บันเทิง

ตามหาความรักกับบทเพลงของ"โต๋"

ตามหาความรักกับบทเพลงของ"โต๋"

15 พ.ค. 2554

ไปเรียนรู้ชีวิตที่ประเทศไต้หวันมา 1 ปีเต็ม ในที่สุดนักร้องหนุ่มแก้มป่อง "โต๋" ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร ก็กลับมาพร้อมกับอัลบั้มใหม่ "Where is love" ที่เปลี่ยนความเป็นหนุ่มน้อยวัยใสของ "โต๋" ไปแบบสนิทใจเลยทีเดียว

 "ผมไม่ได้ออกอัลบั้มชุดใหม่มานานแล้ว ไม่ได้เจอพี่สื่อมวลชน ไม่ได้เจอแฟนๆ นานมากแล้ว เพราะหนึ่งปีที่ผ่านมา ผมไปอยู่ที่ไต้หวันซะเยอะด้วย ทำให้ไม่ได้ออกอัลบั้มมานานน่าจะเกือบ 2 ปีแล้ว ครั้งได้กลับมากับอัลบั้มชุดใหม่ "แวร์ อีส เลิฟ (Where is Love)" ซึ่งผมคิดถึงการกลับมาทำงาน คิดถึงแฟนเพลง เพราะเราหายไปนาน และเราก็โตขึ้นตามวัยของเรา เราได้เจออะไรใหม่ๆ เราได้ไปเรียนรู้อะไรใหม่ๆ โต๋ได้ไปพบเห็นอะไรใหม่ๆ อัลบั้มนี้เลยเหมือนเป็นการทำเพลงที่แสดงให้เห็นตัวตนใหม่ๆ ของผมออกมา และเหมือนเป็นการอัพเดทความเป็นตัวผม ณ เวลานี้ให้แฟนๆ ได้รู้จักด้วย ที่บอกว่าได้รู้จักกันใหม่ เพราะอัลบั้มนี้มันเหมือนเป็นการเปลี่ยนอารมณ์ใหม่ เปลี่ยนดนตรีแนวใหม่ เปลี่ยนลุคใหม่ของผมด้วย ผมว่าทุกคนก็ดูสดชื่น ดูมีชีวิตชีวาดีที่เราเปลี่ยนบ้าง เหมือนมีอะไรใหม่ๆ ให้พูดถึง มีเพลงใหม่ๆ ให้ได้ฟัง สำหรับผม" นักร้องหนุ่มแก้มป่องกล่าว พร้อมทั้งเล่าถึงการทำงานในอัลบั้มนี้ว่า

 "อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มร้องชุดที่สามของผมแล้ว อัลบั้มนี้ทำในช่วงที่ผมไปไต้หวันแรกๆ ซึ่งนอกนั้นผมรู้แล้วว่าผมจะต้องทำอัลบั้มที่เมืองไทย แต่ตอนนั้นผมไม่มีไอเดียคร่าวๆ เลยว่าจะทำแบบไหน คือทุกอย่างในตอนนั้นยังว่างเปล่าอยู่ เพราะว่าทุกอย่างเกี่ยวกับผมมันยังเหมือนเดิม ผมเลยยังไม่อยากออกมาให้มันเหมือนเดิมๆ ผมเลยอยากที่จะเปลี่ยนบ้าง พอไปที่ไต้หวันได้เจออะไรหลายๆ อย่าง เพราะเป็นครั้งแรกที่ผมได้ไปอยู่คนเดียว มันเกิดความรู้สึกหลายอย่างทั้งความเหงา ทั้งความกดดัน มันเกิดความเครียดที่ต้องดูแลตัวเอง ทำให้ผมได้โตขึ้น ได้มองมุมอะไรมากขึ้น ทำให้มุมมองเราเปิดกว้างขึ้น วิธีการเขียนเพลง วิธีการคิดของเรามันเปลี่ยนไป ชุดนี้เลยจะเป็นอะไรที่โตขึ้นและหนักแน่นขึ้น ซึ่งในอัลบั้มนี้ปลายๆ หางมันจะติดร็อกๆ นิดหน่อย แต่จริงๆ แล้วก็ยังเป็นตัวเรา แต่เป็นตัวเรา ณ เวลานี้" ศิลปินวัยรุ่นเผย

 โดย "โต๋" ยังเสริมต่อว่า ไม่ใช่อัลบั้มก่อนหน้านี้จะไม่ดี แต่อัลบั้มก่อนๆ ดีที่สุดใน ณ เวลานั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป โต๋ได้โตขึ้น ทำให้ต้องพัฒนาตัวเองตามไปด้วย จะหยุดอยู่กับที่ไม่ได้ ซึ่งนักร้องหนุ่มยังเล่าต่อแบบอารมณ์ดี ว่าตั้งแต่กลับมาจากไต้หวัน หลายคนทักเขาว่าพูดเก่งขึ้น และดูไม่ได้ขี้อายเหมือนเมื่อก่อน ที่จะต้องมีเปียโนเป็นอาวุธแก้เขินตลอดเวลา แต่มาวันนี้โต๋เริ่มมั่นใจขึ้น พร้อมพูดติดตลกว่า "เหมือนยิ่งโตขึ้น แต่กับเด็กลง" ก่อนที่จะเผยต่อว่าตอนนี้มีความมั่นใจมากขึ้น และกล้าลุยมากขึ้นด้วย

 ซึ่งนักร้องหนุ่มคนเก่งยังกล่าวถึงแรงบันดาลใจในการทำอัลบั้มนี้ว่ามันเกิดขึ้นจากการที่ได้ไปอยู่คนเดียวที่ไต้หวัน เพลงเลยถูกเขียนออกมาโดยจะสะท้อนในมุมที่โตขึ้นเรื่อยๆ

 "เมื่อก่อนคนจะเห็นผมร้องเพลงในมุมที่เป็นแง่บวก หวานๆ อย่างเดียว ชุดนี้จะมีเพลงที่พูดถึงความเหงา ความอกหัก ความผิดหวัง อย่างบางเพลงในอัลบั้มจะมีการพูดถึงชีวิตที่มันโตขึ้น อย่างเพลงที่ผมชอบมากคือเพลง "สักวันมันก็ผ่านไป" เพลงที่พี่บอย (บอย โกสิยพงษ์) เป็นคนเขียนเนื้อให้ โดยผมเป็นคนเขียนทำนองมาตั้งแต่ที่ไต้หวัน แล้วเรียบเรียงมาเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยเพลงนี้มีท่อนหนึ่ง ที่พี่บอยเขียนว่า "ถ้าเธอเหนื่อย ถ้าเธอท้อ ให้จำไว้ว่าคนที่ไม่เคยแพ้ คนที่ไม่เคยล้ม คือคนที่ไม่เคยทำอะไรเลย ให้อดทนไว้แล้วสักวันหนึ่งมันก็ผ่านไป จะร้ายจะดียังไง เดี๋ยววันหนึ่งมันก็ผ่านไป" เรามีเพลงนี้ เสริมเข้ามาในอัลบั้มบ้าง เพื่อให้เราได้ดูโตขึ้น ตามวัยตามสิ่งที่เราเจอ เพราะเมื่อเราเจออะไรมากขึ้น มันเหมือน ว่ามันเจ็บมากขึ้นด้วย เมื่อก่อนเราเป็นเด็กเราอยู่กับคนรอบข้างที่ใสหมด ด้วยความที่เราเป็นเด็ก แต่พอมาเจออะไรเอง ได้เรียนรู้ความเจ็บและเรียนรู้ความอดทน อัลบั้มนี้หลายๆ มุมมองมาจากชีวิตรอบตัวเรา เมื่อเราโตขึ้น เพลงของเราโตขึ้นมาไปด้วย" โต๋บอก