
Fist Five (Fast and Furious 5)
เปิดตัวในสหรัฐอเมริกาเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ด้วยสถิติหนังทำเงินสูงสุดที่เปิดฉายเป็นสัปดาห์แรกของปีนี้ด้วยตัวเลขกว่า 86 ดอลลาร์
การที่หนังเรื่องหนึ่งเดินทางมาถึงภาคที่ 5 และทำรายได้(เปิดตัว)สูงขึ้นเรื่อยๆ ซ้ำมีแนวโน้มว่า อาจจะมีภาคต่อไปอีกของ Fast and Furious แสดงว่า ตัวหนังมีความสนใจหรือไม่ก็มีจุดขายที่แข็งแรงอะไรบางอย่าง ทำให้หนังชุดนี้ได้รับความนิยมต่อเนื่องยาวนานมาร่วม 10 ปี และโดยเฉพาะ Fast Five ภาคนี้ การที่หนังประสบความสำเร็จถล่มทลายทันทีที่ออกฉาย บอกได้คำว่ามาจากความ ‘มันส์’ ล้วนๆ และคนทำหนังดูเหมือนจะรู้จักท่าไม้ตายของตัวเองเป็นอย่างดี (แหงล่ะ สร้างมาถึงภาค 5 แล้วนี่)
“Fast Five” ไม่มัวพะเน้าพะนอกับการสร้างปูมหลังให้ตัวละครชุดเดิมคิดถึงแรงจูงใจในการปฏิบัติภารกิจใหม่มากนัก หรือแม้แต่แนะนำตัวละครหน้าใหม่ๆ เข้ามาเสริมทัพทั้งฝ่ายดีฝ่ายร้าย หรือกระทั่งเปลี่ยนบรรยากาศไปเล่นกับอารมณ์ดราม่า แม้จะมีบ้างแต่ก็น้อยถึงน้อยมาก หนังอาจจะทอดเวลาให้แก่ตัวละครหลักๆ บ้างทั้ง ‘โดมินิค’ หัวหน้าแก๊ง และ ‘มีอา’ น้องสาว ที่ภาคนี้กำลังจะเป็นแม่คน รวมทั้งแฟนหนุ่ม ‘ไบรอัน’ ตำรวจนอกรีต จากแทรกซึมเข้ามาเป็นสายสืบก็หันมารวมหัวจมท้ายเข้าร่วมกับแก๊งอาชญากรรมตีนผีในที่สุด กระทั่งคู่ต่อกรคนใหม่อย่างเจ้าหน้าที่ ‘ลุค ฮ็อบส์’ และตำรวจหญิงผู้ตงฉินอย่าง ‘รีเยส’ (สองคนหลังนี้ อาจจะมีบทบาทในภาคต่อๆ ไปด้วย) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หนังก็ไม่ให้เวลากับตัวละครเหล่านี้มากเกินไป พาไปทำความรู้จัก สร้างความผูกพันกันแค่ไม่กี่นาที จากนั้นหนังก็ตัดกลับไปสู่โมเม้นท์ของอารมณ์แบบฟูเรียส ทั้งการประลองท้าความเร็วของรถหลายสายพันธ์ การไล่ล่าระหว่างตำรวจผู้ร้าย และผู้ร้ายกับตัวที่ร้ายยิ่งกว่า
แค่เปิดเรื่อง “Fast Five” ก็ทำเอาผู้ชมหายใจกันไม่ทั่วท้อง เมื่อแก๊งอาชญากรตัวเอ้ ลงมือชิงผู้ต้องหากลางวันแสก จากนั้นหนีมาบราซิลก็ออกปล้นรถยนต์หรูของกลางจากเจ้าหน้าที่ปปส. บนขบวนรถไฟในทันที เท่านั้นไม่พอในซีเควนซ์แรก หนังยังเติมความ ‘มันส์’ ด้วยการสร้างสถานการณ์ให้ ‘โจร’ หักหลังโจรด้วยกัน พร้อมๆ กับหนีการไล่ล่าของตำรวจ ทั้งบนรถไฟ, ติดอยู่ในรถบรรทุก, กระโดดลงบนรถสปอร์ตหรู ก่อนจะนำมาด้วยการระเบิดทิ้งทุกยานพาหนะที่เอ่ยมาอย่างสะสาสมแก่ใจ
หลังปล้นรถขนน้ำมันในภาคที่แล้ว ข้ามไปแข่งดริฟท์ไกลถึงโตเกียวในภาคที่ 3 มาถึง ‘Fast&Furious’ ภาคนี้ ภารกิจของก๊วนตีนผี ข้ามขั้นด้วยการวางแผนปล้นเงินเจ้าพ่อค้ายารายใหญ่ผู้ทรงอิทธิพล สามารถบงการได้กระทั่งตำรวจทั้งโรงพัก ภารกิจครั้งนี้ใช่ว่าจะเป็นไปโดยง่าย เมื่อพวกเขาต้องเจออุปสรรคมากมายตั้งแต่หนีการไล่ล่าของนายตำรวจฝีมือดีที่ตามมาจากอเมริกาเพื่อสะสางคดีเก่าๆ และอาจเอื้อมล้วงคองูเห่าเมื่อต้องเข้าบุกชิงเงินจำนวนมหาศาลจากเซฟลับที่มีการดูแลอารักขาอย่างดีโดยตำรวจประจำท้องถิ่น
“Fast Five” เล่นเอาล่อเอาเถิด พาคนดูเตลิเปิดเปิงไปเกือบตลอดเวลา หนังพยายามตะล่อมกล่อมคนดูให้เพลินไปกับภารกิจน้อยใหญ่มากมาย ตั้งแต่ออกตระเวนแข่งรถเพื่อสรรหาพาหนะที่มีสมรรถภาพดีที่สุดในการปล้น การทดสอบรถที่ชิงมาเพื่อดูว่ากล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพป้ายทะเบียนได้ทันหรือเปล่า
แม้จะวางแผนซะดิบดี แต่สุดท้ายหมู่โจรก็หาทางออกง่ายๆ แต่เต็มไปด้วยความห่ามห้าว และคราวนี้ล่ะ คนดูก็ได้พบกับขบวนไล่ล่าที่ทำเอาทั้งเมืองถึงขั้นโกลาหลกันเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่า แต่ละฉาก แต่ละช็อต ล้วนเต็มไปด้วยการทำลายล้างวินาศสันตะโรของรถราที่พุ่งชนกันแหลกลาญ ระเบิดระเบ้อ จนทำให้ท้องถนนแทบจะกลายเป็นสุสานไปโดยพลัน
นอกจาก ‘ไม้เด็ด’ ของหนัง “Fast Five” จะอยู่ที่รถสปอร์ตสองคันลากเซฟขนาดมหึมาวิ่งพล่านล่อรถตำรวจให้ออกไล่ล่าอยู่กลางเมืองแล้ว ‘ทริค’ ของหนังอีกอย่างคือการใช้เจ้า ‘เซฟยักษ์’ ที่ว่า แทนอาวุธ ปัดกวาดรถทุกคันที่เข้ามาในรัศมีให้กระเจิดกระเจิง กระจัดกระจาย พังพินาศกันไปคันแล้วคันเล่า
ความมันส์สะใจในหนังเรื่องนี้ มาจากการที่ได้เห็นความหายนะเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่สำคัญมันเกิดขึ้นกับเหล่าตำรวจกังฉิน และวายร้ายจอมอิทธิพลที่กว้านซื้อทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตคน
ชื่อเรื่อง : Fast Five / Fast and Furious 5
ผู้เขียนบท : คริส มอร์แกน
ผู้กำกับ : จัสติน ลิน
นักแสดง : วิน ดีเซล, พอล วอล์คเกอร์, จอร์ดาน่า บรูว์สเตอร์, ดเวย์น จอห์นสัน, ไทรีส กิ๊บสัน
เรตติ้ง : น.15+ ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้ชมอายุ 15 ปีขึ้นไป
วันที่เข้าฉาย : 5 พฤษภาคม 2554
"ณัฐพงษ์ โอฆะพนม"