บันเทิง

'เจ็ทส์' ส่วนผสมที่ลงตัว
ของ 'เจ็ทเซ็ทเตอร์'

'เจ็ทส์' ส่วนผสมที่ลงตัว ของ 'เจ็ทเซ็ทเตอร์'

17 พ.ค. 2554

เส้นทางสายดนตรีอาจโรยด้วยกลีบกุหลาบสำหรับบางคน แต่สำหรับวง “เจ็ทเซ็ทเตอร์” ถนนสายนี้มีขวากหนามมากมายสำหรับพวกเขา ทั้งที่วงนี้มีความสามารถ มีเอกลักษณ์ในตัวเอง แต่พวกเขากลับไม่ได้มีกลีบกุหลาบโรยตามทางเหมือนหลายๆ คน

 แต่มาวันนี้ “เจ็ทเซ็ทเตอร์” ที่สมาชิกประกอบด้วย “ที” พิพิธพล ขำรัตน์ (ร้องนำ) “หมู” วรพจน์ วิศรุตนาถ (เบส) “เอ็ด” จุมพฏ จรรยหาญ (กลอง) และ “โอ” ทฤษฎี ศรีม่วง (กีตาร์-ร้องร่วม) ได้เดินมาเจอเส้นทางที่ราบเรียบ ถึงจะไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ก็คงจะช่วยให้ความสามารถของวง “เจ็ทเซ็ทเตอร์” ก้าวเข้ามาอยู่ภายใต้ชายคาของ “แกรมมี่” แม้ว่าในช่วงแรกอาจจะต้องโยกย้ายขยับตัวจากค่าย “เวิร์คแก๊งค์” ของ กฤช กฤษณาวารินทร์ มาอยู่ค่าย สนามหลวง ที่กุมบังเหียนโดย ฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม ทายาทคนโตของ “อากู๋” ไพบูลย์ โดย “โอ” มือกีตาร์ของวงเล่าถึงเรื่องนี้ว่า

 “ถ้าเล่าตั้งแต่เริ่มแรกเลย ต้องย้อนไปตั้งแต่ก่อนที่จะมาอยู่ที่แกรมมี่ว่าคนที่ชวนเรามาอยู่ที่นี่คือพี่เต็ด (“ป๋าเต็ด” ยุทธนา บุญอ้อม) ซึ่งตอนนั้นพี่เต็ดดูแลสนามหลวงอยู่ แต่ด้วยระยะเวลาที่เรากำลังตัดสินใจอยู่ พี่เต็ดก็ไม่ได้ทำค่ายสนามหลวงแล้ว พอเมื่อเราตัดสินใจมาอยู่กับแกรมมี่ ทางพี่เต็ดเลยเอาไปฝากฝังไว้กับทางพี่กฤช(กฤช กฤษณาวารินทร์) ที่เวิร์คแก๊งค์ ในตอนนั้น เลยได้ไปร่วมในโปรเจกท์เลซี่ซันเดย์ของพี่กฤชด้วย แต่เมื่อฟ้าใหม่ (ฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม) มาดูทางค่ายสนามหลวง ได้ดึงเรากลับไป อาจเพราะด้วยแนวทางและการทำงานเราอาจจะเหมาะกับทางค่ายสนามหลวงมากกว่า” มือกีตาร์กล่าว โดย “โอ” ยังเสริมต่อถึงการทำงานกับ “สนามหลวง” ว่าเป็นไปตามความต้องการที่ตรงกันของทั้งสองฝ่าย

 “การทำงานกับสนามหลวงบอกได้เลยว่าเป็นอย่างที่เราต้องการมากคือพวกเราทำงานเพลงของตัวเอง ไม่มีการเข้ามาแทรกซึมว่าต้องไปในทางนี้หรือรูปแบบนี้ คือฟ้าใหม่ให้อิสระกับเราเต็มที่ อาจจะแตกต่างจากเดิมตรงที่เมื่อก่อนเพลงอาจจะถูกชี้ขาดที่เรา 4 คนว่าชอบไม่ชอบ แต่พอมาตรงนี้ก็เหมือนมีทีมงานสนามหลวงมาช่วยเพิ่มเติมให้มันดีขึ้นไปอีก เป็นการเปิดโลกของพวกเราให้กว้างขึ้นกว่าเดิมด้วย” โอเผย

 ก่อนจะยอมรับว่าการมาอยู่ใต้ชายคา “แกรมมี่” ทำให้ตลาดแฟนเพลงของพวกเขาเพิ่มมากขึ้น จากเมื่อก่อนเพลงอาจจะเป็นที่รู้จักอย่างเพลง “จูบ” และ “ใจร้าย” แต่วงไม่ได้รับการตอบรับที่ดี แต่เมื่อก้าวเข้ามา “แกรมมี่” ได้ดูแลในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ทำให้เพลงเป็นที่รู้จักวงกว้างมากกว่าเดิม และชื่อของ “เจ็ทเซ็ทเตอร์” จึงเป็นชื่อที่รู้จักไปด้วย

 มาถึงอัลบั้มใหม่ที่ชื่อว่า “เจ็ทส์” โดยนักร้องนำ “ที” เล่าให้ฟังว่าใช้เวลาทำงานมามากกว่า 3 ปี เพราะอัลบั้มนี้ทำมาตั้งแต่ตอนออกจากค่ายเพลงเดิม ทำกันมาเรื่อยๆ กระทั่งได้ “แกรมมี่” มาเป็นต้นสังกัด จึงเริ่มเข้าห้องอัด ซึ่งใช้เวลาแค่เพียง 3 เดือนในห้องอัดเท่านั้นในการทำอัลบั้มสมบูรณ์นี้ออกมา อีกทั้งงานเพลงในอัลบั้มนี้ยังคงความเป็น "เจ็ทเซ็ทเตอร์" ไม่เปลี่ยนแปลง แต่อาจจะเพิ่มสีสันด้วยความเป็น ป๊อป โซล เพื่อให้คนฟังได้เข้าใจถึงดนตรีในแบบที่พวกเขาต้องการสื่อออกมา

 “ถ้าใครได้ฟังอัลบั้มแรกของพวกเราจะรู้ว่าอัลบั้มนั้นเราจะออกมาบริสุทธิ์มาก ทำด้วยความต้องการของพวกเรากันเอง พอมาอัลบั้มที่ 2 จะหนักกว่าอัลบั้มแรก แต่อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่ 3 จะเป็นการเอาส่วนผสมจากอัลบั้มแรก และอัลบั้มที่สองมาร่วมกัน โดยจะเน้นการเรียบเรียงที่พิถีพิถันมากขึ้น จริงๆ พวกเราเป็นวงที่ชอบเพลงที่เป็นเหมือนบทประพันธ์ แต่ด้วยยุคสมัยคำบางคำอาจจะไม่เหมาะกับเพลงยุคนี้ เราเลยปรับเปลี่ยนให้เนื้อเพลงของพวกเราทันสมัยมากยิ่งขึ้น และสิ่งที่เปลี่ยนไปจาก 2 อัลบั้มแรกคือการอัดสด เมื่อก่อนเด้วยกำลังต่างๆ ของพวกเราไม่สามารถที่จะอัดเครื่องดนตรีบางชิ้นสดได้อย่างเช่น เครื่องเป่าที่เราต้องใช้ซาวนด์สำเร็จแทน แต่พอมาอยู่แกรมมี่เราสามารถที่จะนำเครื่องเป่ามาอัดสดได้ ทำให้อัลบั้มนี้สมบูรณ์และกลมกล่อมมากขึ้น” ทีบอก

 ก่อนจะปิดท้ายว่าเพลงในอัลบั้มนี้ของพวกเขาไม่ได้มีแค่เพลงรักทั่วๆ ไปเท่านั้น แต่ยังมีความพิเศษอยู่อีกหนึ่งเพลงคือเพลง “ออล วี นีด อีส เลิฟ (All we need is love...รักคือคำตอบ” เพลงที่แต่งพวกเขาทำขึ้นมาเพื่อบอกเป็นกำลังใจ และให้ความหวังหลังเกิดเหตุการณ์มากมายบนโลกใบนี้ แถมเพลงนี้ยังเป็นเพลงแรกที่พวกเขาทั้ง 4 คนได้ร้องด้วยกันอีกด้วย