อาจพาให้หลุดลอยไปถึงไหนต่อไหน 

 หลายครั้งก็เข้าไปทำงาน คือเข้าไปทักทายบุคคลเพื่อขอพูดคุยด้วย ขอความคิดความเห็นไปใช้งาน ซึ่งก็ถือว่าสะดวกสบายตามสมควร เหมือนพูดกันสดๆ ทางโทรศัพท์ ทั้งที่อยู่ไกลกันคนละขั้วโลก

 หลายครั้งก็เข้าไปดูโน่นดูนี่  หรือพูดคุยกับคนรู้จักทั่วไป หลายคนเพิ่งรู้จักมักคุ้นจากโลกใบนี้นี่แหละ คุยกันไม่กี่ครั้งก็ถูกคอ  บางคนเป็นเพื่อนเก่าที่หายหน้าหายตากันไป  พอยุคและกระแสที่ใครๆ ต่างใช้เจ้า “หน้าแรก” ตัวนี้  เพื่อนเก่าในความทรงจำเก่าๆ ก็หวนกลับมาพบกันมากมาย  บางคนเคยคิดว่าเหมือนตายจากกันแล้ว  เพียงแค่รู้ว่าต่างอยู่ดีมีสุข ณ มุมไหนของโลก  ก็นำมาซึ่งความรู้สึกที่ดีไม่น้อยเลย    
      
 ฟังว่า จำนวนผู้ใช้ “เฟซบุ๊ก” ทั่วโลกมีหลายร้อยล้านคน ในบ้านเราก็หลายล้าน โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ถึงกับติดอันดับ ๕ ของเมืองที่ใช้มากที่สุดในโลก  อะไรประมาณนั้น

 ใช้ไฟฟ้า ใช้คลื่นลม ใช้คลื่นอากาศ หากไร้ไฟ  ไร้คลื่น  จะเกิดอะไรบ้างก็ไม่รู้?  คิดถึงกลอนบทหนึ่งของ สนธิกาญจน์ กาญจนาสน์  ผู้เขียนกลอนว่าด้วยลมไว้ก่อนที่เราจะรู้จักการสื่อสารทางคลื่นลมวันนี้

 “จากเรื่องจริง เป็นเรื่องเล่น เป็นเรื่องเศร้า 
คนมาเก่า หลบหน้า คนมาใหม่ 
มากับลม ลมก็มา พาเธอไป 
เราก็ไกล กันเล่นเล่น จนเป็นจริง”

 ครับ เพื่อนใน “มนต์รักเฟซบุ๊ก” นับพันนั้น  หลายคนก็เหมือนมากับลม  หลายคนผ่านมาแล้วผ่านไป  แบบตามความพอใจอันพึงมี  หลายคนยังคงคุยกันอยู่อย่างต่อเนื่อง  เท่าที่มีเวลาและความรู้สึกร่วมกัน  ผมเป็นคนคุยน้อย  ไม่ค่อยมีเวลาเข้าไปดูแลรายละเอียดใครมากนัก  ไม่ค่อยยุ่งเรื่องส่วนตัว  ไม่ตีสนิทใครเกินจำเป็น โดยเฉพาะตรงส่วน “ข้อมูล” นั้น  น้อยมากที่จะได้เข้าไปดู  ก็แบบว่าคุยกันได้ก็คุย  ไม่ต้องเห็นหน้าค่าตา ไม่ต้องรู้อาชีพ ไม่ต้องรู้เป็นใครมาจากไหน  นั่นแหละหลายคนอาจไม่ “ถูกใจ” มากนัก 

 ผมไม่สะดวก “แชท” ยกเว้นคนที่พอรู้จักกันอยู่แล้ว  และการ “ยอมรับเป็นเพื่อน”  เมื่อก่อนกดรับไม่เลือก  เดี๋ยวนี้ต้องเลือกหน่อย  เคย “โพสต์” บอกแล้วหลายครั้ง  อย่างไรให้เขียนทักทายทาง “กล่องข้อความ”  และหากต้องการพูดคุยกันจริงๆ  ก็พูดกันแบบ “แห้งๆ” ในกล่องนั้น  ไม่สะดวกคุย “สดๆ”

 ตื่นเช้า  ผมพยายามออกวิ่ง  หรือเดินรอบหมู่บ้าน  รดน้ำต้นไม้  อยู่กับสวนนานๆ  อาบน้ำกินข้าวแล้ว  ก่อนเริ่มทำงานก็อาจเข้า “หน้าแรก” เล่นบ้าง  บางวันก็มากและติดลมโดยไม่รู้ตัว  เพียงแต่ในใจก็บอกตัวเองว่าไม่ต้องเสียดายเวลาหรอก  ถ้าจะต้องเจียดให้มันบ้าง  เพราะมันก็ให้ทั้งการพักผ่อนหย่อนใจ และลับสติปัญญา  ให้ทักษะภาษา  ให้สมาธิจัดการสื่อสาร  แม้กระทั่งการหยอกล้อเล่นกับเพื่อนในสายลมทั้งหลาย

 กลัวก็แต่...เมื่อปิดเครื่องแล้ว  เรื่องราวใน “มนต์รักเฟซบุ๊ก” จะตามมาหลอนชิงเวลาในชีวิตจริง!

"ไพวรินทร์ ขาวงาม"